เมื่อวันที่ 4 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของยายสำเนียง พบว่าสภาพต้นโพธิ์อาถรรพ์กลายเป็นเถ้าถ่านเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงแค่กลุ่มควันบางเบา ทีมข่าวจึงมีโอกาสได้คุยกับนางสุรีย์ เหมือนแก้ว ญาติของผู้ตาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ (3 ม.ค.65) เวลาประมาณ 21.00 น. มีพราหมณ์ผู้ชายผมสั้น ฟันหลอ นุ่งชุดขาว ใส่รองเท้าแตะ สูงประมาณ 170 ซม. หุ่นผอมบาง พร้อมกับพราหมณ์ผู้หญิง ตัดผมรองทรง นุ่งชุดขาว ใส่รองเท้าแตะ หุ่นท้วม ขับรถเบนซ์สีขาว ทะเบียน 5414 ตราด มาจอดที่วัดไทร ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของยายสำเนียง แล้วก็ถามญาติว่า “ผมมาจากปทุมธานี บ้านไหนที่ตัดต้นโพธิ์ พาไปหน่อย เพราะมีผู้หญิงชุดขาวมาเข้าฝัน บอกให้มาช่วยที่ต้นโพธิ์” จากนั้นลูกชายของยายสำเนียง ที่ยืนอยู่ก็อาสาพามาที่ต้นโพธิ์
เมื่อพราหมณ์ทั้งคู่ขับรถมาจอดหน้าบ้านของยายสำเนียง ตนก็ตามมาด้วยเลยถามว่า “มาทำไม” ระหว่างที่พราหมณ์ผู้ชายเดินดูรอบ ๆ ต้นโพพธิ์ เขาก็บอกว่า “ขออนุญาตนะ ผมมาไม่ทัน มีดวงวิญญาณพาผมหลงทาง ไม่น่าเผาเลย” จากนั้นพราหมณ์ผู้ชายก็จุดธูปสีดำ 17 ดอก แล้วท่องบทสวดบทหนึ่งเสียงดังมาก ก่อนจะปักธูปลงที่พื้นดิน ห่างจากโคนต้นโพธิ์ประมาณ 1 เมตร แล้วก็กรวดน้ำ 1 รอบ โดยเอาน้ำที่กรวดเสร็จไปเทที่โคนต้นโพธิ์
ต่อมาพราหมณ์ผู้ชายถามตนว่า “บ้านนี้มีกี่คน ญาติคนตายมาไหม” ซึ่งตนก็ชี้ไปที่ลูกชายของยายสำเนียง “นี่ไงลูกชายคนตาย” พราหมณ์ก็บอกว่า “รู้ไหม ต้นโพธิ์ต้นนี้อายุ 170 ปีแล้ว สมัยก่อนมีคนเอารกเด็กมาฝังไว้ที่โคนต้นโพธิ์นี้ เพราะผมเห็นเด็กด้วย” ก่อนที่จะเอ่ยปากขอขี้เถ้า เพราะจะเอาไปทำบุญที่วัดที่แม่สอด เพื่อสร้างวัด แล้วเชิญดวงวิญญาณที่ต้นโพธิ์ไปอยู่กับเขา ตอนนั้นตนก็ตกใจ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีคนเอ่ยปากบอกชื่อ “แม่โพธิ์เงินพ่อโพธิ์ทอง” ให้เขาได้ยิน
ส่วนพราหมณ์ผู้หญิง ก็เดินไปหยิบกะลาที่รถ แล้วเอามาให้พราหมณ์ผู้ชายเพื่อตักขี้เถ้า เมื่อพราหมณ์ผู้ชายตักเสร็จจนเต็มกะลา ก็เอาผ้าขาวมาพันกะลาไว้ และพราหมณ์ผู้ชายก็บอกว่า “บ้านคนตาย ถ้ารื้อได้ก็ดี” ก่อนจะบอกว่า “กลับแล้วนะ” แล้วก็ให้พราหมณ์ผู้หญิงไปหยิบเหรียญฤๅษีที่รถมาให้ลูกชายยายสำเนียง “เหรียญนี้จะช่วยคุ้มครองคนที่บ้าน” และก่อนเดินทางกลับก็ทิ้งท้ายอีกว่า “ที่หมอปลาทำ เป็นแค่การทำลายที่อยู่ของดวงวิญญาณเท่านั้น ไม่ได้เอาดวงวิญญาณไป แต่ผมจะเอาไปด้วย” และยังบอกอีกว่า “ถ้าทำให้ดี ต่อไปบ้านนี้จะรวย” แล้วก็ขับรถออกไปทันที
"จริง ๆ แล้วคนเฒ่าคนแก่ก็เคยทัก เพราะบ้านหลังนี้ปัจจุบันไม่มีคนอยู่ เป็นบ้านเก่าของผู้ตายที่สร้างเมื่อ 3-4 ปีก่อน และตรงจุดนั้นในอดีตเคยเป็นเส้นทางถนนและเป็นคลองมาก่อน ตามความเชื่อก็เหมือนปลูกขวางทาง ไม่มงคล ในอดีตสมัยสาว ๆ ต้นโพธิ์ต้นนี้ยังเป็นรังของนกแสกนับร้อยตัว และช่วงกลางคืนจะส่งเสียงร้องโหยหวนเสียงดังมาก ๆ โดยเฉพาะทุกครั้งที่จะมีคนตาย ชาวบ้านจะเห็นว่านกแสกบินออกจากต้นโพธิ์ไปเกาะอยู่ที่บ้านหลังคาบ้าน และอีกไม่กี่วันคนในบ้านหลังนั้นก็จะตาย" นางสุรีย์ กล่าว
สำหรับบรรยากาศที่วัดไทร สถานที่จัดงานศพของยายสำเนียง ในวันนี้เป็นการสวดอภิธรรมศพคืนที่ 2 บรรดาญาติ ๆ และชาวบ้านมาร่วมแสดงความเสียใจ โดยนางสาวชลธิชา ทิพย์มณี หรือ ปิ่น ลูกสาวคนเล็กของยายสำเนียง พาทีมข่าวไปสำรวจภายในบ้าน พบว่าเป็นบ้านชั้นเดียวมีใต้ถุน สภาพผุพังเต็มไปด้วยหยากไย่ และไม่ได้ใช้งานมา 1 ปีกว่าแล้ว และพื้นห้องเต็มไปด้วยกิ่งไม้จากการทำรังของนก ส่วนด้านหน้าจะเป็นห้องครัวที่มีเพียงแค่หม้อแค่ไม่กี่ใบ ไม่มีระบบน้ำและไฟแล้ว
"1 วันที่แม่เสียชีวิต แม่ก็ไม่ได้มาเข้าฝันใครเลย จึงมองว่าแม่คงไปสบายแล้ว ส่วนเรื่องที่พราหมณ์ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เขาให้เหรียญมาก็เก็บไว้ แขวนไว้ตรงประตูบ้าน ปัจจุบันยังไม่มีอะไรผิดปกติ และที่พราหมณ์แนะนำให้รื้อบ้านนั้น จริง ๆ ก่อนที่แม่จะเสียชีวิต ครอบครัววางแผนไว้แล้วว่าหลังแม่เสียชีวิต จะรื้อบ้านหลังนี้ทันที แล้วถมที่เพื่อทำบ้านหลังใหม่ เนื่องจากสภาพมันเก่าทรุดโทรมมากแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับที่พราหมณ์ทัก เพียงแค่ตอนที่แม่ยังอยู่ แม่จะหวงมาก ๆ จึงไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ" สาวชลธิชา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ต้นโพธ์ต้นดังกล่าวอายุ 80-100 ปีเท่านั้น ไม่ถึง 170 ปี ตามที่พราหมณ์กล่าวอ้าง ทั้งนี้ ยังมีอีกประเด็นที่ตนไปเห็นในเฟซบุ๊ก มีชาวบ้านนำเหรียญพญาครุฑที่ “หมอปลา” เอามาทำพิธีตอกวิญญาณที่ต้นโพธิ์ ไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก ตนยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่ตนไม่ได้โกรธเขา แล้วชาวบ้านรายนั้นก็ได้นำเหรียญมาคืนแล้ว ตนจึงไม่ได้ติดใจเรื่องนี้
นายภูชิต กิทัยพะเนา หรือ แขก อายุ 40 ปี ชาวบ้านที่นำเหรียญครุฑไปจากต้นโพธิ์ กล่าวยอมรับว่า เหตุผลที่ตนทำแบบนั้น เพราะตนเป็นแฟนคลับหมอปลา จึงอยากเก็บเหรียญไว้เป็นที่ระลึก แต่ตัดสินใจทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ได้ปรึกษาใครก่อน ก็เลยทำให้ญาติ ๆ ยายสำเนียงกังวลใจ ตนมารู้อีกทีหลังจากที่ตนโพสต์เฟซบุ๊กไปแล้ว มีชาวบ้านเข้ามาตำหนิว่าทำแบบนี้ไม่เหมาะสม เกรงว่าจะมีอันเป็นไป ตนก็เลยเอาไปคืนที่เดิม เพราะส่วนตัวรู้สึกผิดและอยากจะขอโทษครอบครัวคนตาย และขอโทษหมอปลา
"ผมพยายามใช้น้ำราดลงบนขี้เถ้าจุดนั้น ปรากฏว่าเจอเหรียญจริง ๆ จึงเก้บเอาไป ครอบครอง โชคดียังไม่มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น แต่ก็ยอมรับว่ากลัวเหมือนกันว่าคืนนี้จะมีอันตราย เพราะผมต้องไปนอนเป็นเพื่อนสามีของคนตายที่บ้านคนตาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่ แค่อยากได้เป็นที่ระลึกเท่านั้น" นายภูชิต กล่าว
นายจีรพันธ์ เพชรขาว เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 03.00 น. ของวันนี้ระหว่างที่ตนกึ่งหลับกึ่งตื่น ตนฝันเห็นว่าภรรยาไปเอาคราบงูมาจากต้นโพธิ์ แล้วในคราบงูมีตัวหนังสือภาษาแปลก ๆ สีดำเต็มไปหมด ตนก็เลยตกใจตื่นและนั่งคิดไปคิดมาจึงจำได้ว่าก่อนที่ยายสำเนียง จะเสียชีวิต ภรรยาของตนได้ไปจับมือ แล้วก็ทำท่าเหมือนเอานิ้วจิกมือของภรรยาตน ตนจึงคาดว่าคราบงูที่ฝันเห็น อาจเป็นพลังงานวิญญาณที่เข้าไปกัดกินร่างของยายสำเนียง
"นั่นหมายความว่าร่างของยายสำเนียง ที่นอนอยู่ในโลงนั้น ถือว่าเป็นร่างบริสุทธิ์ เพราะพลังงานร้ายได้ออกไปหมดแล้ว รวมถึงปัจจุบันดวงวิญญาณของยายสำเนียง และสัมภเวสีทุกดวงก็กลับภพภูมิที่ควรจะกลับแล้ว ดังนั้นที่มีชาวบ้านมาเอาเหรียญครุฑไป ก็ไม่ได้มีผลอะไรเพราะดวงวิญญาณไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" หมอปลา กล่าว
นอกจากนี้ หมอปลา ยังกล่าวด้วยว่า พราหมณ์ที่เดินทางมาทำพิธีที่ต้นโพธิ์นั้น ตนไม่ติดใจแต่ที่แนะนำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตรื้อบ้าน ตรงนี้ตนมองว่าไม่ควรพูด ถ้าไม่ออกเงินค่ารื้อบ้านหรือค่าสร้างบ้านใหม่ให้กับครอบครัวผู้ตาย จริง ๆ แล้วสิ่งที่ตนอยากจะทำลายมากที่สุดก็คือพวกที่ตั้งตนว่าสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ได้ แล้วพยายามหากินกับความเชื่อของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นร่างทรง หมอดู หรือแม้กระทั่งพราหมณ์
นางสาวรภัสสรณ์ ฤทธิธนไพบูลย์ หรือ น้ำฟ้า ภรรยาหมอปลา เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่ตนจับมือกับยายสำเนียง ตนก็ถามว่า “หมอปลามาแล้วนะ” ซึ่งยายสำเนียงก็จิกมือตนอย่างแรงจนเป็นรอย พร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมา จากที่ตนได้ถามลูกสาวยายสำเนียง ทราบว่าเป็นครั้งแรกที่แม่น้ำตาไหล จากนั้นหมอปลาก็เข้ามา แล้วใช้มือแตะหน้าผากยายก่อนจะท่องบทสวดบางอย่าง พร้อมพูดว่า “ทำใจกันแล้วเนอะ” ยายสำเนียงก็จากไปอย่างสงบทันที ช่วงเวลานั้นไม่เกิน 20 วินาทีด้วยซ้ำ
ต่อมาตนก็ได้กลิ่นศพแรงมาก ๆ เหมือนตายมาแล้วหลายวัน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเสียชีวิตและก่อนหน้านี้ไม่เคยมีกลิ่นเลยด้วยซ้ำ ตนก็เผลอทักไปว่า “หมาที่ไหนตาย” เท่านั้นแหละพอตนและหมอปลา พร้อมทีมงานกลับมาบ้าน กลิ่นติดขึ้นรถแรงมาก ๆ และพอถึงบ้านก็มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าคงเป็นเพราะตนไปทักเรื่องกลิ่น
