เมื่อเวลา 07.30 น. ของวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แกลง จ.ระยอง ได้รับแจ้งมีเหตุผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่แฟลตตำรวจ สภ.แกลง ถ.แหลมยาง ต.ทางเกวียน จ.ระยอง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงก็ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุและข้างเคียง เพื่อทำการตรวจสอบ เก็บหลักฐาน พร้อมกันไม่ให้สื่อฯเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ
โดยเบื้องต้นพบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นหญิงทราบชื่อนางพิพาพร นามประภา อายุ 42 ปี ภรรยาของ ร.ต.อ.ประดิษฐ์ นามประภา รอง สวป.สภ.แกลง จ.ระยอง นอนเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณฟุตพาท หน้าบันใดทางขึ้นแฟลต ในลักษณะนอนหงายจมกองเลือด มือ 2 ข้างกางออกและบริเวณศีรษะเต็มไปด้วยเลือด ศีรษะยุบแตก สมองกระจาย ร่างกายผิดรูป สวมเสื้อแขนยาวสีชมพู กางเกงวอร์มขายาวสีแดงเข้ม ปัจจุบันเป็นพนักงานบัญชีในโชว์รูมรถยนต์ยี่ห้อดัง
ส่วนด.ญ.อภิณห์พร อายุ 14 ปี ลูกสาวของร.ต.อ.ประดิษฐ์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ขมับซ้าย 1 นัด นอนเสียชีวิตอยู่บนเบาะที่นอน ภายในห้องนอนที่ 1 ใกล้กันพบอายุปืนขนาด 9 มม. ที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ข้างศพ มีการเขียนข้อความบนกระดาษโน้ตสีเขียว โดยมีใจความว่า "เก็บไว้ใช้เวลาจำเป็น แม่มีให้แค่นี้" วางอยู่บนธนบัตรใบละ 20 บาท และ 100 บาท เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
โดยจากคำบอกเล่าของตำรวจ ทราบว่าหลังเกิดเหตุ ร.ต.อ.ประดิษฐ์ ควบคุมสติไม่ได้ พยายามหยิบปืนข้างศพลูกสาวขึ้นมาเตรียมจ่อยิงที่ศีรษะตัวเองภายในห้อง เจ้าหน้าที่ที่ขึ้นไปจึงต้องรีบช่วยห้าม และแย่งปืนมาได้ ก่อนจะแยกพาไปควบคุมสติอารมณ์
จากนั้น ร.ต.อ.ประดิษฐ์ อยู่ในอาการโศกเศร้าตลอดทั้งวัน ไม่พร้อมพูดคุยกับใคร ร้องไห้ มีเพื่อนตำรวจมาคอยสลับมาอยู่เป็นเพื่อนและให้กำลังใจ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ทั้งคราบเขม่าดินปืนในห้องและที่ร่างกายของ ร.ต.อ.ประดิษฐ์ พร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี
เจ้าตัวบอกว่า วันนี้ตนต้องออกเวร 08.00 น. แต่ช่วงหัวรุ่งประมาณ 03.00 น. ที่ผ่านมา ตัวเองเห็นว่ายังไม่มีเหตุอะไร จึงขอกลับมางีบที่ห้องสักพัก ตอนนั้นก็ยังเห็นว่าลูกกับเมียนอนอยู่ในห้องนอนที่ 1 ตนเองก็เลยแขวนปืนไว้ด้านนอกห้องนอน แล้วก็เข้าไปนอนในห้องอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องนอนที่ 2 แต่ก็อยู่ติดกัน
จากนั้นช่วงประมาณ 06.00 น. ก็ตื่นขึ้นมา เนื่องจากได้ยินเสียงเหมือนมีคนมารวมตัวกันทำอะไรสักอย่างที่หน้าแฟลต เห็นร่างของภรรยาตัวเองนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่ฟุตพาท จึงรีบวิ่งกลับไปดูในห้องนอนที่ 1 ก็ถึงกับทรุด เพราะสิ่งที่เห็นคือลูกสาวนอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน คาดว่าภรรยาน่าจะนำปืนที่ตนแขวนไว้ไปจ่อยิงลูกสาวขณะนอนหลับ แล้วเดินขึ้นไปที่ชั้น 4 ของแฟลตเพื่อกระโดดลงมาฆ่าตัวตาย
พันตำรวจเอกประติพัฒน์ ภูมลี ผู้กำกับการ สภ.แกลง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนสามีและพ่อของผู้เสียชีวิต เป็นตำรวจที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของตน ทราบว่า ทั้งคู่ไม่มีประวัติทะเลาะกัน สาเหตุการเสียชีวิตยังอยู่ระหว่างการสืบสวนในทุกมิติ ยืนยันว่าจะไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้งเด็ดขาด เนื่องจากตลอดทั้งวันมีการสอบปากคำไปแล้วมากกว่า 10 ปาก เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทักฝ่าย และสร้างความกระจ่างให้กับสังคม
ส่วนตัวเท่าที่ทำงานกับร.ต.อ.ประดิษฐ์ ยืนยันว่าขณะปฏิบัติงานไม่เห็นผู้กองจะมีอาการเครียด อีกทั้งช่วงเวลานอกปฏิบัติงาน ตนก็ไม่เห็นว่าเขาจะอาการแสดงว่ามีปัญหาอะไรด้วย สีหน้าแววตาก็ปกติทุกอย่าง เนื่องจากบ้านพักของตนก็อยู่เยื้องกับห้องที่เกิดเหตุ เจอหน้าคร่าตากันทุกวัน ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุเมื่อเช้าไม่ได้ยินเสียงปืน แม้ห้องพักผู้ตายจะอยู่หน้าบ้านพักของตนก็ตาม แต่ได้ยินเสียงวัตถุตกลงมา 1 ครั้ง แต่ไม่ได้เอะใจ กระทั่งได้รับแจ้ง ก็รู้สึกตกใจ หลังจากนี้จะมีการทำบุญให้กับผู้ตายในที่เกิดเหตุตามความเชื่อ
ด้านเพื่อนร่วมงานของนางพิพาพร บอกว่า ผู้ตายเขาเคยเปรยเรื่องหนี้สินกับเพื่อนร่วมงานอยู่บ้าง เช่น เรื่องเงินไม่พอ มีบ้างที่ขอยืมเงินเพื่อน แต่ก็คืนปกติ หรือเวลาเล่นแชร์ก็จะขอมือแรก แต่รายละเอียดเรื่องจำนวนเงินนั้นตนไม่รู้
เบื้องต้น ทีมข่าวได้พูดคุยกับหัวหน้างาน ผู้จัดการของผู้เสียชีวิต หนึ่งในบุคคลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกมาสอบปากคำ เปิดใจว่า ตนทำงานกับผู้ตายมานานกว่า 7 ปี ผู้ตายทำงานตำแหน่งฝ่ายบัญชี ที่ผ่านมายืนยันว่าผู้ตายไม่เคยมีพฤติกรรมทุจริตทางการเงิน หรือมีการยักยอกเงินใด ๆ เลย ทำงานเป๊ะมาก ไม่เคยขาดตกบกพร่องในหน้าที่กับตัวเองเลย ซึ่งทุกเย็นก่อนเลิกงานผู้ตายจะนำบัญชีกับตนตลอด
ตนยืนยันว่าไม่เคยได้ยินว่าผู้ตายมีปัญหาใด เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว รวมถึงประเด็นเงิน 70,000 บาทนั้น ตนก็ไม่ทราบ และปัญหาต่าง ๆ ก็ไม่เคยได้ยิน เพราะเท่าที่เจอกันทุกวันผู้ตายก็ยังพูดคุยหยอกล้อกันตามปกติ รวมถึงเมื่อวานตอนเย็นที่เจอกัน ผู้ตายก็ยังมีท่าทีปกติ ไม่มีใครในบริษัทสังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ ทั้งสิ้น สีหน้าแววตาก็เหมือนคนปกติ
ส่วนอุปนิสัยของผู้ตาย จะเป็นคนที่น่ารักมาก ทำงานดี เป็นคนสุจริต สุภาพเรียบร้อยและไม่เคยได้ยินปัญหาครอบครัว เพราะที่ผ่านมาผู้ตายมักจะพูดถึง 2 สิ่งคือ เรื่องลูกสาว เวลาว่างก็จะนำภาพลูกสาวซึ่งเป็นโมเมนต์น่ารักต่าง ๆ มาโชว์ให้กับตนดูตลอด อีกเรื่องก็คือเรื่องของหมา เพราะว่าเขาเลี้ยงหมาไว้ 1 ตัวและตนก็เป็นคนที่ชอบเลี้ยงหมาด้วยจึงมีการแชร์ประสบการณ์กัน ซึ่ง 2 อย่างนี้เป็นสิ่งที่ผู้ตายรักมาก และผูกพันที่สุด ตนยอมรับเลยว่าช็อกมาก ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ แต่เรื่องของเหตุผลต่าง ๆ ตนเองก็ไม่อยากที่จะออกความคิดเห็น
ทั้งนี้ จากที่ทีมข่าวได้ยินเสียงซึ่งดังออกมาจากในห้องเป็นระลอก ๆ เป็นเสียงร้องไห้ของ ร.ต.อ.ประดิษฐ์ และบางช่วงก็พูดออกมาประมาณว่า "มีปัญหาอะไร จะมีเงินไปเพื่ออะไรวะ" แล้วก็ร้องไห้ครวญครางตลอดเวลา เพื่อนตำรวจที่คอยดูแลก็บอกว่า ตอนนี้ความรู้สึกของ ร.ต.อ.ประดิษฐ์ ไม่โอเคมาก ๆ และไม่รู้ด้วยว่าสาเหตุทั้งหมดเกิดจากอะไร
เวลาประมาณ 17.00 น. น้องสาว ร.ต.อ.ประดิษฐ์ เดินทางมายังสถานีตำรวจ เพื่อดูใจพี่ชาย ทีมข่าวพยายามถามถึงเบาะแส เจ้าตัวก็ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล บอกว่าไม่สะดวก
เมื่อน้องสาวเข้าไปในห้องก็ได้ทำการปิดประตู ได้ยินเพียงแค่เสียงร้องไห้ของทั้งคู่ดังออกมาจากห้อง ร.ต.อ.ประดิษฐ์ พูดเป็นภาษึอีสานว่า "ทำไมมึงตรอมใจ มึงไม่บอกเพื่อนบ้างเลย กูก็อุตส่าห์ให้การต้อนรับมึงอย่างดี กูก็นอนหลับปางหลับปางตาย พวกมึงไปทำกัน ทำไมกูไม่ตายไปด้วยเลย ลูกลุกมาเรียนออนไลน์ด้วยกันก่อน เรียนกำลังสนุก" ในขณะที่เพื่อนตำรวจก็พยายามบอกให้น้องสาวคอยดูแลพี่ชายอยู่ใกล้ รวมถึงให้ประสานทางญาติดำเนินการกับงานศพ
ด้านนางกลอยใจ ญาติของผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเป็นคน จ.ศรีสะเกษ โดยปมสาเหตุคาดว่าการเสียชีวิตคาดว่าเป็นเรื่องของหนี้สิน เพราะเคยมีการโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือกับทางบ้านอยู่หลายครั้ง และทางบ้านก็เคยช่วยมาเป็นเงินหลักหมื่นบาท และช่วยเหลือมาประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นหนี้สินเกี่ยวกับเรื่องใด แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการทะเลาะกับสามี ส่วนตัวรู้สึกตกใจไม่คิดว่าจะคิดสั้นแบบนี้ เพราะทางบ้านก็ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด เคยมีการสอบถามว่าเป็นหนี้อะไรแต่ก็ไม่บอก บอกเพียงว่ามีหนี้สิน
นายดวง (นามสมมติ) อายุ 57 ปี ชาวบ้านซึ่งมีบ้านอยู่ด้านหลังของแฟลตตำรวจ ประมาณ 300 เมตร บุคคลที่เจ้าที่ตำรวจเรียกไปให้ปากคำวันนี้ เพราะเป็นคนพบศพคนแรก บอกา เมื่อช่วงหัวรุ่งที่ผ่านมา ประมาณ 04.00 น. ตนนอนอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียง "ปั้ง" ดังขึ้นคล้ายกับเสียงประทัด ตอนนั้นก็ตกใจตื่น แต่ก็ยังอยู่ในภาวะสะลึมสะลือ บวกกับต้องลุกขึ้นไปซื้อของมาใส่บาตรด้วย จึงไม่ได้สนใจเสียงดังกล่าว เพราะรีบแต่งตัวพาเมียไปตลาด
ต่อมาประมาณ 05.15 น. ตนก็พากันไปซื้อของใส่บาตรที่ตลาด พอเวลาประมาณ 06.00 กว่าก็กลับมา เห็นผู้หญิงนอนอยู่บนฟุตพาท สภาพศพที่ตนเห็นคือนอนหงาย แขนกางออก และกำมือ ศีรษะเต็มไปด้วยเต็มไปด้วยเลือด เนื้อตัวซีดจนเหลือง ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร จากนั้นก็รีบไปแจ้งตำรวจที่โรงพักให้เข้ามาดู แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เชิญตนไปให้ปากคำ จึงมารู้ภายหลังว่าเป็นศพนางพิพาพร
