
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบผู้ต้องหาบัญชีม้าสารภาพสิ้น ถูกพาไปกาสิโนปอยเปต สแกนใบหน้าโอนเงินข้ามประเทศ สูญเงินกว่า 20 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายธงชัยฯ อายุ 30 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 1793/2568 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2568 โดยต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าที่จะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกระทำความผิดดังกล่าว และเปิดหรือยินยอมบุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้าง หมู่ที่ 8 ตำบลโพธิ์สามต้น อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ พบว่ามีผู้เสียหายหลายรายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่สถานีตำรวจหลายแห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยพฤติการณ์ของคนร้ายส่วนใหญ่เป็นการหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ ในลักษณะต่าง ๆ อาทิ การชักชวนให้รีวิวสินค้าเพื่อรับค่าตอบแทน การชักชวนลงทุนโดยอ้างว่าจะได้รับผลกำไรตอบแทนสูง ตลอดจนการล่อลวงให้ผู้เสียหายถ่ายภาพในลักษณะลามกอนาจารเพื่อนำไปข่มขู่เรียกทรัพย์ภายหลังทั้งนี้ จากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมได้ในขณะนี้ พบว่ามีผู้เสียหายรวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 160,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนจนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีม้าได้สำเร็จ จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนต้องการหารายได้เสริม จึงได้เข้าร่วมกลุ่มในเฟซบุ๊กซึ่งมีการชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อแลกกับผลตอบแทน เมื่อเกิดความสนใจ จึงได้ติดต่อพูดคุยผ่านทางแชต และได้รับการนัดหมายให้พบกับผู้ประสานงานบริเวณหัวลำโพง
ผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมว่า บริเวณดังกล่าวมีกลุ่มคนหลายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มของตนมีคนราวๆ 30 คน โดยมีผู้มามอบเงินให้เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งตนได้เปิดบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 13 บัญชี หลังจากนั้น มีรถมารับไปส่งที่จังหวัดสระแก้ว ก่อนจะพาข้ามพรมแดนไปยัง ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยใช้แพไม้หรือแพโฟมลำเล็ก ข้ามไปได้ครั้งละประมาณ 4-5 คน
เมื่อข้ามไปถึงฝั่งกัมพูชา ผู้ต้องหาเล่าว่าถูกพาไปยังสถานที่ลักษณะคล้ายกาสิโนขนาดใหญ่ เป็นอาคารสูงหลายชั้น ภายในมีผู้คนจำนวนมาก ประมาณนับพันคน มีการจัดที่พักและอาหารให้เป็นอย่างดี ต่อมาได้ถูกพาขึ้นไปยังชั้นหนึ่งของอาคาร ซึ่งมีคนทำงานอยู่ราว 50 คน โดยเชื่อว่าทุกชั้นมีจำนวนคนแตกต่างกัน และผู้ที่ควบคุมสั่งการทั้งหมดเป็นชาวจีน ผู้ต้องหาให้การว่า ระหว่างอยู่ในอาคาร จะมีการเรียกเป็นรอบๆ เพื่อให้แต่ละคนไปสแกนใบหน้าในแอปพลิ เคชันของธนาคารผ่านโทรศัพท์มือถือ มีครั้งหนึ่งเคยเห็นยอดเงินในบัญชีสูงถึงประมาณ 20 ล้านบาท หลังจากทำงานอยู่ราว 2 สัปดาห์ ได้รับแจ้งว่าสามารถเดินทางกลับได้ พร้อมกับได้รับเงินค่าตอบแทนการเปิดบัญชีๆละ 1,000 บาท ก่อนมีคนนำส่งกลับมายังฝั่งไทยโดยวิธีเดิม แล้วจึงเดินทางกลับบ้านด้วยรถตู้ ผู้ต้องหากล่าวปิดท้ายว่า หลังจากนั้นไม่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มดังกล่าวอีก แต่ตนก็ทราบดีว่า วันหนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมสามารถติดตามจับกุมตนได้ในที่สุด สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเตือนภัย อย่าหลงเชื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อแลกกับค่าตอบแทน เนื่องจากบัญชีดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การฟอกเงิน หรือการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งผู้เปิดบัญชีจะมีความผิด ตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังการติดต่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการชวนรีวิวสินค้า การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเกินจริง หรือการล่อลวงให้ถ่ายภาพในลักษณะไม่เหมาะสมเพื่อนำไปแบล็คเมล์หากพบพฤติการณ์เข้าข่ายหลอกลวง ขอให้หยุดการติดต่อทันที และแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สายด่วน 1441 สายด่วนกองปราบปราม 1195 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.วรัท เสริมสุจริต โทร. 061-5874224
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้างทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
Advertisement