กรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำส่งท้ายปี 2564 ซึ่งเกิดขึ้นเวลา 10.00 น. ของวันที่ 31 ธ.ค.64 หลังจาก ร.ต.อ.วระพงศ์ ขุนรักษ์ พนักงานสอบสวน สภ.พรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิต ภายในครัวของบ้านหลังหนึ่ง ในเขตพื้นที่หมู่ 7 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี หลังโรงเรียนบ้านเกาะหลัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายสมศรี โมราศิลป์ อายุ 66 ปี เจ้าของบ้าน สภาพศพมีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ บริเวณลำคอมีผ้าพันไว้ และปากถูกอุดด้วยผ้า ข้างศพมีร่องรอยคล้ายการต่อสู้เพราะมีรอยเลือดกระจายอย่างผิดปกติ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่าที่บ้านหลังดังกล่าว ลูกชายของนายสมศรี หายไป 1 คน ทราบชื่อ นายลาว ซึ่งเป็นน้องคนรองสุดท้อง
ทีมข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ปิติพัฑณ์ อนัญลักษณ์ ผกก.สภ.พรหมคีรี กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจสามารถควบคุมตัวนายวรวุฒิ โมราศิลป์ อายุ 27 ปี ผู้ก่อเหตุได้เเล้ว ในอำเภอท่าศาลา
นายวรวุฒิ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยช่วงเช้า ตนได้ชาร์จโทรศัพท์ไว้ในบ้าน ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเดินมาดึงออก ตนจึงเกิดความโมโห ประกอบกับเพิ่งเสพยาเสพติดเข้าไปทำให้บันดาลโทสะ ทั้งเตะต่อยเเละทำร้ายร่างกายพ่อจนซี่โครงหัก คอหัก เเต่เมื่อเห็นว่าพ่อมีเลือดออก จึงใช้ผ้าอุดปากเพื่อห้ามไม่ให้เลือดไหล ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ หลบหนีไปที่อำเภอท่าศาลา
โดยเบื้องต้น ตำรวจยังไม่มีการเเจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ เพราะต้องรอเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลเรื่องยาเสพติด เเละขอศาลออกหมายจับก่อน เเละน่าจะไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพื่อความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย เพราะบริเวณจุดเกิดเหตุก็มีญาติ ๆ จำนวนมากของผู้เสียชีวิตเเละผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นพ่อลูกกัน
ทั้งนี้ เวลาประมาณ 16.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายวรวุฒิ ออกจากห้องสอบสวน เพื่อเดินขึ้นไปยังห้องขัง ทีมข่าวได้พยายามสอบถาม นายวรวุฒิ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีอะไรอยากจะขอโทษพ่อหรือไม่ เเต่นายวรวุฒิเงียบไม่ตอบอะไร ก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบน
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี จึงได้เดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าว ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี พบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ถูกแบ่งเป็น 3 ห้อง ในช่วงที่ทีมข่าวมาถึง ญาติ ๆ เเละคนในครอบครัวของนายสมศรี รวมถึงชาวบ้านจำนวนมากได้ทำพิธีทางศาสนาอิสลาม มีการอาบน้ำศพก่อนนำร่างบรรจุลงในโลง เเละนำไปฝังตามความเชื่อของศาสนาที่ กุโบร์ บ้านน้ำใส
ทีมข่าวได้สอบถามกับนางปาติเมาะ ยอดแก้ว อายุ 59 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนไม่ทราบเหตุการณ์อะไรเลย เพราะตนไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลได้ 2 วัน 2 คืนเเล้ว เนื่องจากตนป่วยโรคติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ทั้งนี้เมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.64) ช่วงเย็นสามีไปเยี่ยมตนครั้งสุดท้าย เเต่ตนก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก เเละไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรมาก่อน สามีบอกเเค่ว่าอยู่โรงพยาบาลให้หายดีก่อนค่อยกลับบ้าน
กระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น. ตนโทรมาหาสามี เพื่อจะบอกให้ไปจ่ายค่าเเชร์ เเต่ตนติดต่อสามีไม่ได้ โทรศัพท์ไม่ได้เปิดเครื่อง จากนั้นจึงบอกให้หลานมาดูสามีที่บ้าน พอหลานมาที่บ้านก็เห็นว่าสามีนอนจมกองเลือดเเล้ว ก่อนจะวิ่งออกไปตามชาวบ้านให้มาช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายสามีของตน ถ้าตนอยู่บ้านตนคงได้รู้ว่าใครบุกเข้ามาทำร้ายสามี ปกติสามีของตนก็จะอยู่ที่บ้านกับลูก ๆ ตนมีลูกทั้งหมด 6 คน ผู้ชาย 5 ผู้หญิง 1 คน นิสัยของสามีปกติเป็นคนปากร้ายใจดี ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร ชอบทำบุญ ไม่ขี้เหนียว เเต่หากรู้ตัวคนร้ายเเล้ว ตนก็ไม่รู้จะฝากบอกอะไร ไม่รู้จะโกรธแค้นไปทำไม ถือว่าเวรกรรมสร้างมาเท่านี้ ไม่ถือโทษโกรธให้เป็นเวรเป็นกรรมติดกันไป และตนอยากจะให้สามีไปสบายที่สุด
นายศักรินทร์ โมราศิลป์ อายุ 22 ปี ลูกชายคนสุดท้องของบ้าน เปิดเผยว่า พ่ออยู่บ้านกับพี่ ๆ น้อง ๆ ซึ่งคนในละเเวกนี้ก็เป็นญาติ ๆ ของตนกันทั้งนั้น ส่วนนิสัยใจคอของพ่อก็เป็นคนชอบดื่มเหล้า เเต่เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มจนเมาหนัก เหตุการณที่เกิดขึ้นตนรู้ตัวคนที่ทำร้ายพ่อ เเต่ไม่อยากจะพูดถึง ครอบครัวของตนมีกัน 6 คนพี่น้อง โดยนายวรวุฒิ โมราศิลป์ อายุ 27 ปี หรือ ลาว เป็นพี่ชายของตน "เขานั้นแหละครับ เป็นผู้ลงมือ" โดยหลังจากก่อเหตุเสร็จ พี่ชายก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ของพ่อหนีไปอยู่ที่บ้านเพื่อนอำเภอท่าศาลา แต่ตำรวจตามไปจับตัวได้ ตนไม่รู้ว่าสาเหตุที่พี่ชายทำลงไป เพราะตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
"ปกตินิสัยของพี่ เป็นคนอารมณ์ดี เเต่อาจด้วยเพราะฤทธิ์ยา ทำให้เขาเปลี่ยนไป พี่ชายติดยาเสพติดมานานหลายปีเเล้ว เเต่ไม่เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งเเรก ตอนนี้เเม่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำร้ายพ่อ เเละยังไม่มีใครกล้าบอก จะรอให้พี่ชายคนโตกลับมาเป็นคนบอกเเม่เอง เพราะว่าเเม่จะฟังพี่คนโตมากที่สุด ส่วนเรื่องประกันตัวพี่ชาย ก็ต้องปรึกษาพี่ ๆ อีกครั้ง ยอมรับว่ายังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ๆ" นายศักรินทร์ กล่าว
