(12 ส.ค. 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตรวจสอบ หมอบี หรือ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล และวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี โดยรายงานข่าวภายในกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ระบุว่า สำหรับประเด็นการพิจารณาขอศาลหมายค้นนั้น เบื้องต้นจะยังไม่ได้มีหมายค้นสถานที่ใด เนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนจะต้องมีการหารือถึงพยานหลักฐานและข้อมูลที่ได้มาก่อน ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ ส่วนการให้ปากคำของหมอบีเมื่อคืนวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนจะต้องนำไปตรวจสอบอีกครั้งว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานอื่นๆ หรือไม่
รายงานข่าวภายในกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ระบุอีกว่า สาเหตุที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้นั้น เนื่องด้วยเล็งเห็นเรื่องส่วนรวมเป็นตัวตั้ง และเงินบริจาคของพี่น้องประชาชนจะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนการบริหารจัดการของวัด พบว่า แรกๆ มีความตั้งใจในการช่วยเหลือคนจริง แต่ภายหลังเห็นเงินเข้ามาเยอะ จึงอาจออกนอกลู่นอกทาง
เมื่อถามว่าถือเป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ รายงานข่าวภายในกองบังคับการปราบปราม ระบุว่า อาจมองเป็นเช่นนั้นก็ได้ แต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ได้มากพอสมควรก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำอย่างมีข้อมูลและมีรายละเอียดเพื่อชี้แจงพี่น้องประชาชนได้
เมื่อถามต่อว่ากรณีของ หมอบี ถือว่ามีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายจะเป็นการยักยอกทรัพย์ หรือฟอกเงินหรือไม่ รายงานข่าวภายในกองบังคับการปราบปราม ระบุว่า มีความหมิ่นเหม่ แต่ขอดำเนินการตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อน ส่วนว่าหลังจากนี้ หมอบีจะเป็นผู้ถูกกล่าวโทษหรือไม่นั้น ตำรวจก็ทำตามพยานหลักฐาน หากตรวจสอบแล้วพบอะไรก็ดำเนินการต่อไปตามนั้น โดยหากมีผู้เสียหายเป็นผู้มาบริจาคเงินแล้วพบว่าเงินถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็สามารถเรียกมาเป็นพยานได้ จากนั้นตำรวจจึงจะกล่าวหาได้
"สำหรับพฤติการณ์ที่เป็นการยักยอกทรัพย์หรือฉ้อโกงอย่างไรนั้น คณะพนักงานสอบสวน ระบุว่า จะต้องมีพฤติการณ์ที่ไม่สุจริต ปิดบังอำพราง เอาทรัพย์สินจากวัดไปอยู่กับคนอื่นหรือของตนเอง"
เมื่อถามว่าทางพนักงานสอบสวนมีการกำหนดมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง รายงานข่าวภายในกองบังคับการปราบปราม เผยว่า ยกตัวอย่างกรณี เจ้าคุณแย้ม มีความเสียหายเยอะ ก็ต้องไปขยายต่อว่ามีความเสียหายอย่างไรบ้าง แต่เบื้องต้นการทำงานจะต้องดูข้อเท็จจริงและสืบสวนต่อไป ซึ่งจะดำเนินการจากเรื่องที่มีความชัดเจนก่อน รวมถึงยังมองว่าเงินที่ชาวบ้านมอบให้นั้นเป็นของวัด เพื่อวัด ก็ต้องกลับไปอยู่วัด จะเอาไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทรัพย์สินอะไรก็ตาม ต้องกลับเข้ามาสู่วัด
ส่วนกรณี หลวงพ่ออลงกต ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ รายงานข่าวภายในกองบังคับการปราบปราม ระบุว่า ค่อนข้างมีความคลุมเครือ เนื่องด้วยสมัยก่อนพระอลงกตเคยเป็นจิตอาสาช่วยเหลือคน แต่เมื่อขอบริจาคและรู้ว่าเงินศรัทธาเข้ามาอย่างมหาศาล เมื่อเข้ามาแล้วก็เปลี่ยนแปลงสภาพ ผ่องถ่ายไปยังที่อื่น แต่พระอลงกตขายศรัทธา จนมีปัญหาเรื่องงานบริหารด้านใน ทุกคนมาเอาผลประโยชน์ เจ้าคุณอลงกตไม่รู้ว่าคิดดีหรือคิดไม่ดี แต่มุ่งเน้นไปที่เงินบริจาคจนมากเกินไป ซึ่งมองว่าพระควรมีความพอดี หากจะทำก็ขอให้ทำอย่างมีประโยชน์ เช่น การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ช่วยเหลือคนยากจน ไม่ใช่เอามาแปรสภาพและให้คนถือครอง ถือว่าไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ พฤติการณ์ของพระอลงกตมีความผิดปกติมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว หากบริสุทธิ์ใจจริงต้องเอาที่ดินเข้าสู่วัด เข้าสู่มูลนิธิ ซึ่งหากไม่ได้นำเข้ามา ตำรวจก็ต้องไปตามต่อ นอกจากนี้ ยังมีการรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เตรียมประชุมหารือความคืบหน้าคดีหมอบี ว่าจะเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือความผิดอาญาตามมาตรา 157 มาตรา 147 หรือไม่
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ระบุว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี - 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท
ขณะที่ ประมวลกฎหมายอาญา 157ระบุว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Advertisement