แก๊งทมิฬฆ่าโหดเด็ก 18 เหล็กเสียบทะลุสมอง รับแค้นหูแว่วคิดว่าแจกกล้วย (คลิป)

22 ธ.ค. 64

จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Atipron Niyomtham" โพสต์บรรยายข้อความระบุว่า เรื่องนี้ต้องได้รับความยุติธรรมน้องชายจะต้องไม่ตายฟรี #ผู้ก่อเหตุ อายุ 26 ปี เริ่มจาก เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.64 เป็นเรื่องเข้าใจผิด ทางด้านผู้ก่อเหตุคิดว่า น้องผู้เสียหายได้ใช้ถ้อยคำที่ไม่ดีด่าผู้ก่อเหตุ เเต่น้องผู้เสียหายเพียงเเค่พูดหยอกล้อกับเพื่อนที่ไปด้วยกัน เเต่ผู้ก่อเหตุคิดว่าน้องผู้เสียหายได้ใช้ถ้อยคำด่าตนเอง จึงอยากเจรจากับน้องผู้เสียหาย ให้เพื่อนที่รู้จักกันมาคุย น้องผู้เสียหายได้ขอโทษไปแล้ว เเต่ผู้ก่อเหตุไม่ยินยอม

627650

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2564 ยามวิกาล เวลาประมาณ 01.00 น. จึงได้ทำการนัดหมายผ่านเพื่อนของน้องผู้เสียหาย ให้น้องผู้เสียหายอายุเพียงเเค่ 18 ปีด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่คิดว่าจะมีการใช้อาวุธมีด เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่อายุ 26 ปี จึงออกมาเจรจาอีกรอบ น้องผู้เสียหายอยากให้เรื่องจบ

147964

เเต่สุดท้ายได้เกิดเหตุการณ์ชกต่อยกันขึ้นมา ผู้ก่อเหตุใช้มีดความยาว 10 ซม. จ้วงแทงเข้าที่ศีรษะด้านซ้ายของน้องแทงทะลุกะโหลกลงลึกไปยังเนื้อสมอง ทำให้น้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปะทิว เกิดอาการเลือดคั่งในสมอง อาการโคม่าตั้งเเต่วันที่ถูกทำร้าย เสียชีวิตลงวันที่ 20 ธ.ค.64

584714

วันที่ 22 ธ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังสถานที่จัดสวดอภิธรรมศพของผู้เสียชีวิตที่วัดบางจาก ต.ชุมโค อ.ประทิว จ.ชุมพร เมื่อไปถึงพบว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของคนในครอบครัว และเพื่อนบ้านที่มารอร่วมฟังสวดอภิธรรรมศพในช่วงเย็นวันนี้

533218

นายมาร์ค (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์ เผยว่า เหตุเริ่มมากจากวันที่ 15 ธ.ค. 64 ช่วงเย็น ตน ผู้เสียชีวิต และกลุ่มเพื่อนรวม 6-7 คน ได้นั่งสังสรรค์กัน จนช่วงเวลา 19.00-20.00 น. ตน ผู้เสียชีวิต และเพื่อนรวม 3-4 คน ได้ขี่จยย. ออกไปซื่อของกิน พูดหยอกล้อกันด้วยถ้อยคำหยาบคายตามประสาวัยรุ่น แจกกล้วยกันเอง แต่บังเอิญเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายณรงค์ศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ เป็นรุ่นพี่ที่ตนรู้จักยืนอยู่บริเวณหน้าร้านทำให้นายณรงค์ศักดิ์เกิดความเข้าใจผิด คิดว่าผู้เสียชีวิตไปด่า เดินเข้ามาสอบถามว่า "มึงด่ากูหรอ" ขณะนั้นตนที่อยู่ในเหตุการณ์และรู้จักกับนายณรงค์ศักดิ์จึงพยายามพูดห้ามแล้วบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน พร้อมกับให้ผู้เสียชีวิตขอโทษ ก่อนต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับ

984294

จากนั้น เช้าวันที่ 18 ธ.ค.64 นายณรงค์ศักดิ์บอกตนว่าอยากจะเคลียร์กับผู้เสียชีวิต ให้ตนพาผู้เสียชีวิตออกมาเคลียร์ ตนซึ่งเป็นคนกลางด้วยความหวังดี ไม่อยากให้ผู้เสียชีวิตมีปัญหากับคนที่อายุมากกว่า กลัวจะเกิดปัญหาบานปลาย จึงโทรศัพท์แจ้งให้ผู้เสียชีวิตทราบเรื่อง ผู้เสียชีวิตก็ตกลงที่จะออกไปเคลียร์ปัญหากับนายณรงค์ศักดิ์ ช่วงเวลา 01.00 น. ตน ผู้เสียชีวิต และกลุ่มเพื่อน รวม 6-7 คน ก็ได้ไปถึงจุดเกิดเหตุป้อมยามที่ผู้ก่อเหตุทำงานอยู่ เมื่อไปถึงพบว่านายณรงค์ศักดิ์และเพื่อนรวม 3 คนได้ยืนรออยู่แล้ว ทางตนจึงให้ผู้เสียชีวิตและนายณรงค์ศักดิ์พูดคุยกันตัวต่อตัว

cg1cg2

ระหว่างที่พูดคุยกันนั้น ผู้เสียชีวิตพยายามยกมือขอโทษ 2-3 ครั้ง จากที่เห็นก็คิดว่าคงตกลงจบเรื่องกันได้ด้วยดี หลังจากที่ผู้เสียชีวิตคุยเสร็จก็ขึ้น จยย. แต่นายณรงค์ศักดิ์กลับเดินตามมา ต่อยเข้าไปที่บริเวณใบหน้าของผู้เสียชีวิตหลายครั้ง ทำให้ผู้เสียชีวิตต่อยสวน นายณรงค์ศักดิ์ก็ชักอาวุธมีดแทงเข้าที่ศีรษะของผู้เสียชีวิต ตนและกลุ่มเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์ ช่วยกันนำตัวผู้เสียชีวิตส่ง รพ.ปะทิว กระทั่งผู้เสียชีวิตทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิต

870322

อย่างไรก็ตาม ตนมองว่านายณรงค์ศักดิ์กระทำเกินกว่าเหตุ เพราะปัญหาครั้งนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ไม่น่าถึงขั้นต้องทำการถึงเสียชีวิต ตนอยากให้ทางตำรวจดำเนินคดีเอาผิดผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งหากมีโอกาสได้พูดกับผู้เสียชีวิตครั้งสุดท้าย อยากบอกว่า "ตนขอโทษที่เสมือนเป็นคนพาเพื่อนไปตาย ถ้าหากรู้ก่อนว่าคู่กรณีมีอาวุธ ก็คงจะไม่ให้ไป จะได้ไม่ต้องมาสูญเสียแบบนี้"

575623

นายองอาจ นิยมธรรม อายุ 45 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันที่ 18 ธ.ค.64 ช่วงเวลา 02.00 น. กลุ่มเพื่อนของลูกชายได้โทรศัพท์ติดต่อมาแจ้งข่าวว่าลูกชายถูกคู่กรณีใช้อาวุธมีดแทง นอนเจ็บอยู่ รพ.ปะทิว หลังทราบเรื่องตนจึงรีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลทันที เห็นลูกอยู่ในสภาพถูกแทงเข้าที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย จนอาวุธเสียบผ่าทะลุกะโหลกลงลึกไปยังเนื้อสมอง แพทย์โรงพยาบาลแจ้งให้ทราบว่ามีอาการเลือดคั่ง ก่อนมาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตนก็รู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก สอบถามกลุ่มเพื่อนลูกชาย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่าปมปัญหาการเสียชีวิตของลูกในครั้งนี้ เกิดจากการที่คู่กรณีเข้าใจผิดคิดว่าลูกชายไปต่อว่าจึงเกิดความโมโหก่อนนัดเคลียร์กัน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากผู้ก่อเหตุสำนึกผิดและอยากจะมาขอขมาศพคงไม่จำเป็น ไม่ยินดีรับคำขอโทษทั้งสิ้น พร้อมทั้งจะขอดำเนินคดีเอาผิดผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ให้สาสมกับการกระทำ เพื่อรับผลกรรมที่ก่อไว้ สุดท้ายนี้ตนยอมรับว่าทำใจไม่ได้ เพราะวันที่ 15 ธ.ค.64 ตรงกับวันทำบุญครบ 100 วันของภรรยาตนที่เสียชีวิตไปเพราะโรคมะเร็ง ลูกชายก็ยังพูดกับตนอยู่เลยว่า "อยากอยู่กับพ่อ อยากอยู่ดูแลพ่อนาน ๆ" กระทั่งมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยถ้ามีโอกาสได้พูดกับลูกชายครั้งสุดท้าย ตนก็อยากจะบอกลูกว่า "รักลูกมาก"

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส