จากกรณีเกิดเหตุกลุ่มคนร้าย เป็นชายฉกรรจ์ประมาณ 4 - 5 คน ขับรถตู้ บุกโกดังสเตเดียม การท่าเรือฯ งัดตู้คอนเทนเนอร์ เก็บของกลางบุหรี่ไฟฟ้าของกรมศุลกากร เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนขับรถหลบหนีโดยถอยรถพุ่งชน และทับ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ. ที่พยายามเข้าสกัดจับ เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ม.ย.68) ที่สน.ท่าเรือ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เดินทางมายังสถานีตำรวจนครบาลท่าเรือ ก่อนจะเข้าประชุมติดตามความคืบหน้าคดี 6 ผู้ต้องหาบุกปล้น บุหรี่ไฟฟ้าของกลางที่ถูกเก็บไว้โกดังของกรมศุลกากร และชนรปภ.ขณะหลบหนีจนเสียชีวิต
หลังจากที่พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและสามารถออกหมายจับ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้ง 6 คนได้ โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โดยพลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ระบุว่า พนักงานสอบสวนขอออกหมายจับที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ทั้ง 6 รายเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งความคืบหน้าสามารถจับกตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย กำลังสอบปากคำอยู่ที่สน.ท่าเรือ 2 ราย คือ นายเบิร์ด และนายเอก ส่วนอีก 2 ราย ประสานเข้ามอบตัวที่ สภ.ปากช่อง คือ นายคิง และ นายจี ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวกลับมาที่สน.ท่าเรือ ส่วนอีก 2 ราย นายแบงค์ และ นายเล็ก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างหลบหนี เชื่อว่าตัวของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยังอยู่ละแวกใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร
จากการสอบปากคำ เบื้องต้น ทั้ง 4 คนให้การไปในทิศทางเดียวกัน ระบุว่า ตัวการหลัก การปล้นในครั้งนี้ คือนายแบงค์ ที่เป็นคนชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมกันก่อเหตุครั้งนี้ แต่ไม่ได้มีการแบ่งหน้าที่การทำ เป็นการร่วมกันช่วยกันทำทุกขั้นตอน ตั้งแต่การ ตัดตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงเข้าไปขโมยทรัพย์สิน และช่วยกันดูต้นทาง ก่อนที่พนักงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งก็คือผู้เสียชีวิตจะมาพบ
โดยหลังก่อเหตุเสร็จนายแบงค์ เป็นคนขับรถ และนายเล็กนั่งมาข้างๆ ที่เหลืออีก 4 คน วิ่งไปเปิดประตูเพราะว่ารปภ.จะปิดประตูไม่ให้ออก จากนั้นทั้ง 4 คนจึงได้วิ่งกระจัดกระจายกัน ซึ่งนายแบงค์เป็นคนขับรถถอยไปชนผู้เสียชีวิต โดยหลังจากก่อเหตุชนรปภ.เสียชีวิตแล้ว ก็มีนายจีมาขึ้นรถด้วย ก่อนที่ทั้ง 3 คน นายแบงค์ นายเล็ก และนายจี จะนำของกลาง ไปฝากไว้ที่บ้านนายเจ
โดยขณะนี้ผู้ต้องหา 2 รายที่อยู่สน.ท่าเรือนั้น ให้การเป็นประโยชน์สอดคล้องกับการสืบสวนก่อนหน้านี้ โดยนายเอก กับนายเบิร์ด อ้างว่าไม่ได้รู้รายละเอียดทั้งหมดเพราะนายแบงค์ เป็นคนจัดการทั้งหมด ส่วนจะได้ส่วนแบ่งอย่างไรนั้นต้องสอบสวนเพิ่มเติมก่อน
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมด ถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร ส่วนนายแบงค์ถูก ดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหา ฆ่าผู้อื่น
ส่วนกรณีคนชี้เป้าหรือคนให้ข้อมูลตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน ซึ่งเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีคนสั่งมาอีกที และมีคนชี้เป้า โดยตั้งข้อสังเกตตู้ไม่ได้มีตำหนิว่าเป็นทรัพย์สินอะไร แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรู้ และยังรู้เวลาประตูเปิดหรือปิดเวลาไหน ซึ่งจะต้องเชิญเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้ามาสอบปากคำ
สำหรับประเด็นที่มีข้อมูลว่านายเบิร์ด เป็นลูกน้องกับนายตำรวจ ผู้กอง น. ที่สน.ท่าเรือนั้น ยอมรับว่าเคยใช้ทำงานบ้างบางครั้ง อาทิทำความสะอาดโรงพัก และใช้ซื้อของ แต่ไม่ได้มีหน้าที่หรือภารกิจอื่นๆ ยืนยันได้ว่าตำรวจสน.ท่าเรือ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้ และรถตู้ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นรถตู้ของ ตำรวจนายดังกล่าว ที่มีสติ๊กเกอร์ศุลกากรติดไว้ รวมถึงมีการดัดแปลงเบาะด้านใน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่เป็นเพียงการตั้งข้อสงสัย เพราะรถมีลักษณะคล้ายกันเท่านั้น และหากการขยายผลไปถึงใครยืนยันว่าไม่มีการละเว้นใดๆทั้งสิ้น โดยจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 6 คนพบว่า นายแบงค์ มีคดีปล้นทรัพย์ที่สน.ท่าข้ามเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2567 นายเอก ถูกดำเนินคดียาเสพติด ท้องที่สน.ท่าเรือ ปี 2558 นายคิง คดีอาวุธปืน พื้นที่สน.บางรัก ปี 2563 และคดียาเสพติดพื้นที่สน.บางชัน ปี 2565 ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือยังไม่พบประวัติอาชญากรรม
ล่าสุด 16.30 น. ขณะนี้ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาอีก 1 รายคือนายเล็ก และนำตัวเข้ามามายังสน.ท่าเรือเป็นที่เรียบร้อย
Advertisement