ลูกสุดช้ำพ่อเฉดหัวพ้นบ้าน เชื่อร่างทรงเป็นมารผจญ อีกรายตรอมใจตายหมดตัว (คลิป)

กรณีมีผู้เสียหายชาวจังหวัดมหาสารคาม ได้ลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อเอาผิดต่อสำนักร่างทรงแห่งหนึ่ง ในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากมีการหลอกให้พ่อแม่ของผู้ร้องเรียน เสียเงินเกือบ 1 ล้านบาทนั้น

วันที่ 22 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายัง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม พูดคุยกับนางสาววิไลลักษณ์ เถื่อนคำแสน ลูกสาวของตาเหรียญและยายน้อย ผู้เสียหาย เปิดใจเล่าว่า เมื่อช่วงปลายปี 2564 พ่อของตัวเองเริ่มมีอาการแปลก คือชอบแต่งกายนุ่งขาวห่มขาว เริ่มมีการติดต่อหาผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่านางสาวอำ (นามสมมติ) ที่พ่อเรียกว่าเป็นร่างทรงปู่ขาว แล้วนางสาวอำ ก็มีการนำสร้อยคำที่อ้างว่าเป็นจี้พระหลวงปู่ทวด และพระสมเด็จมูลค่าองค์ละ 50 ล้านบาทให้ใส่

ซึ่งระยะนั้นพ่อของตัวเองก็จะสวมใส่สร้อยพระเส้นนั้นอยู่เป็นประจำ แล้วต่อมาพ่อก็พาแม่เข้าไปเป็นศิษย์ร่างทรงคนดังกล่าว กลับมาบ้านแม่ก็จะห้อยพระมูลค่า 50 ล้านบาทเหมือนกันกับพ่อ จากนั้นเป็นต้นมาแม่และพ่อตัวเองก็นับถือนางสาวอำแบบสุดโต่ง ถึงขั้นเรียกนางสาวอำว่านางฟ้า ทั้งที่นางสาวอำมีศักดิ์เป็นหลานสาวแม่ เพราะเขาเป็นลูกสาวของน้องสาวแม่

ช่วงเดือน พ.ย. 2564 พ่อได้นำพระสมเด็จมาจากร่างทรงคนดังกล่าว จำนวน 3 องค์ มาให้ตัวเองและพี่อีก 2 คนใส่บูชา โดยพ่อบอกกับลูก ๆ ว่าพระมีมูลค่า เวลาใส่ก็ให้ลูก ๆ เอาพระออกมาโชว์ตลอดเวลา และพ่อก็อาการหนักถึงขั้นโทรมาสอบถามมากำชับลูก ๆ ทุกวันว่าให้ห้อยพระ พ่อปู่จะได้สอดส่องตลอดเวลา จนตัวเองและพี่น้องรู้สึกแปลก และไม่ห้อยพระอีกเลย

วันที่ 17 พ.ย. 2564 ร่างทรงปู่ขาวออกอุบายว่า บ้านของพ่อไม่สะอาด มีสัมภเวสีสิงอยู่ ถ้าบ้านหลังดังกล่าวสะอาด พ่อปู่ขาวจะเอาทรัพย์สมบัติมาให้เต็มบ้าน ทำให้พ่อได้บอกให้ตัวเองย้ายออกจากบ้าน ห้เหตุผลว่าอยากให้ตัวเองไปอยู่เป็นครอบครัว ซึ่งตัวเองเป็นลูกสาวคนเล็ก และเป็นคนเดียวที่อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับพ่อแม่ จากนั้นตัวเอง สามี และลูกก็ย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่

ต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2565 นางสาวอำและบริวารของเขา ก็ขนพระพุทธรูปเข้ามาวางในบ้านพ่อจนเต็มบ้าน พอตัวเองไปเห็นแล้ว ก็ตกใจที่เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่วางเต็มบ้าน ลักษณะจองพระพุทธรูปก็เหมือนมนต์ขลัง น่ากลัว มีกลิ่นแรง พร้อมกับสอบถามพ่อว่า พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ในบ้านได้มาอย่างไร พ่อก็บอกว่า "ปู่ให้มา ปู่เสกขึ้นมาเอง คนมีบุญเท่านั้นถึงจะได้" ตัวเองก็ยังต่อว่าพ่อว่า "ทำไมพ่อบุญหนักจังเลย ถึงได้พระพุทธรูปมาตั้งเต็มบ้าน" จึงถามย้ำพ่ออีกว่าไม่ได้ซื้อใช่ไหม

คืนวันที่ 19 มกราคม 2565 ตัวเองและพี่ๆได้ไปหาพ่อที่บ้าน ก็เจอพ่อกับแม่นั่งอยู่ที่พื้น ส่วนนางสาวอำ เขาจะนั่งบนเก้าอี้ แล้วพ่อแม่ก็ยกมือกราบไหว้ ผู้หญิงคนดังกล่าว ซึ่งก็ทำให้ตัวเองและพี่น้อง ต่างพากันรับไม่ได้ จากนั้นลูก ๆ ก็มีการประชุมกัน และเริ่มรู้ตัวว่าพ่อน่าจะถูกผู้หญิงคนดังกล่าวหลอกลวงแล้ว เช้าวันที่ 20 มกราคม 2565 ลูกทั้ง 3 คน ได้ไปตรวจสอบโทรศัพท์ของพ่อ ก็พบว่าแชตไลน์ที่พ่อคุยกับนางสาวอำได้โอนเงิน ส่งสลิปให้นางสาวอำหลายครั้ง ตั้งแต่หลักหมื่นบาท จนถึงหลักแสนบาท รวมประมาณ 8-9 แสนบาท จนลูกทุกคนพากันอึ้ง จากนั้นลูก ๆ จึงเข้าไปสอบถามพ่อตรง ๆ ว่า "พ่อได้พระพุทธรูปมาฟรีจริงหรอ ไม่ใช่เสียเงินถูกเขาหลอกมาหรอ" พ่อก็มีอาการเกรี้ยวกราด พูดขึ้นมาว่า "ได้มาฟรี แต่ถ้าถูกหลอกก็เต็มใจให้หลอก"

จากนั้น พ่อตัวเองก็ถือค้อนไล่ลูก ๆ ออกจากบ้าน และไม่ให้ลูก 3 คนไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีก และวันที่ตัวเองออกมาจากบ้าน ตัวเองก็ได้ก้มกราบเท้าพ่อและแม่อีกด้วย ตัวเองสังเกตว่าพ่อและแม่ตัวเองยังมีพฤติกรรมแปลก ชอบอมอะไรบางอย่างไว้ในปาก คาดว่านางสาวอำเป็นคนเอาลูกอมให้พ่ออม เวลาที่พ่ออมลูกอมในปากพ่อก็จะมีอารมณ์เกรี้ยวกราด ส่วนเวลาที่พ่อไม่ได้อมลูกอมก็จะรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อวานนี้พ่อก็ได้บอกว่า เงินที่เขาโอนให้กับนางสาวอำเป็นเงินที่ใช้หนี้นางสาวอำ เพราะพ่อติดหนี้นางสาวอำอยู่ 2 ล้านบาท ครอบครัวตัวเองก็ไม่เชื่อว่าพ่อจะเป็นหนี้นางสาวอำ เพราะพ่อไม่เคยติดหนี้ใครมาก่อน และเมื่อคืนนี้ นางสาวอำก็พาพ่อไปทำสัญญากู้ยืมเงินที่ สภ.โกสุมพิสัย อ้างว่าเงินที่พ่อโอนเข้าบัญชีเขาทั้งหมด เป็นเงินใช้หนี้อีกด้วย

ทั้งนี้ตัวเองก็กังวลเรื่องพระพุทธรูปที่ผู้หญิงคนดังกล่าวขนมาไว้ในบ้านตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าเป็นสิ่งของถูกกฎหมายหรือไม่ ตัวเองอยากฝากถึงพ่อแม่ว่าตัวเองรักพ่อแม่เสมอ ถึงแม้ทุกวันนี้พ่อแม่จะไม่ให้เข้าบ้าน ตัวเองก็คอยดูพ่อแม่เสมอ อยากให้พ่อกับแม่กลับมาเป็นคนสดใสร่าเริงเหมือนเดิม ชีวิตพ่อแม่สำคัญกว่าเงินที่เสียไป

นายสมศักดิ์ เถือนคำแสน อายุ 43 ปี ลูกชายคนโตของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ นางสาวอำ ร่างทรงคนดังกล่าว เขาได้พาพ่อและแม่ตัวเองไปที่ สภ.โกสุมพิสัย เพื่อไปทำสัญญากู้ยืมเงินต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเขาอ้างว่าเงินที่พ่อตัวเองโอนให้กับเขานั้น เป็นเงินที่พ่อตัวเองยืมเขามา 2 ล้านบาท โดยตัวเองก็ไม่เชื่อว่าพ่อจะไปติดหนี้นางสาวอำจำนวนมากขนาดนั้น เพราะที่ผ่านมาพ่อไม่เคยเป็นหนี้ใคร มีแต่คนอื่นที่มาเป็นหนี้พ่อ

เมื่อเช้าวันนี้ นายเหรียญ พ่อของตัวเองได้โทรศัพท์มาหาตัวเอง และขอร้องไห้ลูก ๆ ไปถอนแจ้งความ ที่แจ้งความเอาผิดนางสาวอำ ในข้อหาฉ้อโกง ตัวเองก็ยืนยันว่าสิ่งที่ลูกทำกับพ่อ เพราะหวังดีกับพ่อ ขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีเอาผิดนางสาวอำให้ถึงที่สุด แล้วตัวเองก็อยากรับเอาพ่อมารักษาอาการ เพราะกลัวส่าถ้าหากปล่อยไว้นานจะแก้ไขไม่ได้

สำหรับร่างทรงคนดังกล่าวได้นำเอาความเชื่อแปลก ๆ มาให้พ่อตัวเองบูชา เช่น การเอาพระพุทธรูปหลายองค์มาไว้ในบ้าน โดยมีความเชื่อว่าพระจะนำสมบัติมาให้ อีกทั้งยังพาพ่อไปทำพิธีกับต้นมะขามที่หน้าบ้านของเขา ร่างทรงบอกกับพ่อว่าสามารถเสกใบมะขามให้เป็นเงินและทองคำได้ พ่อแม่ตัวเองก็หลงเชื่อทำพิธีหลายครั้ง เมื่อวานนี้มีบริวารของร่างทรงขับรถพาพ่อไปที่สหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อให้พ่อถอนเงินจำนวนหลักแสนบาทมาให้พวกเขาอีกด้วย ซึ่งมีคนรู้จักกับตัวเอง ถ่ายภาพตอนพ่อนั่งรอทำธุรกรรมอยู่ในสหรกรณ์ออมทรัพย์ส่งมาให้ตัวเองดู

นอกจากนี้ ตนมีพระเครื่อง 3 องค์ ที่พ่อไปได้มาจากร่างทรงปู่ขาว นำมาให้กับลูก 3 คน ซึ่งพ่อบอกว่าพระเครื่องมีมูลค่าองค์ละ 50 ล้านบาท มีพุทธคุณช่วยให้เจริญรุ่งเรือง คิดอะไรก็สมหวังทุกอย่าง ตัวเองก็ไม่เชื่อว่าจะมีมูลค่าสูงถึงขนาดนั้น และเชื่อว่าพ่อกำลังถูกหลอก โดยตอนนี้พ่อตัวเองก็เชื่อร่างทรงคนดังกล่าวทุกอย่าง ถึงขั้นตัดพ่อตัดลูกได้ ตัวเองอยากให้พ่อแม่กลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนชาวบ้านทั่วไป อยากให้ร่างทรงคนที่ทำกับพ่อรู้จักสำนึก และถอยออกไปจากชีวิตพ่อแม่ของตัวเอง

กรณีที่พ่ออ้างว่าโอนเงินให้นางสาวอำ เพราะเป็นเงินที่โอนใช้หนี้นั้น มีการตั้งข้อสังเกตจากสลิปการโอนเงินใบหนึ่ง นายเหรียญได้โอนเงินให้นางสาวอำ จำนวน 20,009 บาท แล้วมีข้อความในบันทึกช่วยจำว่า "ถวายเพื่อดูแลสังขารปู่น้อย" และมีคลิปเสียงที่นางสาวอำหรือร่างทรงปู่ขาวโทรหาน้องชายคนเล็ก โดยนางสาวอำมีการพูดว่านายเหรียญเป็นหนี้เขาจำนวน 2 ล้านบาท และโอนใช้หนี้แล้ว 1.2 ล้านบาท พร้อมบอกให้ลูก ๆ ของนายเหรียญไปหาเงินมาใช้หนี้แทนพ่ออีกด้วย

ด้านนายเหรียญ เปิดเผยว่า สำหรับสร้อยที่ตัวเองห้อยคออยู่นั้น ก็เป็นสร้อยพระเครื่องปกติที่ตัวเองเคารพนับถือและติดตัวไว้ โดยนางสาวอำ เป็นคนเอามาให้ตัวเองบูชา ในฐานะคนรู้จักกันเท่านั้น ตัวเองไม่ได้ไปบูชามาองค์ละ 50 ล้านบาท ไม่ได้เสียเงินแม้แต่บาทเดียว ส่วนเรื่องที่ลูกตัวเองไปแจ้งความที่ สภ.โกสุมพิสัย ว่านางสาวอำฉ้อโกง ตัวเองยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง

ที่ตัวเองโอนเงินให้นางสาวอำหลายแสนบาทนั้น ไม่ได้เป็นค่าบูชาสิ่งของต่าง ๆ ลูกตัวเองเข้าใจผิด ตัวเองเป็นหนี้นางสาวอำอยู่ 2 ล้านบาท โอนใช้หนี้เขาแล้ว 1.2 ล้านบาท เหลือหนี้อีก 8 แสนบาท ซึ่งนางสาวอำเขาก็ใจดี ไม่คิดดอกเบี้ยกับตัวเองแม้แต่บาทเดียว

ส่วนพระพุทธรูปที่วางเต็มบ้านตัวเองนั้น คนที่เอาพระมาให้ตัวเอง บอกว่าตัวเองเป็นคนมีบุญวาสนา จึงเอาพระมาให้ตัวเองบูชาฟรี ตัวเองอยากบอกถึงลูกว่า "พ่อรักลูก ๆ เหมือนแก้วตาดวงใจ" แต่ไม่รู้ผีสางนางไม้ตัวไหนสิงลูก ๆ ทำให้ลูกกลายเป็นยักษ์เป็นมาร แล้วถ้าลูกไม่สำนึกในบุญคุณพ่อแม่ ก็ไม่ต้องมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก

ส่วนที่นางสาวอำพาตัวเองไปทำพิธีที่ต้นมะขามนั้น ก็เพื่อเป็นการบรวงสรวงเลี้ยงภูตผีปีศาจ เพื่อให้ได้โชคลาภและถูกหวย ไม่ได้เป็นการเสกเงินออกจากใบมะขามแต่อย่างใด ขนาดแม่น้ำหนึ่งเขายังเลี้ยงภูติผีเลย ตัวเองขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้อมอะไรไว้ในปากแต่อย่างใด

ทีมข่าวสอบถามนายเหรียญว่า ตั้งแต่เอาพระไว้ในบ้าน และนำพระเครื่องมาาห้อยคอนั้น ชีวิตดีขึ้น มีโชคมีลาภบ้างหรือยัง นายเหรียญก็ตอบทีมข่าวว่า "ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวเลย เพราะลูกๆไปอายัติบัญชีธนาคารหมด" ส่วนกรณีที่ตัวเองและนางสาวอำไปที่โรงพักเมื่อค่ำวานนี้ ก็เพราะว่าเป็นการไปทำสัญญายืมเงินต่อหน้าตำรวจ เพราะตัวเองเป็นหนี้นางสาวอำจึงชี้แจงต่อตำรวจว่าเงินที่ตัวเองโอนให้นางสาวอำนั้นเป็นเงินใช้หนี้

ทีมข่าวเดินทางมายังบ้านของนางสาวอำ หรือ ร่างทรงปู่ขาว ในพื้นที่ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ลักษณะเป็นบ้านทรงไทย 2 ชั้น และมีต้นมะขามซึ่งเป็นจุดที่นางสาวอำทำพิธีที่หน้าบ้าน โดยไม่พบเจ้าตัว

ด้านนางธัญญาภรณ์ ดรละคร อายุ 76 ปี เล่าว่า เมื่อปี 2561 นายสาวอำ เขาเข้ามาตีสนิทกับตัวเองและนายสัน สามี โดยเขาบอกว่าคือร่างทรงปู่ขาว จากนั้นเขาก็เริ่มพาตัวเองและสามีไปสวดมนต์ปฏิบัติธรรม จากนั้นก็เริ่มนำสิ่งของมาให้ตัวเองและสามีบูชา อาทิเช่นสร้อยคอที่มีจี้พระจำนวน 9 องค์ มูลค่า 50 ล้านบาท บอกว่าถ้าห้อยสร้อยอันนี้แล้ว จะได้เงินกลับคืนมาเป็นร้อยล้านบาท โดยสร้อยดังกล่าวเขาก็ไม่ได้ให้พวกตัวเองฟรี เขาจะบอกค่าบูชาทีละหลักพันบาทถึงหลักหมื่นบาท สามีตัวเองตกลงจะเอาของกับเขา เขาก็จะพาสามีตัวเองไปกดเงินที่ธนาคาร เนื่องจากสามีตัวเองเป็นข้าราชการเกษียน แล้วอ้างว่าช่วยรักษาโรคภัยได้ แต่อาการป่วยของนายสัน สามีตนก็ไม่หาย ซึ่งตอนนี้ก็เสียชีวิตไปแล้ว

นางสาวอำเอาสิ่งของต่าง ๆ มาให้สามีตัวเองบูชาตั้งแต่ปี 2561-2564 ในระยะนี้สามีต้องไปกดเงินให้เขา หรือบางครั้งก็เอาที่ดินไปจำนำ หรือขายฝากให้เขาเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท ขนาดรถยนต์ของตัวเองเขาก็ทักว่าเป็นรถของตำหนักพ่อปู่ แล้วเขาก็นำรถยนต์ของตัวเองไปขับ โดยออกอุบายว่ารถสามารถสร้างเงิน ขนเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ตอนนั้นตัวเองก็หลงเชื่อ จึงให้เขาเอาไปขับ กระทั่ง 19 กันยายน 2564 สามีตัวเองมารู้ตัวว่าถูกนางสาวอำหลอกเอาเงิน สามีตัวเองก็ตรอมใจตาย และก่อนตรอมใจตาย สามีจะพูดพร่ำเพ้อระบายให้ตัวเองฟังตลอดว่า "ตาถูกนางสาวอำต้มแล้ว ตาไม่น่าหลงเชื่อมันเลย" หลังจากสามีเสียชีวิต ตัวเองได้จ้างทนาย และฟ้องร้องเอาผิดกับนางสาวอำ เพื่อให้เขาชดใช้ทุกสิ่งอย่างที่เขาหลอกสามีตัวเองไป