วันนี้ (4 มิ.ย. 68) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พาครอบครัวผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเร่งรัดคดีที่หลานถูกอาแท้ๆ ทำร้ายร่างกายอย่างทารุณจนเกือบเสียชีวิต แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า แม้จะแจ้งความและตรวจร่างกายแล้วก็ตาม
แม่ของผู้เสียหาย เล่าว่า อาเกิดอาการโมโหรุนแรง จึงจับหลานชายเหวี่ยงลงพื้น ใช้มือจับศีรษะโขกกับพื้นปูน จากนั้นเหวี่ยงหลานลงไปในบ่อน้ำคร่ำ และยังคงขว้างปาสิ่งของใส่ร่างหลานอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีคนพยายามห้าม แต่อากลับกระโดดลงไปในน้ำคร่ำและจับหลานกดน้ำซ้ำ จนหลานเกือบขาดอากาศหายใจ และดื่มน้ำสกปรกเข้าไปหลายอึก โชคดีที่มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือและพาหลานออกมาได้ทัน
หลังเกิดเหตุ ครอบครัวได้พาหลานเข้าแจ้งความและตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ระบุว่า การที่ผู้เสียหายเผลอกลืนน้ำคร่ำซึ่งเป็นแหล่งเชื้อโรคเข้าไปจำนวนมาก อาจมีความเสี่ยงติดเชื้อราขึ้นสมองได้ภายใน 1-2 ปี หากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง และอาจถึงแก่ชีวิตได้ จึงจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม แม้เวลาจะผ่านไปหลายวัน ครอบครัวยังไม่ทราบความคืบหน้าของคดี จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจาก "กัน จอมพลัง" เพื่อให้ช่วยติดตามและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คดีมีความคืบหน้า พร้อมยืนยันว่าต้องการให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษตามกฎหมาย และต้องการปกป้องความปลอดภัยของเด็กในครอบครัว
จากนั้น “กัน จอมพลัง” ได้พาผู้เสียหายเข้าพบ พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี
โดย พ.ต.อ.อดิเรก เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับการให้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ เนื่องจากแพทย์ยังไม่ได้ลงลายมือชื่อรับรองผล จึงได้เร่งประสานไปยังโรงพยาบาล และได้รับการยืนยันว่าจะส่งผลตรวจให้ภายใน 1-2 วัน
เมื่อผลตรวจจากแพทย์ ยืนยันกลับมา ทางพนักงานสอบสวนจะเรียกตัวผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาทันที ทั้งนี้ในวันนี้ หากผู้เสียหายมีประเด็นต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเพิ่มเติม หรือต้องการเน้นย้ำในจุดใด ก็สามารถแจ้งรายละเอียดเพื่อประกอบสำนวนได้ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่พร้อมสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้
ผู้กำกับฯ ยังยืนยันว่า คดีนี้จะไม่ปล่อยให้ผู้ก่อเหตุลอยนวลแน่นอน โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา มีการเจรจาระหว่างผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นน้องชายของพ่อผู้เสียหาย โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร่วมเป็นกรรมการในการไกล่เกลี่ย เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนั้นเห็นว่าเป็นญาติกันจึงคาดว่าเรื่องจะยุติได้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ไม่ว่าผลการเจรจาจะลงเอยอย่างไร การดำเนินคดีในทางกฎหมายจะยังคงต้องเดินหน้าต่อไป โดยการไกล่เกลี่ยจะเป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งในการประกอบสำนวนเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันกับผู้เสียหายว่า จะทำคดีนี้อย่างเต็มที่ และหากวันนี้แพทย์สามารถยืนยันผลตรวจได้ ก็จะออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุทันที
Advertisement