เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 30 มิ.ย.68 พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.เมืองตรัง พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ท.เมธี ภิญโญประการ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.สนธยา ด้วงเพ็ชร สว.สส. และตำรวจ กก.สส.ภ.9 ร่วมกันรับมอบตัว 2 ผู้ต้องหาเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ที่ก่อเหตุร่วมกันฆ่านายทวีชัย พรมสองชั้น อายุ 33 ปี ก่อนนำศพไปฝังดินอำพรางในป่าละเมาะหลังวัดหัวเขา พื้นที่หมู่ 6 บ้านหัวถนน ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง
โดยตำรวจได้พาผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนไปชี้จุดเกิดเหตุ โดยนาย ‘นาย’ (เสื้อดำ) (นามสมมติ) 1 ในผู้ต้องหาได้บอกกับตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ทะเลาะกับผู้ตาย แต่ฝ่ายของผู้ตายได้ชักมีดจะเข้ามาแทง นายบั๊ม (เสื้อเหลือง) นาย ‘นาย’ จึงหยิบปืนออกมายิงใส่ไป 4 นัด เข้าศีรษะของ นายทวีชัย เสียชีวิต ทันที ก่อนจะลากศพเข้าไปในป่าจุดเกิดเหตุ แล้วขี่ จยย. กลับไปเอาจอบที่บ้านมาขุดฝัง เพื่ออำพรางศพแต่ด้วยความเร่งรีบ เนื่องจากช่วงเวลานั้นใกล้เช้าแล้ว กลัวมีคนมาเห็น ทำให้แขนของศพโผล่ออกมาจากพื้นดินและนำอาวุธปืนไปทิ้ง จากนี้ตำรวจต้องสอบปากคำหาปมเหตุที่แท้จริง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามจะมีการแถลงข่าวการจับกุมโดยละเอียดอีกครั้งที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง
ทั้งนี้ในช่วงเวลา เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานตรัง ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุบริเวณหลังเขาอีกครั้ง เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนนำส่งเพื่อตรวจผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมนายวีระชัย รุ่งเรือง กำนันนาพละ และ ร.ต.ท.กนก เชยชื่นจิตร หัวหน้าป้อมสายตรวจ ต.นาพละ จากการตรวจสอบบริเวณปากหลุม พบว่าลักษณะการจุดเหมือนการขุดแบบเร่งรีบ มีความลึกประมาณ 30-50 เซนติเมตร เป็นหลุมที่ไม่ลึกมาก อย่างไรก็ตามสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นลูกกระสุนปืนจำนวน 2 นัดฝังอยู่ในศีรษะ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลผ่าพิสูจน์จาก รพ.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา อย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่แนวทางการสืบสวนทราบไทม์ไลน์คดีว่า ก่อนเกิดเหตุ นายคิม เพื่อนสมัยประถม โทรไปชักชวนผู้ตาย และ น.ส.ปลา ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ จ.นครปฐม ให้มาทำงานใหญ่ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ จ.ตรัง ต่อมา วันที่ 24 มิ.ย.68 ช่วงเช้า ผู้ตาย และ น.ส.ปลา โดยสารรถไฟขบวน ตรัง- กทม. มาลงที่ สถานีรถไฟห้วยยอด เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยยอด ต่อมาเวลา 20.00น. ผู้ตายและ น.ส.ปลา ไปหานายเหน่ง ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เพื่อไปเสพยาเสพติดกันที่บ้านพักของนายวีระ (สงวนนามสกุล) ต่อมาเวลา 21.00น. นายเหน่ง ขับขี่รถจยย. ไปส่งผู้ตาย และ น.ส.ปลา ที่โรงแรม
ต่อมาวันที่ 25 มิ.ย.68 เวลา 04.05 น. ผู้ตายโทรไปหานายเหน่ง เพื่อให้มารับไปซื้อของที่ตลาดห้วยยอด หลังจากไปซื้อของ ก็ขับขี่กลับเส้นทางเดิม แล้วเข้าไปเสพยาเสพติดกัน ต่อมาเวลา 09.00 น. ผู้ตาย โทรให้นายเหน่ง ไปรับที่โรงแรม เพื่อไปพักที่บ้านของนายวีระ ต่อมาเวลา 22.00 น. ผู้ตายเดินเท้ามาหานายเหน่งที่บ้าน แจ้งให้ขับขี่รถจยย. ไปส่งที่ศาลาริมทางหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยยอด หลังจากส่งได้แวะซื้อน้ำแข็ง ที่ร้านมินิมาร์ท แล้วขับขี่รถจยย. กลับบ้าน
ต่อมาวันที่ 26 มิ.ย.68 เวลา 11.00 น. น.ส.ปลา แจ้งว่า ได้โทรคุยกับนายคิม หลังจากนายเหน่ง ไปส่งที่ศาลาริมทางหน้าโรงเรียน นายคิม มารับ มุ่งหน้าไปทำงานที่ จ.กระบี่ และได้เปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นผู้ตาย ได้ขับขี่รถยนต์ออกไปทำงาน ส่วนนายคิม นอนที่โรงแรม หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้
ต่อมาวันที่ 27 มิ.ย.68 เวลาประมาณ 16.00 น. น.ส.ปลา เดินทางกลับ จ.นครปฐม โดยรถไฟขบวน ตรัง-กทม. ต่อมา วันที่ 29 มิ.ย.68 พบศพผู้ตาย บริเวณป่าละเมาะ ริมถนน เลียบวัดหัวเขา ม.6 ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง
จากการพลิกแฟ้มประวัติคดีอาญา ทราบว่า ปี 2567 ผู้ตายเคยต้องคดีตัวการในข้อหาผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม และยังมีหมายจับศาลแขวงนครปฐม ซึ่งผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติ คดีมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
ด้าน นายวีระชัย รุ่งเรือง กำนันนาพละ เปิดเผยกับว่า ไปตรวจสอบพบว่ามีศพถูกฝังดินจริง จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ตายไม่ใช่คนในพื้นที่ คาดว่าผู้ก่อเหตุอาจจะรู้จักหรือเคยมา เพราะถ้าไม่รู้จักพื้นที่คงมาไม่ถูก ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าอาวาสวัดหัวถนนได้ยินเสียงสุนัขหลายตัวเห่าแบบผิดปกติ เป็นระยะเวลาสักพัก แต่ก็ไม่คิดว่ามีอะไรก่อนมีคนพบเป็นศพดังกล่าว
ส่วนนายปรีชา เดชเหมือน อดีตกำนัน ต.นาพละ เผยว่าว่า พื้นที่ตรงนี้เรียกว่าเขาเจดีย์ ทีแรกคิดว่าเป็นสุนัขถูกฝังเพราะในพื้นที่เริ่มมืด เมื่อไปตรวจสอบใกล้ๆก็พบว่ามีรอยสักที่แขน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ สำหรับผู้ตายไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเหตุอุกฉกรรจ์แบบนี้ในพื้นที่ตำบล ส่วนใหญ่เป็นคนจากที่อื่นเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ ตั้งแต่สมัยตนยังรับตำแหน่งกำนัน ต.นาพละ ที่ผ่านมาฝ่ายปกครองรวมถึงชาวบ้านก็ช่วยสอดส่งดูแลบุคคลแปลกหน้าที่เข้าออกในพื้นที่อยู่แล้วเพื่อป้องกันเหตุ มีการแจ้งข่าวสารระหว่างหมู่บ้าน คิดว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนนอกพื้นที่
Advertisement