
กรณีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกระบี่ แพทย์เวร รพ.กระบี่ และกู้ชีพ มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค.64 ภายในห้องเช่าชั้นเดียวก่อสร้างติดกันเป็นห้องแถว บริเวณห้องหมายเลข 17 อ.เมือง จ.กระบี่ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีกลิ่นเหม็นเน่า โชยออกมาจากในตัวบ้าน ประตูบ้านมีรอยถูกงัด มีกุญแจล็อกติดอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน พบรถ จักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กน 8400 นครศรีธรรมราช จอดอยู่ ทราบว่าเป็นรถของเจ้าของห้องหมายเลข 17
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง...
เผยภาพผัวทมิฬปักคอเมีย 11 แผล จัดฉากศพจับห่มผ้า ขี่รถเปื้อนเลือดหนี

จากการตรวจสอบพบที่บังโคลนรถมีหยดเลือดติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไปส่งตรวจ ขณะที่ภายในห้องเช่าบริเวณห้องโถง ข้าวของผู้เช่าวางกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง บนพื้นมีรอยหยดเลือดกระจายอยู่หลายจุด และในห้องนอนพบร่างผู้เสียชีวิต น.ส.กนกพร คุ้มเขต อายุ 36 ปี ชาว ต.ทางพูน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช อาชีพเป็นแม่บ้านโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
โดยสภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมลายการ์ตูนสีดำ กางเกงขาสั้นสีเทา นอนบนที่นอน เลือดนองเต็ม มีผ้าห่มคลุมอยู่ครึ่งตัว ใบหน้าถูกหมอนปิดทับไว้ ขณะที่ตามผนังห้องมีรอยเลือดสาดไปทั่ว

นอกจากนี้ยังพบรอยคราบเลือดเป็นรูปฝ่ามือคน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าบริเวณลำคอ ข้างแก้ม กกหู ท้ายทอยฝั่งซ้าย และหน้าท้องมีรอยถูกแทงอีก รวมทั้งหมด 11 รู ส่วนที่คอ ข้อมือยังมีสร้อยคอ และสร้อยข้อมือทองคำของผู้ตายสวมใส่อยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 วัน หลังจากนั้นนำศพส่งไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งที่ รพ.กระบี่

ขณะที่ชุดสืบสวนมีการสอบถามพยานแวดล้อม พร้อมพบหลักฐานของแฟนหนุ่มของผู้ตาย ชื่อว่านายพงศ์ศักดิ์ หรือ เก้า อายุ 33 ปี ทำงานอยู่ที่เดียวกับผู้ตายแผนกซักผ้าของโรงแรมฯ เป็นสื้อยืดคอปกแขนยาวสีเทาของนายเก้า มีคราบเลือดติดอยู่ในตระกร้าผ้าภายในห้องพัก พร้อมรองเท้าที่คาดว่าใช้ใส่ในวันเกิดเหตุ จึงยึดไว้ตรวจสอบ

ส่วนการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดภายในบ้าน นายเก้าเดินทางกลับเข้าบ้านเมื่อเวลา 04.30 น. ของวันที่ 31 ธ.ค.63 สวมเสื้อตัวเดียวกับที่ติดคราบเลือด ขี่รถของผู้ตายมาที่บ้าน มีอาการกระวนกระวาย พูดคุยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา จึงคาดว่านายเก้าเป็นผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเตรียมออกหมายจับ

ล่าสุดวันที่ 3 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านนายเก้า ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ พบกับญาตินายเก้า เล่าว่า น้องเก้าอยู่ที่นี่ โดยมียายเลี้ยงดู เพราะแม่แยกทางกับพ่อ และพ่อก็เสียชีวิตแล้ว ยายก็เลี้ยงเรื่อยมาตั้งแต่ 7 ขวบ ซึ่งน้องเก้าจะเป็นคนเงียบ ๆ ตั้งแต่เด็กจนโตก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร ไม่มีนิสัยใจร้อน ก้าวร้าว เวลาว่างจากงานก็มาช่วยงานที่บ้าน และไม่เคยรบกวนเรื่องเงินกับที่บ้าน

เหตุการณ์ครั้งนี้ คิดว่าน้องเก้าน่าจะกระทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ที่เห็นแฟนเก่าของผู้หญิงยังมาวนเวียน มาขอเงินแฟนน้องเก้า ก็เลยคิดว่าคงมีปากเสียงกัน เกิดความไม่โอเค และก่อเหตุขึ้น ซึ่งการคบกับผู้หญิงคนนี้คนที่บ้านรับรู้ และการสังเกตก็เห็นว่ารักกันดี น้องเก้าน่าจะรักคนนี้มาก
ส่วนวันที่น้องเก้ากลับมาบ้าน คนที่บ้านนอนหลับหมดแล้ว แต่บ้านที่น้องเก้าอยู่ เป็นบ้านอีกหลัง ซึ่งอยู่ด้านหลังของบ้านหลังนี้ จึงไม่มีใครรู้ว่ากลับมา และในบ้านหลังใหญ่น้องเก้าก็จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว ปกติน้องเก้าจะกลับมาบ้านนี้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะมานอนกับยาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.63) ตนก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจ ซึ่งได้เข้ามาเก็บพยานหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งก็ชัดเจนว่าเป็นน้องเก้า จากที่ก่อนหน้านี้ทราบข่าวก็คิดว่าเป็นแฟนเก่าของผู้หญิงลงมือทำ แต่ในฐานะครอบครัวก็พยายามติดต่อน้องเก้าทุกช่องทาง แต่ก็ไร้วี่แวว จึงอยากบอกน้องเก้าว่าไม่ต้องหนี หนีไปตำรวจก็จับได้ ให้กลับมามอบตัว เพราะเราไม่ได้ค้ายา ครอบครัวพร้อมให้อภัย เพราะน้องเก้าไม่เคยทะเลาะกับใคร หรือมีนิสัยเป็นนักเลง

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านผู้ตาย ที่ต.ทางพูน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช มีการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพ ของน.ส.กนกพร ซึ่งจะตั้งสวดอภิธรรมศพที่บ้านรวม 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 2-4 ม.ค.64 และจะทำพิธีฌาปนกิจวันที่ 5 ม.ค.64 ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

นางสมพร คุ้มเขต อายุ 55 มารดาผู้ตาย เปิดเผยว่า ผู้ตายซึ่งเป็นลูกสาวคนโต ปกติจะไม่ค่อยชอบโทรหาตนเท่าไร แต่มักจะติดต่อกับลูกสาว (หลานสาว) อยู่เป็นประจำกันอยู่แล้ว ซึ่งหลานสาวก็อยู่กับย่าในเมืองนครฯ แต่ตนก็ยังรู้สึก งง ๆ เพราะก่อนเกิดเหตุลูกสาวได้กลับมาบ้าน ก่อนวันที่ 25 ธ.ค.63 ก็เดินทางกลับไปจังหวัดกระบี่ด้วยรถตู้โดยสาร เพราะลูกสาวบอกว่าวันที่ 26 ธ.ค.63 ต้องทำงาน โดยในระหว่างที่มาบ้าน ลูกสาวมีอาการหงุดหงิด เครียดตลอดเวลา ตนพูดอะไรก็ดูไม่ถูกใจ ขณะเดียวกันระหว่างอยู่บ้านก็เห็นว่าโทรศัพท์ปรึกษาเรื่องอะไรไม่รู้กับเพื่อนตลอดเวลา
กระทั่งลูกสาวกลับไปแล้วก็ยังทราบอยู่ว่าถึงกระบี่แล้ว แต่วันที่ 31 ธ.ค.63 หลานสาวบอกว่า "มีเพื่อนแม่โทรมาบอกว่า โทรศัพท์แม่ลืมไว้ที่ปั๊มน้ำมัน เพื่อนแม่เก็บไว้ให้ พยายามติดต่อแม่ไม่ได้เลย" ตนเริ่มเอ๊ะใจก่อนจะขอเบอร์เพื่อนลูกสาวที่หลาน และเพื่อนลูกสาวก็โทรมาบอกอีกว่า ลูกสาวไม่ไปทำงาน 2 วันแล้ว จึงตัดสินใจให้เพื่อนลูกสาวไปดูที่ห้องอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรกเพื่อนลูกสาวบอกว่าไปที่ห้องมาแล้ว แต่วันนั้นทางเจ้าของห้องพักไม่อยู่ จึงไม่สามารถงัดห้องได้ กระทั่งวันที่ 1 ม.ค.64 เพื่อนลูกสาวไปอีกครั้ง และตัดสินใจปีน และงัด ก็ทราบว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ในสภาพถูกผ้าคลุม เท้าโผล่ สีเท้าบ่งบอกว่าไม่มีชีวิตแล้ว และกลิ่นเหม็นมาก ตนทราบข่าวช็อกมาก

ตั้งแต่วันแรกที่ไปรับศพลูกสาว พ่อของหลานสาวก็เดินทางไปรับศพด้วยกัน ยอมรับทุกคนเสียใจมาก ไม่คิดว่า คนทุกวันนี้จะทำแบบนี้ จิตใจทำด้วยอะไร ซึ่งตอนนี้ก็มั่นใจว่าเป็นแฟนลูกสาวเป็นคนทำแน่ ๆ หลักฐานมัดตัว “ตอนนี้ถ้าสั่งให้คนทำ ไปตายได้ ก็ขอให้คนทำไปตาย” พร้อมตั้งคำถามว่า “ถ้าญาติพี่น้องโดนทำแบบนี้บ้างจะคิดอย่างไร ทำไปได้ไง กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ”

ส่วนที่มีคนถามว่า หากจับตัวคนทำได้ จะยอมให้มาขอขมาศพหรือไม่ ตนบอกตรงนี้ว่า “ให้มาเลย ทุกคนพร้อมมาก แม้แต่พ่อของหลานก็พร้อม พร้อมเข้าคุกอีกรอบ”
อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นการสวดศพคืนที่ 2 แล้ว ลูกสาวไม่ได้มาหา ไม่มีสัญญาณอะไร นอกจากเครือญาติ ที่ฝันเห็นว่าลูกสาวไม่ได้กินข้าว แต่ก็เอาข้าวให้กินตั้งแต่วันไปรับศพ และญาติอีกคนก็ได้กลิ่นว่าไปนอนบนที่นอนญาติ ตนจึงอยากบอกลูกสาวว่าให้ไปดลจิตดลใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้สามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ไว ๆ
Advertisement