เมื่อวันที่ 30 ต.ค.64 เวลา 15.30 น. ที่สภ.บางบัวทอง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รองผบช.ภ.8 ปฏิบัติราชการรองผบช.ภ.1, พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผบก.ก.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ดังต่อไปนี้
1.นายสมไสว หรือ บังมิต หมัดขู่ อายุ 40 ปี ชาว อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
2.น.ส.สุกัญญา หรือ นะ ลามอ อายุ 37 ปี ชาว อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
3.นายยุทธภูมิ อายุ 16 ปี ชาว อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
4.น.ส.ขวัญชนก อายุ 18 ปี ชาว อ.เมือง จ.นนทบุรี
พร้อมด้วยของกลาง รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ค สีขาว-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (ทะเบียน กง-3873 กรุงเทพมหานคร) โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย”
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิต บริเวณตลาดนัดต้นตาล ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแจ้งแพทย์ร่วมชันสูตร และทีมตรวจ สถานที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบชายไม่ทราบชื่อนอนเสียชีวิต ลักษณะนอนหงายสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำ นอนอยู่บริเวณลานจอดรถ เบื้องต้นติดเชื้อโควิค-19 คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
ต่อมาทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ นายคำพร อายุ 58 ปี ชาว อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณ ที่เกิดเหตุพบรถกระบะคันดังกล่าว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งมีนายคำพร ผู้เสียชีวิตนอนอยู่ท้ายกระบะ โคยมีนายเอ นั่งพยุง และน.ส.ขวัญชนก นั่งอยู่ข้าง โดยมีนายสมไสว เป็นคนขับรถ และน.ส.สุกัญญา นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุลูกของนายคำพร เป็นหนี้การพนันกับนายสมไสว และลูกของผู้ตายหลบหนีไปไม่ชำระหนี้ เป็นเหตุให้นายสมไสวไม่พอใจ วันที่ 26 ต.ค.64 นายสมไสวและพวกไปลักพาตัวนายคำพร จากบ้านพักย่านคู้บอน มากักขังไว้ที่บ้านของนายสมไสว ภายในซอยประเสริฐอิสลาม ซอย 38 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ต่อมาวันที่ 28 ต.ค.64 เวลากลางวัน นายสมไสว ทำร้ายร่างกายผู้ตายจำนวนหลายครั้ง เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. นายสมไสว ร่วมกับพวกนำตัวนายคำพรออกจากบ้าน ไปยังวัดสะพานสูง เมื่อถึงวัดสะพานสูงผู้ต้องหา และพวกย้ายร่างของผู้ตายเข้าไปภายในรถกระบะ เพื่อไม่ให้ถูกผู้ใดพบเห็น
เวลาประมาณ 19.00 น. ผู้ต้องหาและพวกขับรถกระบะวนมาถึงบริเวณตลาดต้นตาล เพื่อนำร่างของผู้ตายมาทิ้งที่ตลาด ขณะนั้นนายคำพรถึงแก่ความตายแล้ว หลังจากนั้นผู้ต้องหาและพวกช่วยกันนำร่างของผู้ตาย ไปวางไว้บริเวณลานจอดรถของตลาด หลังจากนั้นผู้ต้องหา และพวกขับรถหลบหนีไป ทิ้งศพผู้ตายไว้ยังที่เกิดเหตุ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ทั้งหมด
พ.ต.อ.พงศ์จักร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 64 เวลาประมาณ 20.00 น. มีชายเสียชีวิตบริเวณตลาดนัดต้นตาล ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทราบชื่อต่อมาคือ นายดำพร อายุ 58 ปี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับแพทย์ตรวจพบผู้ตายติดเชื้อโควิด-19 และร่างกายมีการถูกทำร้ายจากของแข็ง ประกอบกับช่วงเกิดเหตุมีชาวบ้านบอกว่ามีรถต้องสงสัยถอยชนคนตาย จึงได้ดำเนินการสอบสวนจนสามารถจับกุมตัวนายสมไสว หรือ บังมิต
ก่อนสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหา ได้ทะเลาะกับลูกชายของผู้ตาย ซึ่งเป็นหนี้พนันบอล 57,000 บาท และได้หลบหนีไม่ยอมใช้หนี้ เป็นเหตุให้นายสมไสว โกรธแค้น และทราบว่าผู้ตายเป็นพ่อของลูกหนี้ อยู่ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง จึงร่วมกันกับพวกลักพาตัวจากพื้นที่กรุงเทพฯ มากักขังไว้ที่ประเสริฐอิสลามซอย 38 หลังจากนั้นได้พูดข่มขู่ให้ชดใช้หนี้ แต่ไม่สามารถใช้หนี้ได้ จึงทำให้นายสมไสว หรือบังมิต ใช้เท้าเตะจนอาการสาหัส
พ.ต.อ.พงศ์จักร กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีการนำตัวนายคำพรไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ระหว่างนั้นนายคำพรอาการสาหัส ทีแรกนายคำพรอยู่ท้ายกระบะ แต่อาการไม่ดีจึงให้นายคำพรเข้าไปภายในรถเพื่ออำพรางคดี หลังจากนั้นได้นำศพมาทิ้งที่จุดเกิดเหตุ เพื่ออำพรางพยานหลักฐาน โดยมีผู้ต้องหาอีก 3 คนที่มีส่วนร่วม เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และทำร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตาย ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ 15/15 หมู่ 3 ภายในซอยประเสริฐอิสลาม 38 ถนนเลี่ยงเมือง ต.บางตลาด ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุราว 2 กม. เเละได้พบกับนางสาวเอ (นามสมมติ) ภรรยาของบังมิต
นางสาวเอ เปิดเผยว่า ตนรู้จักบังมิต มาประมาณ 7-8 ปีแล้ว มีลูกผู้หญิงอายุ 5 ขวบด้วยกัน 1 คน นิสัยของบังมิตเป็นคนอารมณ์ร้าย ขี้โมโหเเต่ใจดี ส่วนที่มีปัญหากับนายคำพร ลูกชายของนายคำพร ได้รับเงินค่าบอลจากบังมิต เนื่องจากบังมิต ได้รับเงินพนันบอลไม่รู้จะเอาไปลงที่ไหน จึงใช้บัญชีของนายเต้ย จำนวนเงินประมาณ 57,000 บาท หลังจากนั้นนายเต้ยก็เชิดเงินและหนีหายไป นานประมาณ 1 เดือนเเล้ว
ในวันที่ 24 ตุลาคม 64 นายคำพร เดินมากินเหล้าที่บ้านของบังมิตจริง จนช่วงค่ำ ๆ ของวันที่ 26 ตุลาคม 64 บังมิตได้มีการไปพาตัวของนายคำพร มาจากบ้านที่คู้บอน เเละพามาอยู่ที่บ้านของตนจริง เพื่อที่จะถามว่านายเต้ยอยู่ที่ไหน ซึ่งนายคำพร ก็ตอบเพียงไม่รู้ แต่ส่วนตัวคิดว่ารู้ แค่ไม่ยอมเปิดเผย
นางสาวเอ กล่าวยอมรับว่า บังมิตมีการเตะนายคำพรจริง เนื่องจากโมโหที่ไม่ยอมบอกว่านายเต้ยไปอยู่ที่ไหน เเละบังมิตเจอไขควงอยู่ที่ใต้หมอนของนายคำพร คาดว่าจะเอามาทำร้ายบังมิต จึงเตะนายคำพร รอบเเรก 4 ครั้ง รอบสองอีก 4-5 ครั้ง บริเวณซี่โครงฝั่งซ้าย
ในวันที่ 28 ตุลาคม 64 ช่วงหัวค่ำ ครอบครัวตนจะพานายคำพรไปส่งที่โรงพยาบาล ให้นายคำพรนั่งด้านในรถกระบะ เเต่นายคำพร บอกอยากกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เเวะตลาดไปซื้อกับข้าว นายคำพรบอกอยากได้เหล้าขาว ตนก็ไปซื้อให้ หลังจากนั้นนายคำพรก็เดินหายไป หาเท่าไรก็หาไม่เจอ หลังจากนั้นก็ขึ้นรถจะกลับรถกลับบ้านทางเดิม
นายสม (นามสมมติ) อายุ 56 ปี พ่อของบังมิต เปิดเผยว่า ตนมีลูก 3 คน นายบังมิต เป็นลูกชายคนโต ตอนเเรกนายบังมิต เป็นคนปกติ เเต่หลังจากที่ตนเเยกออกไปอยู่ที่อื่นนานประมาณ 7 ปี ก็ไม่ค่อยได้เจอลูกชาย เวลาเขาทำอะไรก็จะไม่ค่อยรู้เเล้ว พอตนกลับมานายบังมิตก็ทะเลาะกับภรรยาคนเก่า เเละเเยกทางกันไป เพราะช่วงที่อยู่ด้วยกัน ทะเลาะกันบ่อย นิสัยของนายบังมิต ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว รุนเเรงขี้โมโห ชอบกินเหล้า เกเร ทำงานไม่เเน่นอน เที่ยวไปเรื่อย ๆ
ส่วนเรื่องของนายคำพร ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพราะนายบังมิตไม่เคยพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับนายคำพรให้ฟัง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ตนมาทราบเรื่องตอนกลางคืนเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.64) เเฟนของตนไปตลาด เเละกลับมาเล่าให้ตนฟัง คนที่ฆ่าคนตายทึ่ตลาดจับได้เเล้ว เห็นบอกว่าเป็นคนอิสลามด้วย ตอนนั้นตนก็ยังสงสัยว่าเป็นใคร มารู้อีกทีเวลา 19.00-20.00 น. ลูกชายถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว ส่วนเรื่องประกันตัว เเฟนของลูกชายก็ยื่นประกันตัวไปแล้ว
