แม่เฒ่าผวายกหมู่บ้าน ปล่อยโฮแฉโจรหื่นปล้ำถี่ ตร.รับจับยาก ล่า 2 ปี ไร้แวว (คลิป)

29 พ.ย. 61
จากกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังโบสถ์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ถูกคนร้ายเป็นชายรูปร่างกำยำ ใช้มีดจี้คอยายวัย 70 ปี และก่อนหน้านี้ เคยมีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.นาเฉลียง และยังไม่สามารถจับคนร้ายได้
ยายศูนย์ ผู้เสียหาย
วันที่ 28 พ.ย. 61 ที่ จ.เพชรบูรณ์ ยายศูนย์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.00 น. ตนไปเกี่ยวลูกข้าวที่นา ขณะนั้นมีคนร้ายเดินเข้ามา แล้วสอบถามว่าตนเดินทางมากับใคร และมากี่คน ตนจึงโกหกคนร้ายไปว่า มา 6 คน แต่ลูกชายไปดูอ้อยอยู่ในป่าอ้อยข้างนา
ภาพจำลองเหตุการณ์
ระหว่างนั้น คนร้ายก็เดินอ้อมเข้ามาล็อกตัว โดยใช้มือขวาล็อกคอตน แล้วใช้มือซ้ายนำมีดมาจี้ที่คอ ตนจึงใช้มือซ้ายกระชากคอเสื้อ และใช้มือขวาเกี่ยวเคียวไปที่เอวของคนร้าย แล้วร้องตะโกนว่า “พ่อกับแม่มาช่วยลูกด้วย“ จากนั้นคนร้ายจับแขนของตน แล้วลากเข้าป่าอ้อยข้างนา โดยอ้างว่า "จะไม่ทำอะไรหรอก"
ทุ่งนาและป่าอ้อย สถานที่เกิดเหตุ
ยายศูนย์ กล่าวอีกว่า ระหว่างนั้นตนคิดว่า หากไม่ทำอะไรแล้วจะให้เข้าไปในป่าอ้อยทำไม ตนกลัวว่าคนร้ายจะข่มขืน เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุทำนองเดียวกันกับคนในหมู่บ้าน จึงออกอุบายว่า “หิวน้ำ ขอกินน้ำก่อน” เมื่อตนก้มลงไปกินน้ำ คนร้ายก็ได้ถีบตนจนล้มลง และกระโจนตัวมาทับร่างของตน จากนั้นตนจึงร้องตะโกนลั่นอีกครั้ง กระทั่งคนร้ายหนีไปด้วยความตกใจ ลักษณะของคนร้าย สูงประมาณ 160-170 เซนติเมตร รูปร่างกำยำ สันทัด ผิวดำแดง ใส่กางเกงยีนส์เสื้อแขนสั้น สวมหมวกแก็ป และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ซึ่งตนสามารถจำใบหน้าและลักษณะของคนร้ายได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยายศูนย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังประสบเหตุ ทุกวันนี้ตนก็ยังรู้สึกกลัว ผวา และนอนก็ไม่หลับ ต้องการให้เจ้าหน้าที่จับคนร้ายได้โดยเร็ว เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาจนอายุขนาดนี้ ก็ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
นางอุดร ผู้เสียหาย
ด้าน นางอุดร ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า เหตุการณ์ของตน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 60 เวลาประมาณ 15.00 น. ในวันเกิดเหตุตนกำลังตัดหญ้าในที่นาของตนเอง จากนั้นมีคนร้าย เป็นชายสูงประมาณ 160 เซนติเมตร รูปร่างอ้วน กำยำ ผิวดำแดง ใส่กางเกงขาสั้น ใส่หมวกมีปีกรอบใบ ทำทีเดินเข้ามาหาตนและขอดื่มน้ำ จากนั้นชวนตนคุย โดยมีการสอบถามว่า ตนมาตัดหญ้ากับใคร และมากันกี่คน ตนจึงตอบไปว่า มากับสามีแต่ว่าสามีกลับไปแล้ว และจะมารับตอน 16.00 น. หลังจากนั้น เมื่อสบโอกาสคนร้ายก็เดินเข้ามาล็อกคอและใช้มีดจี้ไปที่คอตน พร้อมบอกว่า “อย่าร้องนะไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย” ด้วยความกลัว ตนจึงไม่กล้าร้อง จากนั้นคนร้ายก็ใช้มีดจี้ และบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด เพื่อหวังจะข่มขืน แต่ตนไม่ยอมจึงเกิดการต่อสู้กัน นานกว่าครึ่งชั่วโมง สุดท้ายคนร้ายหมดแรง จึงถามตนว่า “ในกระเป๋ามีอะไร มีเงินไหม” ตนจึงเปิดกระเป๋า นับเงินส่งให้คนร้ายไปจำนวน 5,000 บาท โดยคนร้ายยังพูดกับตนอีกว่า “ยืมก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวกูเอามาคืน” หลังจากนั้นก็หลบหนีโดยขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากพื้นที่ไป นางอุดร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนรู้สึกแค้นคนร้ายมาก อยากจะฆ่าให้ตาย หากตำรวจควบคุมตัวมาได้ แล้วหากสามารถฆ่าผู้ต้องหาได้ ตนก็จะทำ เพราะสิ่งที่คนร้ายทำกับตนไว้ คือตราบาปติดตัวไปทั้งชีวิต ซึ่งแม้เรื่องราวจะผ่านมาเป็นปี แต่ตนก็ยังไม่ลืม เพราะหลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ตนก็นอนไม่หลับ นอนร้องไห้หวาดผวาทุกคืน และตนก็ยังจำหน้าคนร้ายได้อย่างดี ถ้าเจอหน้า ไปชี้ตัวก็จำได้ และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
นายเสวียน ไพศาลพันธุ์ ผู้ใหญ่บ้าน
ด้าน นายเสวียน ไพศาลพันธุ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านโคกเจริญ ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ บอกว่า ตนรู้สึกกังวลและต้องการให้หน่วยงานรัฐมาดูแลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ผู้หญิงในพื้นที่ไม่กล้าออกไปทำไร่ ทำนา มีแต่ผู้ชายเป็นผู้ออกไปทำเพียงคนเดียว เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนกับผู้เสียหายรายอื่น แม้แต่เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวก็ไม่กล้า เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ตนคาดว่า คนร้ายอาจไม่ใช่คนในพื้นที่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าท้องถิ่นได้จัดตรวจเวรยาม ผู้นำชุมชนก็ออกตรวจตราเพื่อดูแลประชาชนมาตลอด อย่างไรก็ตาม ตนฝากวิงวอนเจ้าหน้าที่ เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
พ.ต.อ.ทัพธนพล. ปรุงประทิน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาเฉลียง
พ.ต.อ.ทัพธนพล. ปรุงประทิน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาเฉลียง รายงานความคืบหน้าว่า คดีของยายศูนย์ เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวของผู้เสียหายมาสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้สอบถามรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อมูลเกี่ยวกับตำหนิรูปพรรณคนร้ายมาแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร แต่เชื่อว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ พ.ต.อ.ทัพธนพล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกันกับคดีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เนื่องจากตำหนิรูปพรรณของคนร้ายจากการให้ปากคำของผู้เสียหายยังไม่ตรงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำภาพสเก็ตช์คนร้ายมาให้ผู้เสียหาย แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาเฉลียง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ลงพื้นที่เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานทั้งหมดที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับยายศูนย์ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้ ดีเอ็นเอของคนร้ายมาเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงการให้ผู้เสียหายมาสรุปภาพสเก็ตช์ เพื่อทำการออกหมายจับต่อไป เมื่อจับตัวคนร้ายได้ ก็จะส่งผลดีเอ็นเอว่าตรงกับผู้เสียหายหรือไม่ ถ้าตรงก็สามารถดำเนินคดีได้ทันที

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ