วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 09.30 น. ร.ต.ท.ณัฏฐ์ ศิริเดช รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทย์ฯว่า มีผู้แจ้งชื่อ น.ส.วรรณภา ยะภักดี พนักงานเก็บเงินค่าโดยสารรถบัสประจำทางหมายเลข 1433-1 สายบ้านแพง-นครพนม ว่ามีผู้โดยสารถูกแทงบนรถในเขตพื้นที่บ้านปากทวย หมู่ 5 ต.เวินพระบาทบ ริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลเวินพระบาท ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (ถนนชยางกูร) ฝั่งขาเข้าเมืองนครพนม จึงเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นผู้บาดเจ็บเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลฯได้นำตัวส่ง รพ.ท่าอุเทนไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบภายหลังว่าชื่อนายสมนึก อายุ 72 ปี โดยมีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณใต้ชายโครงซ้าย ซึ่งคนเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เนื่องจากปลายมีดไปถูกตับ และมีเลือดออกในช่องท้อง เป็นเหตุให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนมือมีดเป็นชายอายุราว 45-55 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงชาวบ้านได้ช่วยกันไล่จับกุมตัวไว้ได้ โดยห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร แต่พูดจาไม่รู้เรื่อง ตอบคำถามเจ้าหน้าที่กลับไปกลับมาเหมือนคนเสียสติ จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.ท่าอุเทน
จากการตรวจที่เกิดเหตุอยู่บนรถบัสโดยสารสีส้ม สายนครพนม-บ้านแพง บริเวณเบาะนั่งแถวที่ 4 ด้านขวามีรอยเลือดเปื้อนอยู่ และที่พงหญ้าข้างทางมีมีดปอกผลไม้ปลายแหลม ขนาดความยาว 30 เซนติเมตร ตัวมีดมีคราบเลือดติดอยู่ รวมถึงกระเป๋าเป้สีดำของผู้ก่อเหตุ ภายในมีเสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟัน ธนบัตรเกาหลี และชุดชั้นในสตรีห่ออยู่ในถุงหิ้วพลาสติก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.ประลอง พรหมศร ผกก.สภ.ท่าอุเทน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าชายผู้ก่อเหตุอ้างว่าชื่อเอก เป็นคน อ.ท่าลี่ จ.เลย เดินทางมากับรถบัสคันดังกล่าว โดยขึ้นมาจากต้นทางที่ บขส.บ้านแพง อ้างกับคนขายตั๋วว่าไม่มีเงิน เพราะความสงสารจึงให้ขึ้นรถไปด้วย
ระหว่างทางรถได้จอดรับผู้โดยสารที่บ้านนาพระชัย ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ได้มีนายสมนึก ผู้เสียชีวิตเดินขึ้นมาบนรถนั่งเบาะแถวที่ 4 ด้านขวา ส่วนแถวที่ 5 ด้านหลังคือนายเอก ผู้ต้องหา นั่งแถบเดียวกัน
จากการบอกเล่าของ น.ส.วรรณภา ผู้เก็บเงินค่าโดยสาร ยืนยันว่าทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และขึ้นรถกันคนละที่ ขณะนั่งอยู่บนรถก็ไม่มีปากเสียงอะไรทั้งสิ้น กระทั่งรถวิ่งมาถึงบ้านปากทวย ก็ได้จอดให้ผู้โดยสารคนอื่นลง จังหวะนั้นเองนายเอก ได้ล้วงมีดปอกผลไม้จ้วงแทงนายสมนึกไป 1 ครั้ง แล้วโยนมีดทิ้งในพงหญ้าข้างทาง ก่อนจะวิ่งหลบหนีเข้าไปในชายป่าข้างเทศบาลตำบลเวินพระบาท ซึ่งต่อมาผู้นำชุมชนและตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวได้ แต่ตอบคำถามไม่รู้เรื่อง เหมือนคนไม่มีสติ ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดก็ไม่พบ ในกระเป๋าเป้ก็ไม่พบยาจิตเวช รวมถึงไม่มีเอกสารหลักฐานยืนยันตัวตน แต่สงสัยว่ามีชุดชั้นในสตรีมาอยู่ในกระเป๋าได้อย่างไร ต้องรอให้ผู้ต้องหามีสติมากกว่าถึงจะสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
Advertisement