จากกรณีนายประเสริฐ ชัยคม เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเสียชีวิตคาบ้านพักของผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ขณะเฝ้าบ้าน
ผู้ก่อเหตุคือ นายอนันต์ หลงหา และนายปัทวีกาญจน์ หลงหา 2 พี่น้อง ถูกจับกุม สารภาพว่าต้องการเข้าไปงัดบ้านขโมยทรัพย์สินในบ้านหลังเกิดเหตุแต่พบกับผู้ตาย จึงทำการฆ่ารัดคา ลักทรัพย์ในบ้านเป็นพระเครื่อง และเงินสด 25 บาทนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ฮือประชาทัณฑ์พี่น้องใจเหี้ยม ฆ่ารัดคอลุงเฝ้ายามชิงเงิน 25 บาท ญาติแค้นฉะสุดเนรคุณ
วันที่ 8 ก.ค. 64 นายชัยรัตน์ ธีรักษา คนเจอศพและน้องภรรยาของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เช้าวันที่ 7 ก.ค. 64 ช่วงเวลา 03.00 น. ตนเองมีนัดกับนายประเสริฐ จะไปทำงานขนปุ๋ยเพื่อไปส่งที่ จ.ชัยภูมิ แต่เมื่อถึงเวลานายนายประเสริฐไม่มาตามนัด ตนเองก็นั่งรอจนกระทั่งถึง 04.00 น. กับเพื่อนรวม 3 คน
ตนเองตัดสินใจเดินไปตามนายประเสริฐที่บ้านเกิดเหตุ ห่างออกไป 150 เมตร เมื่อเข้าไปถึงบ้านก็เดินไปที่บานเกร็ดข้างบ้าน พบเห็นนายประเสริฐนอนตะแคงอยู่กับพื้น ประตูหน้าบ้านและข้างบ้านล็อก ตนพยายามเรียกผู้ตายแต่ไม่ขานตอบ ตอนนั้นคิดว่าอาจล้มหรือเป็นลม ไม่คิดว่าถูกฆ่า ตนเองจึงไปเอากุญแจกับลูกน้องเจ้าของบ้านอีกคนซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเช่นกัน เมื่อกลับมาเปิดประตู เข้าไปถึงร่างผู้ตาย พบความผิดปกติคือมีเชือกรัดที่คอ ตอนนั้นตกใจและรีบไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านทันที
ส่วนตัวคิดว่าคนร้ายใช้ประตูหลังบ้านเข้ามา แต่ตอนที่ตนมาถึงบ้านปิดล็อกทั้งหมด หลังเกิดเหตุคนในหมู่บ้านก็พ้องใจกันว่าคนร้ายคือ นายอนันต์ ผู้ใหญ่บ้านและตำรวจก็มาถึง ก็ไปตามจับกุมตัวได้ที่บ้านของคนร้ายเอง ส่วนที่ชาวบ้านและญาติ ๆ อยากรุมประชาทัณฑ์ เพราะญาติ ๆ มีความแค้น ตอนนี้ขอให้กฎหมายลงโทษให้เต็มที่ ยอมรับว่ากลัวว่าคนร้ายจะได้รับโทษเบาและถูกปล่อยกลับมาอีก
นางรำไพ ธีรักษา ภรรยาคนตาย เปิดเผยว่า ตนเองได้เจอผู้ตายครั้งสุดท้ายเย็นของวันเกิดเหตุ นายประเสริฐบอกให้หลานเตรียมห่อข้าวเอาไว้ และจะกลับมาช่วง 02.00 น. พร้อมยังพูดกับหลาน ๆ ทำนองว่าให้นอนกับตนเอง เหมือนเป็นการบอกลา และออกจากบ้านไป คืนนั้นส่วนตัวรู้สึกปกติ แต่ตนรู้สึกผิดสังเกตที่สามีไม่กลับบ้านตรงเวลา เพราะปกติสามีจะเป็นคนไม่ผิดนัด และมาก่อนเวลาเสมอ ที่ผ่านมาสามีตนกับคนก่อเหตุไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกัน และไม่มีปัญหากับใคร กลับกันสามีตนยังให้เงิน ให้ข้าวนายอนันต์บ่อยครั้ง เวลานานอนันต์มาขอก็ให้เสมอ
"ตอนนี้ตนเองยังให้อภัยนายอนันต์และน้องชายไม่ได้ คนแบบนี้ไม่น่ามีทางสำนึก เวลาตายไปเดี๋ยวจะตายไม่ได้ ตนไม่คิดว่าคนดี ๆแบบสามีตนจะมาตายเพราะคนชั่ว จิตใจตอนนี้เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ปกติตนกับสามีมักทะเลาะกันบ่อย ตนเองชอบบ่นด่าสามี เหมือนคู่กัดกัน ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นมันหายไปแล้วตลอดชีวิต" ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าว
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านเกิดเหตุ เป็นบ้าน 2 ชั้น มีเนื้อที่หน้าบ้าน รั้วรอบขอบชิด นางแก้ว (นามสมมติ) เพื่อนบ้านหลังตรงข้ามที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงเย็นของวันที่ 6 ก.ค. ก่อนจะเกิดเหตุ ตนเองเห็นผู้ตายเดินมาที่บ้านเกิดเหตุ และเข้าไปในบ้านตามปกติ เพราะผู้ตายมาเฝ้าบ้านหลังนี้ได้ราว 2 สัปดาห์แล้ว ส่วนตัวไม่ได้ทักผู้ตาย
จนกระทั่งช่วงเที่ยงคืน ตนเองได้ยินเสียงหมาที่บ้านเห่า ปกติจะเห่าเวลามีคนผ่านหน้าบ้าน ตอนนั้นตนเองเห็นหมาเห่านาน จึงออกมาดู ก็ไม่พบใคร จึงเข้านอน ก็ยังได้ยินหมาเห่าเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งเช้ามาทราบว่านายประเสริฐตายอยู่ที่บ้านเกิดเหตุ ไปตามจับคนร้ายได้ที่บ้านพัก ซึ่งตอนที่ทำแผนฯ ตนเองยืนดูอยู่ด้วย ส่วนตัวต้องการให้ตำรวจเอายาฉีดคนร้ายให้ตายไป จะได้ไม่ต้องออกมาจากคุกอีก อีกทั้งกลัวที่คนร้ายพูดไว้หลังถูกจับว่า "หากออกมาจะมาฆ่าคนในหมู่บ้านอีก 2 คน เพื่อแก้แค้น"
ส่วนนายอนันต์ ผู้ต้องหา มีประวัติกับบ้านนี้หลายอย่าง ก่อนหน้านี้ตนเองก็เห็นนายอนันต์เข้ามานอนที่ข้านเกิดเหตุ เพราะช่วงนั้นไม่มีคนอยู่บ้าน ประกอบกับประตูบ้านเสีย ไม่สามารถล็อกได้ คนร้ายก็เข้าไปนอนเปิดแอร์เหมือนตัวเองเป็นเข้าของบ้าน เห็นแบบนี้ราว 2-3 วัน จนพ่อของตนไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน จึงมานำตัวออกไป หลังจากนั้นไม่นาน นายอนันต์ก็มาขโมยปั๊มสูบน้ำของบ้าน ถูกจับได้ติดคุกไป 1 เดือนเศษ ออกจากคุกมาก็มาก่อเหตุทุบศาลพระภูมิที่บ้านเกิดเหตุอีก พิสูจน์หลักฐานมาตรวจลายนิ้วมือก็พบว่าเป็นนายอนันต์ แล้วก็ถูกจับติดคุกอีก 1 เดือนเศษ จากนั้นนายอนันต์เพิ่งออกคุกมาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ก็มาก่อเหตุฆ่านายประเสริฐตาย
ตนยอมรับว่ากลัว และไม่อยากให้คนร้ายเข้ามากลับออกมาอีก นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุเคยเตะคนแก่ และพยายามปาดคอคนในหมู่บ้านอีกด้วย
นางสมัย (นามสมมติ) อาของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ปกตินายอนันต์และน้องชายจะเดินทางมาบ้านตนทุกวันช่วงเช้า กลางวัน เย็น ซึ่งวันเกิดเหตุก็เดินทางมาเช่นกัน เป็นช่วงก่อนเกิดเหตุ 2 พี่น้องมาช่วงเช้า ขอให้ตนทำแกงหน่อไม้ให้กิน จากนั้นกลางวันก็มากินข้าว ช่วงบ่าย 3 ก็มากินข้าวพูดคุยปกติ เป็นช่วงสุดท้ายที่เจอนายอนันต์ ส่วนนายปัทวีกาญจน์ กลับมาอีกครั้งช่วง 19.30 น. หลังจากไปเล่นฟุตบอลเสร็จ มากินข้าวอีก 1 มื้อ ก่อนกลับไป ตลอทั้งวันไม่ได้มีวี่แววว่าผู้ก่อเหตุจะไปฆ่าคนตาย จนกระทั่งตี 4 ตนเองทราบเหตุ หลังจากผู้ใหญ่บ้านโทรมาแจ้งคนในครอบครัว
ทั้งนี้ ตนเองเป็นคนเลี้ยงหลาน 2 คนมาตั้งแต่เล็ก เพราะแม่ของหลานตายตั้งแต่ยังเด็ก อีกทั้งพ่อก็ประสบอุบัติเหตุ สมองไม่ดี เด็ก ๆไม่เคยมีพฤติกรรมไม่ดี ส่วนนายอนันต์ มีปัญหาเรื่องยาเสพติด 2 ปีแล้ว เข้าออกคุกหลายครั้ง นอกจากนี้มีครั้งหนึ่ง นายอนันต์คลั่งยา และเดินร้องโวยวายเสียงดังไปทั่วหมู่บ้าน ตนเองคอยเตือนชาวบ้านตลอดให้ระวังลูกหลาน เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับหลานตัวเอง
เมื่อนายอนันต์คลั่งได้เดินเข้ามาที่บ้านตน ตอนนั้นตนเองพยายามเดินไปดูชายชราซึ่งอยู่หน้าบ้านตนให้หลบเข้าบ้าน ตอนนั้นไม่พบใคร ตนเองก็กลับเข้าบ้าน นายอนันต์ได้ปีนกำแพงบ้านเข้ามาเพื่อขอกินข้าว ตนเองก็ตะโกนคุยผ่านประตูทำนองว่าเดี๋ยวจะทำให้ จากนั้นนายอนันต์ก็ปีนกำแพงออกไปจากบ้านตน เป็นช่วงที่ชายชราวัย 80 ปี ออกมานั่งที่เปลพอดี นายอนันต์เดินผ่าน ชายชราก็ทักตามประสาคนรู้จักว่า "เป็นอะไรไอ้ห่า" สิ้นเสียงทัก นายอนันต์ปรี่เข้ามาเตะชายชราจนตกเปลมากองกับพื้น ตนเองก็รับไปช่วยส่งโรงพยาบาล นายอนันต์วิ่งหนีกลับบ้านตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานชายรายนี้ก็เริ่มป่วยและเสียชีวิต และครั้งนั้นไม่ได้มีใครแจ้งความเอาผิด
"ตอนนี้ตนเองยังไม่ได้ไปเยี่ยม แต่ยอมรับว่าห่วงหลาน ถึงหลานจะจิตใจไม่ดี แต่ตนก็ห่วง ตนเคยสั่งสอน พูดจนเหนื่อยก็ไม่ฟัง ตนเชื่อว่าที่หลานก่อเหตุเพราะเมายา ส่วนครอบครัวคนตายตนเองไปคุยแล้ว ที่ผ่านมาก็ช่วยเหลือรักกันเหมือนพี่น้อง ญาติรักกันดี ก็ไม่คิดว่าหลานคนนี้จะมีสันดานเช่นนี้" ครอบครัวเสียใจ หากมีอะไรช่วยได้พร้อมจะช่วยคนตาย ไม่ทอดทิ้งแน่นอน เรื่องหลานขอให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย และขอให้ตำรวจขยายผลเรื่องยาเสพติดด้วย
นายรอน บุตรดา ชาวบ้านที่เคยถูกนายอนันต์พยายามใช้มีดคัตเตอร์ปาดคอ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ของตนเองมี 2 รอบ เป็นเหตุเมื่อปลายปี 2563 รอบที่ 1 ตนเองไปงานศพคนในหมู่บ้าน เดินสวนทางกับนายอนันต์ ซึ่งไม่ได้สนิทกัน นายอนันต์ใช้หมัดคาดว่ามีสนับมือชกเข้าที่ตาซ้ายตน ใต้ตาแตกเลือดไหล ก่อนนายอนันต์จะวิ่งหนีไปโดยไม่ทราบสาเหตุ นายอนันต์ไม่พูดอะไรสักคำ ครั้งนั้นตนเองไม่ได้แจ้งความ เพราะคิดว่านายอนันต์จะไม่ก่อเหตุอีก
จนกระทั่งผ่านไปราว 1 เดือน ตนนั่งกินเหล้ากับเพื่อน ๆ ได้ 1 กั๊ก นายอนันต์เดินเข้าที่ด้านหลังตนขณะนั่งอยู่ ใช้มือรัดคอ ก่อนใช้อีกมือที่ถือคัตเตอร์ปาดคอตน ลักษณะเหมือนหั่นหมู จนมีเลือดไหล คาดว่าส่วนหนึ่งโดนปกเสื้อทำให้มีแผลไม่มาก แต่ที่ตาซ้ายและลำคอยังมีรอยแผลอยู่ เหตุครั้งนั้นตนเองไปแจ้งความ ทำให้นายอนันต์ถูกจับติดคุก 8 เดือน3
หลังออกจากคุก ตนก็ระวังตัว แต่นายอนันต์ยังไม่เคยทำอะไรตน มาขอกินเหล้าตนก็ให้ปกติ ยอมรับว่ากังวลหากคนร้ายจะต้องออกจากคุกมา อยากให้ติดนาน ๆ เพราะคนร้ายมีพฤติกรรมโหดร้ายเกินไป
Advertisement