บรรยากาศที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมคณะกรรมการวัด รวมถึงทีมทนายความ เข้าร่วมประชุมการบริหารการเงินภายในวัด
โดยภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง หลวงพ่ออลงกตได้ออกมา โดยสื่อพยายามสอบถามในหลายประเด็น หลวงพ่ออลงกตไม่ตอบ บอกเพียงว่า ขอบคุณทุกคน ก่อนที่จะมีญาติโยมนำพวงมาลัยพร้อมส้มมาให้กำลังใจหลวงพ่อ
ขณะที่นายบรรเจษ เทศพำนัก หรือ เลขาปู กรรมการวัด ได้เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมปกติทั่วไปของวัด ในเรื่องบริหารการเงินของวัด เนื่องจากกระแสข่าวตอนนี้ส่งผลกระทบทำให้ผู้มาบริจาคน้อยลง แต่ปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีคนมาเท่าไหร่ มีเพียงผู้ป่วยที่มาวัดและคนบริจาค ตอนนี้มันมี 2 กระแส มีทั้งคนที่ลังเล ยังไม่กล้ารับบริจาค ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตอนนี้คณะกรรมการวัดอยู่ระหว่างการหารือ และรวบรวมข้อมูล รวมถึงการจัดตั้งทนาย แม้ว่าในการประชุมแต่ละครั้ง จะครบมติในที่ประชุม แต่จำนวนคณะกรรมการยังมาไม่ครบ ทำให้ข้อมูลบางอย่างยังไม่สามารถชี้แจงได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาภายในสัปดาห์นี้ในการชี้แจงทุกประเด็น ส่วนตนเองยังตอบอะไรไม่ได้
ส่วนเรื่องที่ทนายเกิดผลได้ออกมาบอกว่าเป็นห่วงหลวงพ่อที่ลูกศิษย์บางคนทำให้เสื่อมเสีย เลขาปู บอกว่า ต้องไปดูว่าลูกศิษย์คนไหน เพราะว่าตอนนี้ยังติดต่อพูดคุยกับทนายเกิดผลปกติ
ส่วนประเด็นเรื่องที่มีรายชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ชื่อวัดอยู่หลังโฉนดที่ดิน เลขาปูบอกว่า "เรื่องทรัพย์สินมันอยู่กับที่ อะไรที่เป็นของวัดก็เป็นของวัด ไม่เช่นนั้นมันคงไม่อยู่มาได้นานกว่า 30 ปี ซึ่งประเด็นนี้ก็มีการพูดคุยในที่ประชุมอยู่ตลอด"
การที่เอาชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่วัดไปถือครองโฉนดที่ดิน มีเจตนาที่จะหลบหลีกการถูกตรวจสอบจากหน่วยงานหรือไม่ เลขาปูตอบว่า ตนไม่รู้ ต้องให้วัดเป็นคนตอบ ตนไม่ใช่คนของวัด เป็นเพียงคณะกรรมการ ซึ่งสิ่งที่ตนเห็นอยู่มันก็ถูกต้องทุกอย่าง ถ้าไม่ถูกต้องมันก็อยู่ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามย้อนกลับไปว่าการใช้ชื่อบุคคลอื่นในการซื้อที่ดินของวัด มติในที่ประชุมทราบหรือไม่ เลขาปูยืนยันว่า มีมติอยู่แล้ว แต่มติในที่ประชุมในการซื้อที่ดินแต่ละที่ ก็ต้องไปดูรายละเอียดในการประชุม หากตอบไปจะหลงประเด็นกันอีก ส่วนจะมีการฟ้องร้องผู้ที่ถือครองที่ดินแล้วไม่คืนวัดหรือไม่นั้น เลขาปูบอกว่า ตนเองตอบไม่ได้ และในประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า ทางวัดมีการนำที่ดินอื่นๆ หรือ การที่เข้าไปร่วมธุรกิจอื่นๆ ในนามของวัด และมูลนิธินั้น ทางวัดต้องมีการชี้แจง เพราะทุกอย่างมันเป็นสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
ส่วนกระแสสังคมที่มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับวัดในหลายประเด็น ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้มีอะไรมาก ต้องไปถามคนที่ตั้งข้อสงสัย เพราะวัดเราก็ปกติ เพราะฉะนั้นจะต้องให้คนที่ตั้งคำถามมาชี้แจงด้วย ซึ่งในส่วนของวัดก็มีหน้าที่จะต้องชี้แจงอยู่แล้ว แต่จะเร็วแค่ไหน ตนตอบไม่ได้ จะต้องให้ทั้งคณะกรรมการเป็นผู้ตอบ ซึ่งที่ผ่านมาตัวหลวงพ่อเองก็พยายามอธิบายมาตลอด พออธิบายไปเรื่องราวก็กลายเป็นอย่างอื่น
ส่วนกรณีที่หมอบีมีการให้สัมภาษณ์บอกว่า ได้มีการติดต่อมาทางวัดและรวบรวมพยานหลักฐาน ตอนนี้มีติดต่อมาแล้วหรือไม่ เลขาปู กล่าวว่า เราตอบเรื่องนี้ชัดเจนไปแล้ว หมอบีเองก็ต้องชี้แจงเช่นเดียวกัน และก็ต้องไปถามเขาว่าจะเข้าชี้แจงเมื่อไหร่ เพราะเราไม่สามารถบังคับใครได้
ส่วนบริษัทเอพลัส พาวเวอร์ จำกัด มีใครแนะนำให้ไปเปิดบริษัทหรือไม่ เพราะบริษัทดังกล่าวขณะนี้ปิดตัวลงแล้ว เลขาปูตอบเพียงว่า ไม่ทราบข้อมูล
เมื่อถามถึงอาคารผู้ป่วยที่ใช้รักษามีแค่อาคารเดียว ส่วนอีกอาคารไม่ได้ถูกใช้งาน บ่งบอกว่ามีผู้ป่วยน้อยลงหรือไม่ เลขาปู บอกให้นักข่าวเข้าไปดูสถานที่ดังกล่าว เพื่อดูว่ามีผู้ป่วยจริงหรือไม่ ซึ่งตัวเลขคนป่วยต้องให้ฝ่ายพยาบาลเป็นผู้ตอบ ส่วนยอดบริจาค และปริมาณจำนวนเตียงผู้ป่วย ถ้าจะเอามาเทียบกัน ว่าบาลานซ์กันได้ ก็คงจะตอบได้ยาก แต่ยืนยันว่าทุกอย่างภายในวัด และมูลนิธิของวัด ทุกอย่างมีการเบิกใช้จ่ายเงิน ซึ่งมีการบันทึกรายจ่ายทุกเดือนทุกปี พอเป็นข่าวก็เลยตกเป็นที่สนใจของสังคมว่าทำไมวัดร่ำรวย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ทางวัดรออะไรถึงไม่รีบออกมาชี้แจง เลขาปู บอกว่า ตนเองตัวคนเดียวยังไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้ ยืนยันว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างแน่นอนภายในสัปดาห์นี้
ส่วนนางสาวณัฐสุภา ที่มีการแอบอ้างนำ ชื่อวัดไปเปิดรับบริจาค ตนเองยืนยันว่าไม่ทราบ ซึ่งจะมีการดำเนินการหรือไม่นั้น ถ้ามีการทำความผิดก็ต้องดำเนินการ แต่ถ้าเรารู้ว่ามันไม่ผิด เราก็ไม่สามารถดำเนินการได้
Advertisement