เมื่อวันที่ 16 มี.ค.64 ที่สำนักสักยันต์อุทยานเสือ ข้างวัดตะโกหลวงพ่อรวย อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเมื่อช่วงสายได้มีกลุ่มลูกศิษย์สำนักสักยันต์บ้านมีดี ย่านจรัญสนิทวงศ์ กว่า 300 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ มาปิดล้อมสำนักสักยันต์อุทยานเสือ ขณะที่กำลังประกอบพิธีไหว้ครู
สืบเนื่องจากลูกศิษย์สำนักสักยันต์บ้านมีดี กล่าวหาว่า สำนักสักยันต์ของอาจารย์พยัคฆ์ ไปลบหลู่ดูถูกสำนักสักยันต์บ้านมีดี โดยอาจารย์อ๋อง นครมนต์ ซึ่งเป็นครูอาจารย์ของอาจารย์พยัคฆ์ เจ้าสำนักสักยันต์แห่งอุทยานเสือ ได้นำอักษรภาษาจีนของบ้านมีดี
โดยถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่เคารพศรัทธาของลูกศิษย์บ้านมีดี ไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก อ้างว่าเป็นของแท้ออกมาจากอาจารย์อ๋อง เป็นเหตุทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิด สร้างความเสียหาย และยังมองว่าสำนักสักยันต์อุทยานเสือ ไม่เคารพสำนักสักยันต์บ้านมีดี กระทั่งเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น
ล่าสุดวันที่ 16 มี.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังสำนักสักยันต์อุทยานเสือ รูปร่างปูนปั้นพญาเสือโคร่งสีขาว ใหญ่ขนาดสูง 6 เมตร ยาว 9 เมตร และกำลังจะเตรียมบวงสรวง
ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับอาจารย์อ๋อง นครมนต์ ครูเสือสมิง หรือนายอาทิตย์ คงกระเรียน อายุ 42 ปี ครูจอมขมังเวทย์ บอกกับทีมข่าวว่า ตนอยู่ในวงการสักยันต์และปลุกเสกวัตถุมงคลมานานกว่า 10 ปี โดยได้มีการศึกษาในเรื่องของการสักยันต์มาหลายแขนง หลายวิชา หลายอาจารย์ ซึ่งเปิดสำนักอยู่ที่ จ.สกลนคร ส่วนต้นเหตุเกิดมาจากการที่ลูกค้าจากประเทศจีน สั่งสินค้าของขลังจากตน โดยคนไทยในประเทศจีนเป็นล่ามในการแปลภาษา ซึ่งวัตถุมงคลส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการค้าขาย ร่ำรวย มหาเสน่ห์ ส่วนการสักจะเป็นเรื่องของการสักเสือหัวขาด ซึ่งมีคุณสมบัติคงกระพัน ร่ำรวย มหาเสน่ห์
"ทุก ๆ ครั้ง ที่มีการซื้อขายกัน คนไทยที่เป็นตัวแทนในการขายจะให้ถือสัญลักษณ์ของร้านค้าซึ่งเป็นตัวการันตีว่าได้รับของจากมือ เป็นของแท้ ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ทราบว่าเป็นสัญลักษณ์ของอะไร เนื่องจากเป็นภาษาจีน เลยไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร จากนั้นก็ได้มีการโพสต์ภาพ (ลบแล้ว) ลงไปในโซเชียลฯ" อาจารย์อ๋อง นครมนต์ กล่าว
จากนั้นเกิดคอมเมนต์ถกเถียงกัน เกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่ตนได้ถือในภาพว่าเป็นสัญลักษณ์ของสำนักสักยันต์บ้านมีดี และเข้าใจว่าเป็นการลบหลู่ ไม่ให้เกียรติ ก็เกิดการแสดงความเห็นในเชิงลบ ซึ่งก็มีลูกศิษย์ของตนเป็นหนึ่งในนั้นที่แสดงความเห็นด้วยความโกรธ ตนเห็นว่าจะเกิดความรุนแรงมากกว่าเดิม จึงเลือกที่จะลบโพสต์ดังกล่าว และมีการโพสต์ชี้แจงอีกครั้ง แต่คู่กรณีเหมือนกับว่าไม่ยอม ต้องให้ตนไปขอโทษด้วยตัวเอง ตนก็มองว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ก็เข้าใจว่าจบไปแล้ว
ในครั้งนี้ตนมองว่าฝั่งคู่กรณีไม่ได้มีเจตนาที่จะมาพูดคุยหรือเจรจา แต่เป็นการตั้งใจบุกมาทำร้ายร่างกายมากกว่า ตนก็มีอาจารย์ที่นับถือ ส่วนคู่กรณีก็มีอาจารย์ที่เคารพนับถือเช่นกัน ก็น่าจะเข้าใจว่าไม่ควรลบหลู่ครูบาอาจารย์คนอื่น
การบาดเจ็บในครั้งนี้ ก็อาจจะต้องคุยกับว่าจะดำเนินการทางคดีความหรือไม่ เพราะใจจริง ๆ มองว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดก็น่าจะพูดคุยกันได้เนื่องจากอยู่ในวงการเดียวกันไม่อยากมีปัญหากับใคร แต่ถ้าเขาไม่ยอมก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะบุกมาขนาดนี้เกินกว่าเหตุจริง ๆ
จากนั้นทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับ อาจารย์พยัคฆ์ สิทธิอนันต์พร อายุ 32 ปี ลูกศิษย์อาจารย์อ๋อง เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ปัจจุบันร่ำเรียนวิชาสักยันต์ จนกลายเป็นอาจารย์แล้ว จึงได้มีการบินไปสักยันต์ให้กับคนจีน แต่ช่วงนี้เกิดโควิด-19 เลยทำได้แค่มีการขายของวัตถุมงคลต่างชาติ รายได้จากการสักยันต์และขายของวัตถุมงคลได้มีการนำมาสร้างอุทยานเสือเพื่อเป็นแลนด์มาร์ก และเป็นจุดท่องเที่ยว ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
ประเด็นขอพิพาทกับคู่กรณี ตนยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ทำให้เกิดความรุนแรงเนื่องจากรับไม่ได้กับการที่อาจารย์ของตนต้องถูกด่า จึงมีการคอมเมนต์แสดงความเห็นปกป้องอาจารย์อ๋อง ด้วยความโกรธจึงมีการท้าทายให้มาที่อุทยานแห่งนี้
หลังจากที่อาจารย์อ๋อง ได้โพสต์ชี้แจง ตนก็เข้าใจว่าเรื่องจบแล้ว ก็กะว่าจะอยู่เงียบ ๆ แต่กลายเป็นว่าอาจารย์แขก เป็นอาจารย์บ้านทีดี ฝ่ายคู่กรณีแอด Facebook มา แล้วมีการโทรเข้ามาหาตน โดยบอกว่าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และมีข่มขู่ว่าจะยกพวกมา
ในวันนี้ที่มีการบุกมา ตนมองว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีเจตนาที่จะมาเจรจา แต่เป็นการบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายมากกว่า ซึ่งตนพร้อมที่จะดำเนินคดี เพราะได้รับความเสียหาย ในเรื่องของทรัพย์สิน ที่มีการปีนป่ายไปทำลายและมีการใช้สีสเปย์พ่นจนได้รับความเสียหาย รวมถึงสภาพจิตใจของความตั้งใจของทุกคน
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านมีดี (สำนักสักยันต์) ตั้งอยู่บริเวณตรอกบ้านบุ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย พบว่าเป็นบ้านไม้ยกสูง ด้านใต้ถุนเป็นที่ประกอบอาหาร และที่นั่งพักผ่อน ติดกับทางเข้า-ออกของถนน นอกจากนี้ใต้ถุนบ้านพบกลุ่มชายฉกรรจ์นั่งล้อมวงสังสรรค์ประมาณ 15-20 คน
ทีมข่าวได้สอบถามกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน ถึงกรณีที่ลูกศิษย์ของบ้านมีดีได้บุกไปล้อมสำนักสักยันต์อุทยานเสือ โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างว่า เจ้าของบ้านมีดีไม่อยู่ ไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น และบ้านมีดีไม่ใช่สำนักสักยันต์ตามที่กล่าวอ้าง เป็นเพียงบ้านอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัว ซึ่งบ้านมีดีไม่ได้มีลูกศิษย์ที่มาพักอาศัย 300 กว่าคน หากมีจำนวนมาก เสาบ้านคงหักไปแล้ว
โดยวันนี้ (16 มี.ค.64) กลุ่มพวกตนก็มาทำงานเทเสาบ้าน ซ่อมแซมบ้านมีดี นอกจากนี้พวกตนไม่รู้จักสำนักสักยันต์ของอุทยานเสือ รู้จักเพียงสำนักชาบู หรือหมูกระทะเท่านั้น ขณะเดียวกันพวกตนไม่รู้จักกับอาจารย์อ๋อง นครมนต์ ซึ่งเป็นครูอาจารย์ของอาจารย์ยักษ์ เจ้าสำนักสักยันต์แห่งอุทยานเสือ ส่วนเรื่องภาษาจีนของบ้านมีดีนั้น พวกตนก็ไม่ทราบ เพราะพวกตนพูดภาษาจีนไม่เป็น
ด้านชาวบ้านในละแวกบ้านมีดี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ลูกศิษย์ของบ้านมีดี พบว่าทางฝั่งของสำนักสักยันต์อุทยานเสือ ได้นำรูปภาพภาษาจีนป้ายสำนักที่ลูกศิษย์บ้านมีดีเคารพนับถือไปแอบอ้าง จึงทำให้มีการรวมตัวของลูกศิษย์ของบ้านมีดี บุกไปยังสำนักสักยันต์อุทยานเสือ ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นบ้านมีดีไปมีเรื่องกับใครก่อน
ภายหลังจากเกิดเหตุ ตนได้สอบถามลูกศิษย์ที่เดินทางไปยังสำนักอุทยานเสือ ระบุว่า ไม่มีอะไร ซึ่งกลุ่มของสำนักสักยันต์อุทยานเสือ จะมาขอโทษ แต่ตนไม่ทราบว่ามาจริงหรือไม่ โดยบ้านมีดีมีอาจาย์ป่อง เป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งเปิดบ้านสักยันต์ตั้งแต่รุ่นพ่อมาแล้ว หากนับเวลาเปิดตั้งแต่รุ่นพ่อมาจนถึงรุ่นอาจารย์ป่อง นานกว่า 100 ปี ซึ่งอาจารย์ป่อง อายุ 72 ปีแล้ว คาดว่าในวันนี้คงไม่ได้พาลูกศิษย์ไป เนื่องจากสุขภาพก็ไม่ค่อยดี
สำหรับลักษณะนิสัยอาจารย์ป่อง เป็นคนใจบุญสุนทาน หมู่บ้านหรือชุมชนจะทำอะไรก็บริจาคช่วยเหลือ นอกจากนี้ส่วนมากบ้านมีดี จะมีลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จทุก ๆ ด้านตามที่ปรารถจะมากราบไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรียกทรัพย์ ส่วนมากที่ตนเห็นมีลูกศิษย์ที่มาเคารพเป็นชาว จ.สมุทรปราการ หากจะออกเรือเจอพายุลมแรง ก็จะจุดธูปบอกลุงเที่ยง ซึ่งลุงเที่ยงคือพ่อของอาจารย์ป่อง ส่วนของการสักยันต์นั้นส่วนมากที่ตนเห็นจะเป็นสักยันต์อยู่ยงคงกระพัน
Advertisement