SAM ประกาศความสำเร็จ ช่วยแก้หนี้เสีย NPL 55,000 ราย ลูกค้าหนี้เสียบัตร เข้าคลินิกแก้หนี้ 68,000 บัญชี พร้อมโชว์วิสัยทัศน์เอ็มดีใหม่

17 ธ.ค. 64

นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) เปิดเผยผลการดำเนินงานและความสำเร็จ ณ เดือนตุลาคม 2564 สามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้า NPL ไปแล้วจำนวน 54,899 ราย คิดเป็นมูลค่าตามบัญชี 341,448 ล้านบาท และจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย NPA ได้ทั้งสิ้น 10,496 รายการ ราคาประเมินทรัพย์ 51,914 ล้านบาท ด้านการประมูลซื้อสินทรัพย์เพื่อเพิ่มขนาดพอร์ต SAM สามารถซื้อสินทรัพย์ได้ จำนวนรวมทั้งสิ้น 16,569 ราย มูลค่าตามบัญชี 113,621 ล้านบาท ขณะที่คลินิกแก้หนี้ มีจำนวนลูกค้าที่ผ่านคุณสมบัติและสมัครเข้าโครงการได้รวมทั้งสิ้น 68,071 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 5,163 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2543 SAM สามารถนำส่งเงินคืนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) ไปแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 255,000 ล้านบาท  

sam(70)

สำหรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) SAM มีนโยบายมุ่งเน้นให้มีการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นอันดับแรก โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เป็นสำคัญรวมถึงร่วมปรึกษาหารือให้ได้ข้อยุติภายใต้แนวทางที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติ หรือดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยที่ผ่านมา SAM จัดโครงการ "แบ่งเบาภาระลูกค้าในภาวะวิกฤตโควิดระบาด ระลอก 3" เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนพิเศษ  รวมทั้งนำเสนอทางเลือกที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้อย่างแท้จริง ปัจจุบัน SAM มีจำนวนลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ รวมทั้งสิ้น 20,727 ราย มูลค่าตามบัญชี 354,320 ล้านบาท ด้านการจำหน่ายทรัพย์สินทรัพย์สินรอการขาย (NPA) SAM มีนโยบายส่งเสริมให้เกิดการนำทรัพย์สินที่ทิ้งร้างมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อส่งคืนทรัพย์สินเหล่านี้กลับสู่ระบบ และนำมาซึ่งความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ผ่านการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้งการประมูลและการเสนอซื้อโดยตรง รวมทั้งโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่น่าสนใจอีกมากมาย ปัจจุบัน SAM มีทรัพย์สินรอการขายหลากหลายประเภทในทำเลดีทั่วไทย ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ ที่ดินเปล่าและทรัพย์เพื่อการลงทุน ฯลฯ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ รวมทั้งสิ้น ประมาณ 4,000 รายการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท นอกจากภารกิจดังกล่าวแล้ว ในปี 2560 SAM ยังได้รับมอบหมายภารกิจเพิ่มเติมในการช่วยเหลือประชาชนรายย่อยประเภทลุกหนี้ที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน (Non-Bank) รวมทั้งสิ้น 35 แห่ง ที่ค้างจ่ายหรือไม่ได้จ่ายหนี้บัตรเกินกว่า 90 วัน ภายใต้โครงการ "คลินิกแก้หนี้ by SAM" โดยล่าสุด "คลินิกแก้หนี้ by SAM" ได้ขยายเกณฑ์คุณสมบัติผู้เป็นหนี้เสียที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการจาก เดิม ที่ต้องมีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็น ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2564 รวมทั้งมาตรการอื่นๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าที่เป็นหนี้เสียบัตรมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้แก่ 1.การต่ออายุมาตรการยาแรงระยะที่ 3 "จ่ายเท่าที่ไหว" ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2564 โดยลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1-2% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่โครงการกำหนด) 2.การปรับเกณฑ์ด้านอายุจากเดิมไม่เกิน 65 ปีเป็นอายุ 70 ปี โดยนับรวมระยะเวลาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว และมาตรการที่ 3.การปรับอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 4-7% เป็นอัตราเดียว (Single Rate) ที่ 5% 

sam(200)

นายธรัฐพร กรรมการผู้จัดการ SAM กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าสถานการณ์ที่โควิด-19 ขณะนี้จะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่เชื่อว่าผลพวงจากวิกฤตดังกล่าวทำให้อีกหลายครอบครัวยังคงต้องเจอวิกฤตทางการเงินจนกลายเป็นหนี้เสียและฝ่าฟันความยากลำบาก คนจำนวนมากขาดรายได้และมีปัญหาการชำระหนี้ วันนี้ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM หน่วยงานภาครัฐภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ มีภารกิจยิ่งใหญ่และเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประเทศ มีหน้าที่และภารกิจสำคัญในการบริหารจัดการหนี้เสียหรือ NPL ของประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่กำลังเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สินสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ควบคู่การสนองนโยบายและมาตรการภาครัฐด้วยการดำเนินงานเชิงรุก  โดยยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้เป็นสำคัญ

sam(89)

"นายธรัฐพร เตชะกิจขจร" กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (MBA) จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค (Virginia Tech) ประเทศสหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจการเงินและการลงทุนอย่างยาวนาน เคยร่วมงานกับ กลุ่มบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นเวลากว่า 16 ปี โดยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นตำแหน่งสุดท้าย หลังจากนั้น ได้เข้าร่วมงานกับบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นเวลา 5 ปี ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร

sam(92)_1

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม