เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 21 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ พร้อมด้วยชุดควบคุมกรมทหารพรานที่13 (ร้อย.ทพ.1304) , หน่วยเฝ้าตรวจชายแดนที่11 และชุดปฏิบัติการข่าวที่ 2 สังกัดกองกำลังบูรพาได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยลักลอบเดินทางออกนอกประเทศ ผ่านเส้นทางธรรมชาติ บริเวณคลองพรหมโหด พื้นที่บ้านวังมน หมู่ 8 ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนติดกับกัมพูชา
หลังได้รับข้อมูลเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าวางแผนเฝ้าตรวจตามจุดเสี่ยงตลอดแนวชายแดน และสามารถตรวจพบชายไทย 3 คน เดินเท้ามาพร้อมกระเป๋าสัมภาระ โดยใช้เส้นทางลัดเลาะตามแนวป่าชายแดนใกล้คลองพรหมโหด เมื่อแน่ใจว่าตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับแจ้งจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ และควบคุมตัวไว้ได้ทั้งหมด โดยไม่มีการขัดขืน
จากการสอบสวนในเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพว่า มีความประสงค์จะเดินทางกลับไปทำงานในบ่อนกาสิโนออนไลน์แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 3 คนเคยทำงานอยู่ที่นั่นมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 8 เดือน ได้รับค่าจ้างเดือนละประมาณ 18,000 บาท
โดยหนึ่งในผู้ต้องหารับว่าเป็นผู้นำทางให้เพื่อนอีกสองคนเดินทางลัดเลาะผ่านช่องทางธรรมชาติ เนื่องจากไม่สามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยได้ ทั้งนี้การลักลอบกลับไปทำงานในบ่อนออนไลน์ดังกล่าว ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งภาครัฐอย่างชัดเจน เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายเข้มงวดในการควบคุม และป้องกันคนไทยไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ่อนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการค้ามนุษย์ และการหลอกลวงทางออนไลน์ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน
ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชายทั้ง 3 ราย พร้อมของกลางเป็นกระเป๋าสัมภาระโทรศัพท์มือถือ และเอกสารส่วนบุคคลส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองลึกเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ด้านกองกำลังบูรพาได้เน้นย้ำว่า จะเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่แนวชายแดน เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าออกนอกประเทศ โดยผิดกฎหมายโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันออนไลน์ และขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคง และภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีสากล กองกำลังจึงขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเห็นความเคลื่อนไหวผิดปกติ หรือเบาะแสการลักลอบข้ามแดนสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หรือหน่วยงานความมั่นคงได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันป้องกันปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอย่างยั่งยืน
Advertisement