จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจังหวัดจันทบุรี (ฉก.นย.จันทบุรี) ได้ดำเนินการเชิญตัว MR.OEUNKHOEM (เคิม เอือน) สัญชาติกัมพูชา อายุ 53 ปี ซึ่งมีพฤติกรรมต้องสงสัย ในลักษณะคล้ายบุคคลแต่งกายทหารกัมพูชา เข้ามาทำการตรวจสอบ
จากการเชิญตัว MR.OEUNKHOEM (เคิม เอือน) ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี โดยให้การว่า ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาประมาณ 20 ปี ประกอบอาชีพรับจ้างทำสวนผลไม้ในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยพักอาศัยร่วมกับภรรยา และบุตร ซึ่งเป็นชาวกัมพูชา และสามารถพูด ฟังภาษาไทยได้เป็นอย่างดี
ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นบ้านพักในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี พบเครื่องแบบทหารกัมพูชาจำนวนหลายชุด เครื่องหมายยศร้อยโท และอุปกรณ์เครื่องแต่งกายของทหารบกกัมพูชา
จากการสอบถามทราบว่า เครื่องแบบ และอุปกรณ์ดังกล่าวได้มาจากร้านจำหน่ายเสื้อผ้าฝั่งประเทศกัมพูชา โดยสั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊ก โดยครั้งล่าสุดที่มีการสั่งซื้อคือเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 68 ซึ่งเป็นเครื่องแบบทหารบกกัมพูชา และไปรับสินค้าที่ร้านรับส่งสินค้าใกล้ชายแดน บริเวณด่านบ้านแหลมอำเภอโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
MR.OEUNKHOEM (เคิม เอือน) ให้การเพิ่มเติมว่า ตนเองมีความชื่นชอบในเครื่องแบบทหารกัมพูชา และมีความใฝ่ฝัน อยากเป็นทหาร แต่เนื่องจากไม่ได้รับการศึกษาอย่างเพียงพอ จึงไม่สามารถสมัครเข้ารับราชการทหารได้ และไม่เคยได้รับการบรรจุเป็นทหารมาก่อนแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือเบื้องต้น พบภาพถ่ายในลักษณะสวมเครื่องแบบทหารกัมพูชาหลายภาพ และมีการแชร์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวให้กับเพื่อนในโซเชียลมีเดีย
หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจังหวัดจันทบุรี จึงได้ประสานงานกับกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีเครื่องมือเฉพาะทางในการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ ร่วมดำเนินการตรวจค้นและตรวจสอบอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบข้อมูล หรือข้อความใดที่ระบุว่า MR.OEUNKHOEM ได้ถ่ายภาพสถานที่สำคัญข้อมูลพิกัด หรือเนื้อหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย และไม่พบว่ามีการส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับบุคคลภายนอกแต่อย่างใด
Advertisement