จับ 2 ผัวเมียใจทมิฬฆ่าม้งคลุมถุงยิงหัว ตร.อึ้งสาวลั่นไก อ้างแค้นถูกปล้ำ (คลิป)

13 พ.ย. 64

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 64 พบศพชายนิรนามภายในพงหญ้า พื้นที่บ้านห้วยทรายเหนือ ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สภาพศพถูกยิงที่บริเวณใบหน้า เชือกรัดคอ และใช้ถุงดำคลุมหัวซ้อน 2 ชั้น ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิตนายชัยทอง แซ่ลี หรือ เช่ง อายุ 28 ปี เป็นชาวม้ง ไม่มีสัญชาติ

780769

กระทั่งตำรวจสืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุได้ในวันที่ 12 พ.ย. 64 ที่ จ.นครราชสีมา คือ น.ส.อบเชย แซ่วื่อ อายุ 36 ปี และนายกฤษดา ศักดิ์เจริญชัยกุล อายุ 43 ปี สามีภรรยาชาวม้ง ทำอาชีพค้าขายไก่ย่าง

435015

ตำรวจ สภ.บ้านแยง ระบุว่าเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การสารภาพว่าเป็นมือฆ่า ปมเหตุมาจากเรื่องเงิน นายชัยทอง รู้จักกับ น.ส.อบเชย ผู้ต้องหา ผ่านทางแอปพลิเคชันร้องเพลง เมื่อเดือน มิ.ย. 64 หลังรู้จักกันได้ 2 เดือน นายชัยทอง ผู้เสียชีวิต ได้ขอเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊กเพื่อมาจีบ น.ส.อบเชย ผู้ต้องหา ต่อมาเมื่อประมาณ วันที่ 10 ต.ค. 64 นายชัยทอง ผู้เสียชีวิต ได้ติดต่อขอยืมเงินจาก น.ส.อบเชย จำนวน 20,000 บาท เพื่อนำไปโอนเปลี่ยนป้ายชื่อเจ้าของรถยนต์ แต่น.ส.อบเชย ให้ยืมแค่ 10,000 บาท จึงนัดเจอกันและมอบเงินสดให้ที่แยกทับเบิก   

422325

เมื่อถึงวันนัดรับเงิน นายชัยทองมานอนรอที่รีสอร์ต ส่วนน.ส.อบเชย ขับรถมากับลูก เพื่อนำเงินให้นายชัยทองแล้ว ได้เดินทางกลับไปทำธุระ และกลับไปนอนที่บ้านแม่ที่เขาค้อ ก่อนที่วันรุ่งขึ้นเดินทางกลับบ้านที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ส่วนนายชัยทอง หลังจากได้เงินแล้วก็เงียบหาย น.ส.อบเชย ได้ติดต่อไป นายชัยทองบอกว่าจะเดินทางไปขายของที่กรุงเทพฯ น.ส.อบเชย จึงทวงเงินจำนวน 10,000 บาท หลังจากนั้นประมาณ 4 วัน นายชัยทองได้ทยอยโอนคืนมาให้จำนวน 2,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 8,000 บาท ให้ น.ส.อบเชย ไปรับเงินกับตัวนายชัยทองเอง

647773653709938055285290

ต่อมาวันที่ 29 ต.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. นายชัยทองได้โทรหา น.ส.อบเชย ขณะนั้นกำลังหาร้านทานข้าวกับสามีคือนายกฤษดา แต่ไม่ยังไม่ได้ทาน จึงนัดให้นายชัยทองนำเงินมาคืนที่จุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ 22.30 น. นายชัยทองได้มาพบกับ น.ส.อบเชย บริเวณลานจอดรถใกล้ที่พบศพ จากนั้นนายชัยทองได้บอกให้ น.ส.อบเชย เดินลงไปในทางด้านล่าง เป็นระยะทางพอสมควร จากนั้น น.ส.อบเชย ได้ทำการทวงเงิน จำนวน 8,000 บาท แต่นายชัยทองบอกว่ามีเงินมาเพียง 1,500 บาท และยังถูกนายชัยทองพยายามปลุกปล้ำ

cg

จังหวะนั้น นายกฤษดา สามี น.ส.อบเชย ซึ่งนั่งรออยู่ในรถ ได้ยินเสียงจึงลงมาล็อกตัวนายชัยทอง ใช้เชือกรัดคอ ก่อนที่ น.ส.อบเชย จะใช้ถุงดำคลุมหัวนายชัยทอง และ น.ส.อบเชย ได้ใช้อาวุธปืนลูกโม่ .22 ที่นำมาด้วยยิงใบหน้าของนายชัยทอง ทิ้งร่างของนายชัยทองไว้บริเวณดังกล่าว หนีไปอยู่บ้านที่ จ.นครราชสีมา พร้อมกับนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไปฝังดินไว้

784672

วัทนี่ 13 พ.ย. 64 ที่ สภ. บ้านแยง ช่วงเช้าที่ผ่านมาครอบครัวของ น.ส.อบเชย ได้เดินทางมาเยี่ยม เพื่อสอบถามต้นสายปลายเหตุ นางสาลี่ (นามสมมติ) อายุ 63 ปี แม่ของน.ส.อบเชย เผยว่า ที่ผ่านมาตนไม่ทราบมาก่อนว่า น.ส.อบเชย ไปก่อเหตุฆ่าผู้อื่น ซึ่งตนและ น.ส.อบเชย พักอาศัยกันคนละจังหวัด นานทีที่จะเจอกัน หากเจอก็พูดคุยสัพเพเหระ กระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา ตนทราบข่าวจากทางญาติว่า น.ส.อบเชย ได้ก่อเหตุฆ่าผู้อื่น ยอมรับว่าตกใจ เพราะลักษณะนิสัยของ น.ส.อบเชย เป็นคนที่ใจไม่แข็งพอ ไม่เคยมีพฤติกรรมที่รุนแรง แต่สำหรับลักษณะนิสัยของนายกฤษดา ลูกเขย ตนไม่ทราบ เนื่องจากนาน ๆ ทีที่เจอกัน

ซึ่งช่วงเช้าของวันนี้เดินทางมาเยี่ยม น.ส.อบเชย เจ้าตัวไม่ได้พูดอะไร อยู่ในอาการที่เครียด สำหรับปมเหตุที่ก่อเหตุฆ่าผู้อื่นนั้น ตนไม่ทราบ และไม่เคยรู้จักกับทางนายชัยทองด้วย อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่มีเงินทองที่จะมาประกันตัว น.ส.อบเชย ขอให้รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ ส่วนจะขอโทษครอบครัวผู้ตายหรือไม่ คงยังไม่ขอโทษ ต้องขอทราบต้นสายปลายเหตุที่ชัดเจนก่อน

407081

ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ตำรวจได้นำตัวไปฝากขังยังเรือนจำพิษณุโลก ทางญาติของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ขอเข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหา จากนั้นตำรวจได้นำตัวของผู้ต้องหาไปขึ้นรถคุมขังระหว่างเดินไป ผู้ต้องหาปิดปากเงียบสนิท ภายหลังญาติได้เดินไปที่รถคุมขัง พร้อมกับโบกมือลา พูดภาษาม้ง และทางแม่ของ น.ส.อยเชย ได้พูดคุยโทรศัพท์พร้อมกับร่ำไห้

790250

นอกจากนี้ ภายหลังจากควบคุมตัวได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ต้องหาทั้งสองทำแผนประกอบรับคำสารภาพเรียบร้อยแล้วเมื่อวานที่ผ่านมา โดยจุดแรก คือจุดที่นายกฤษดามาช่วยเหลือ น.ส.อบเชย หลังได้ยินเสียงร้อง กระทั่งเดินลงไปตาม เห็นถูกผู้ตายกำลังจะปลุกปล้ำ จึงเข้าไปล็อกตัว และลากไปเอาเชือกที่อยู่หน้ารถของผู้ตายมารัดคอ ก่อนที่น.ส.อบเชยจะวิ่งไปเอาถุงดำ และปืนที่อยู่ในรถกระบะ เมื่อได้เอาถุงดำจำนวน 2 ถุง และอาวุธปืนวิ่งกลับลงไป ก่อนที่จะใช้ถุงดำ 1 ใบคุมศีรษะของผู้ตาย และใช้อาวุธปืนยิงไปที่ใบหน้าของผู้ตาย

จุดที่ 2 หลังจากยิงเสร็จช่วยกันลากผู้ตายไปทิ้งจากจุดที่ยิง 50 เมตร จุดที่ 3 จุดที่นำผู้ตายมาทิ้ง พร้อมกับนำถุงดำคุมศีรษะอีกครั้งหนึ่ง และจุดที่ 4 เป็นจุดผู้ต้องนำนำรถของผู้ตายไปทิ้งห่างจากจุดเกิด 70 เมตร

560356

โดยเบื้องต้น ได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, กระทำโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย, ร่วมกันลอบฝังซ่อนย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธป็นติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็น และเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

488048

ภายหลังทีมข่าวได้เดินทางไปยังรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ภายในหมู่ 4 ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งภายหลังที่ผู้ต้องหาก่อเหตุเสร็จได้เข้ามาเปิดห้องพักอาศัย ขณะเดียวกันทีมข่าวได้กล้องจรปิดมุมแรกเป็นนนาทีที่ผู้ต้องหา 2 สามีภรรยา เดินทางออกจากห้องพัก มุมที่ 2 ผู้ต้องหา เดินมาขึ้นรถกระบะก่อนที่จะขับไปที่ จ.นครราชสีมาม

399088

นายอดิศร อุปพงษ์ อายุ 41 ปี พนักงานรีสอร์ต เผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้เดินทางมายังรีสอรต เมื่อเวลา 00.20 น. ของวันที่ 30 ตุลาคม 2564 โดยมาสอบถามราคาห้องพัก ขณะนั้นไม่มีพิรุธ เหมือนนักท่องเที่ยวที่ล้นมาจากภูทับเบิก และการแต่งกายปกติสะอาด ไม่มีหญ้าหรือคราบเลือดติด และคำพูดคำจาเหมือนกับนักท่องเที่ยว ไม่ได้พูดจาเหมือนชาวม้งหลุดออกมา จากนั้นได้พาไปพักห้องพักหมายเลข 1 พอช่วงเช้าก็มาเช็กเอาต์ตามปกติ กระทั่งมีตำรวจมาสอบถาม ยอมรับว่าตกใจและรีบไปอ่านข่าว เบื้องต้นไม่เคยเห็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาก่อน มองว่าพฤติกรรมรุนแรงมาก ขณะเดียวกันการจับกุมครั้งนี้ตำรวจสืบจากพิกัดจากสัญญาณโทรศัพท์ที่ผู้ตายได้พูดคุยกับผู้ต้องหาก่อนที่จะเกิดเหตุ

660592

นายบัวชม แซ่เถา อายุ 50 ปี พี่ชายของนายกฤษดา ผู้ต้องหา เผยว่า ตนฃเพิ่งทราบข่าวจากผู้ใหญ่บ้านวานนี้ว่านายกฤษดา น้องชาย และ น.ส.อบเชย น้องสะใภ้ ได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่าผู้อื่น ยอมรับว่าตกใจมาก ไม่คิดว่านายกฤษดาจะกล้ากระทำ ตั้งแต่เล็กจนโตนายกฤษดาเป็นคนใจดี ไม่มีพฤติกรรมที่รุนแรง ซึ่งวันนี้ตนและพี่น้องอีก 3 คน ได้เดินทางมาเยี่ยมนายกฤษดา เพื่อจะสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่เบื้องต้นได้ทราบปมเหตุที่นายกฤษดาและ น.ส.อบเชย ก่อเหตุแล้ว เป็นเรื่องของเงิน

ส่วนตัวมองแล้วยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะเงินเพียง 8,000 บาท ทั้งสองคงไม่กล้าฆ่าคนได้ ต้องมีอะไรมากกว่านั้น นอกจากนี้แล้วอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องชู้สาวหรือไม่ ที่ผ่านมาทั้งสองคนก็รักใคร่กันดี แต่งงานกันได้ 20 กว่าปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 3 คน ซึ่งไม่เคยนอกลู่นอกทาง แต่พอนายกฤษดาเห็นผู้ตายทักมาหา น.ส.อบเชย อาจมีการหึงหวง จนเป็นเหตุให้ลงมือฆ่าหรือไม่ ส่วนจะเป็นเรื่องยาเสพติด คาดว่าน่าจะไม่ใช่ เพราะนายกฤษดาไม่เคยยุ่งเกี่ยว

ขณะเดียวกันที่ผ่านมา นายกฤษดาไม่เคยโทรศัพท์มาปรึกษาปัญหาชีวิต เนื่องจากอยู่ไกลกันคนละจังหวัด โดยนายกฤษดาไปประกอบอาชีพขายไก่ทอดหาดใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา ภายใน 1 ปี จะเจอกันเพียง 1 ครั้ง คือช่วงเทศกาลปีใหม่ม้ง ซึ่งก็พูดจากันปกติ ล่าสุดติดต่อกันเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พูดคุยสารทุกข์สุขดิบ นายกฤษดาอ้างว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะค้าขายกำลังไปได้ดี ซึ่งตนก็เชื่อ เพราะเห็นออกรถกระบะกับ น.ส.อบเชย คนละคัน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่ารุนแรง คงไม่ประกันตัวทั้ง 2 คน ให้ชดใช้ในสิ่งที่กระทำลงไป และต้องขอโทษครอบครัวของผู้ตายด้วย ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ โดยส่วนตัวไม่รู้จักกับผู้ตาย

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส