
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 28 ต.ค. 68 ศูนย์วิทยุตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้รับแจ้งมีคนถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชา แต่หนีมาได้ ตอนนี้อยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดตราด หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เมืองตราดเข้าตรวจสอบ
เมื่อมาถึงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดตราด พบผู้เสียหาย 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย ทั้งคู่เป็นแฟนกัน ฝ่ายชาย นายเอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ฝ่ายหญิง น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 28 ปี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสอบถามทั้งคู่ ไม่มีเอกสารประจำตัว ไม่มีโทรศัพท์มือถือ นายเอจึงขอยืมโทรศัพท์พนักงานบริษัทรถทัวร์แห่งหนึ่ง เพื่อโอนเงินมาซื้อตั๋วกลับบ้าน
สอบถาม น.ส.เอ เปิดเผยว่า แฟนตนโพสต์หางานในกลุ่มเฟซบุ๊ก จากนั้นมีคนมาคอมเมนต์ต้องการคน ก่อนจะมีการแอดไลน์คุยกัน บอกว่าต้องการคนไปทำงาน เป็นออฟฟิศคนไทย ทำงานเป็นแอดมินรายได้ 30,000–40,000 บาท จนวันที่ 11 ต.ค. ได้นัดกัน โดยจะขึ้นรถทัวร์เดินทางไปที่ อ.อรัญประเทศ แต่เนื่องจากเป็นตอนกลางคืน และทางผู้ว่าจ้างบอกว่ามีคนสมัครหลายคน จึงเหมารถตู้ให้ออกจากหมอชิต หลังเดินทางถึง อ.อรัญประเทศ เวลา 02.00 น. คนขับได้พาเข้าที่พัก หลังตื่นจนเวลา 11.00 น. มีคนมารับ เป็นผู้ชายชาวไทย 3 คน กับรถกระบะเก่าๆ ซึ่งมีคนเดินทางไปทั้งหมด 11 คน ก่อนจะพาไปรอพักที่บ้านหลังเล็กๆ ใกล้ชายแดน และบอกว่าให้เราข้ามประเทศ แต่ช่วงที่กำลังจะข้ามเวลา 22.00 น. ข้ามไม่ได้ เพราะคนพาข้ามบอกว่ามีทหารออกตรวจ
ตนกับแฟนจึงขอกลับ แต่ชายทั้ง 3 คนไม่ให้กลับ ให้ไปรอที่บ้านหลังเล็กจนเวลา 03.00 น. ก็พาข้ามประเทศ โดยใช้ช่องทางธรรมชาติเป็นการเดินผ่านป่า หลังพ้นป่าจะเป็นไร่อ้อย ก่อนจะข้ามคลองมีความลึกมากกว่า 2 เมตร และกระแสน้ำเชี่ยว ระยะทางรวมมากกว่า 30 เมตร
หลังข้ามถึงฝั่งกัมพูชา มีคนกัมพูชามารับพาไปที่อาคาร โดยจะเรียกว่าอาคารส่วนกลางจะมีห้องเล็กๆ เหมือนรีสอร์ต ที่มีคนจีนพักอาศัยอยู่ ก่อนจะพาไปที่ออฟฟิศ และพาเข้าที่พัก ซึ่งตนได้ยินว่าที่นั่นคือหมู่บ้านซังโฮ หลังจากนั้นตนกับแฟนก็ถูกยึดโทรศัพท์ ทางคนที่หลอกไปจะใช้บัญชีธนาคารที่มีทั้งหมดของตน 6 บัญชี ของแฟนอีก 6 บัญชี โดยใช้เป็นบัญชีม้ามีเงินโอนเข้าโอนออก คนอื่นๆ ก็โดนเอาบัญชีไปใช้เหมือนกัน บางรายมียอดโอนต่อวันสูงถึง 20 ล้านบาท ซึ่งยอดไหนมีเงินเยอะ พวกตนจะต้องสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันการโอน ทำแบบนี้อยู่ประมาณ 14 วัน (12–25 ต.ค.)
น.ส.บี บอกต่อว่า หลังไปถึงพวกนั้นก็อยู่แต่ในห้องพัก ไม่ให้ออกไปข้างนอกเลย ถ้าใครมีรายชื่อก็จะถูกเรียกไปออฟฟิศ เพื่อไปทำงานสแกนหน้า ระหว่างที่ไปทำงานจะสามารถออกไปซื้อของกินได้ แต่ยังอยู่ในพื้นที่ ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับคนอื่นๆ บอกว่า ที่นี่เป็นคอลเซ็นเตอร์ของทุนจีน ซึ่งตนก็ได้เจอคนที่ออกข่าวคือน้องมิว และน้องดรีม แต่น้องได้กลับมาไทยก่อนตน ระหว่างที่อยู่ด้วยกันน้องมิวก็บอกว่าแม่หลอกมา
จนวันที่ 25 ต.ค. 68 ทางคนที่หลอกไปบอกว่าจบงานแล้ว พาตนกับแฟน และมีคนไทยด้วยอีก 1 คน รวม 3 คนพานั่งรถออกจากพื้นที่ บอกว่าจะส่งกลับประเทศไทย แต่สุดท้ายคนขับพามาส่งที่ จ.เกาะกง ฝั่งตรงข้าม จ.ตราด ที่ต้องนั่งรถนานกว่า 6 ชม. เมื่อมาถึงคนขับได้จอดรถอยู่หน้ากาสิโนชื่อเกาะกงกาสิโน คนขับบอกว่าให้รอตรงนี้จะมีคนมารับ แต่ตนเริ่มกลัว จึงเดินไปถามคนแถวนั้น บอกว่าด่านอยู่ไม่ไกล แล้วตนจึงชวนแฟนรีบหยิบกระเป๋าในรถ แล้ววิ่งออกมา แต่ด่านปิด ตนจึงนอนอยู่แถวนั้น 1 คืน จนเช้าเดินไปขอความช่วยเหลือที่ร้านค้า ซึ่งโชคดีที่เป็นคนไทย เจ้าของร้านได้ประสานไปที่ ตม.ฝั่งบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จนได้ข้ามประเทศกลับไทยได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาไปที่ สภ.คลองใหญ่ และส่งขึ้นรถตู้มาลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดตราดแห่งนี้
ตนรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ไม่คิดว่าจะเลวร้ายขนาดนี้ ตนเป็นห่วงแมวที่บ้านมาก หลังจากนี้จะรีบขึ้นรถทัวร์กลับบ้านที่รังสิตต่อไป
นายเอ บอกว่า จุดเริ่มต้น ตนได้โพสต์หางานในกลุ่มหางานรังสิต ก่อนจะมีคนมาคอมเมนต์ว่าต้องการคน ก่อนจะแอดไลน์พูดคุยกัน จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ตนอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า อย่าหลงเชื่อบุคคลที่บอกว่าหางานทำสบายรายได้ดี ไม่ได้ข้ามประเทศ
ด้านพนักงานบริษัทรถทัวร์แห่งหนึ่ง ที่ทำงานขายตั๋วอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดตราด บอกว่า เมื่อสองวันก่อน มีชาย 2 คน ขอยืมโทรศัพท์โทรหาครอบครัว บอกว่าหนีมาจากกัมพูชา ชาย 2 คนนั้นก็เปิดแผลให้ดู มีรอยไหม้เหมือนถูกไฟฟ้าชอร์ตทั่วร่างกาย แต่ไม่มีเอกสารยืนยันใดๆ แต่สามารถติดต่อญาติ เพื่อยืนยันได้ และจนมาวันนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สองแล้ว
Advertisement