เวลา 11.50 น. (28 พ.ค. 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ภายหลังจากการเข้าพบนายกรัฐมนตรี นโยบาย การปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติด หลังจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมอง และความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน" และจะร่วมวงประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 3/2568 ว่า
ประเด็นที่สำคัญคือ มุ่งเน้นไปในการปราบปรามยาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงมหาดไทยต้องจับคู่ทำงานกันอย่างเหนียวแน่น เน้นปราบปรามไปที่ชุมชน ซึ่งในสมัยตอนที่ตนดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2567 กำหนดแนวคิดให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดว่า ในพื้นที่ตำบล หมู่บ้าน ต้องไม่มีผู้ค้ายาเสพติด ดังนั้นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดแม้แต่รายเดียว ก็ต้องไม่มี จึงนำมาสู่การทำข้อมูล และระดมเป้าหมายกวาดล้าง ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน มีการปราบปรามไปแล้ว 5-6 ครั้ง และจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ได้มีการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง และแนวคิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอยู่ ก็ตรงกับที่นายทักษิณปาฐกถา
นอกจากนี้การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานร่วมกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และฝ่ายปกครอง ที่ถือแนวคิดที่ว่า ยาเสพติด ตามชุมชนและหมู่บ้านทุกอย่างต้องสะอาด เพราะฉะนั้นจะทุ่มเททุกสรรพกำลังไปที่ชุมชน
ขณะที่นโยบายการปราบยาเสพติด คือการต้องปราบปรามการลักลอบขนยาตามแนวชายแดน ซึ่งจะไปสอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ ให้ Seal Stop Safe (ซีลชายแดน) ที่จะต้องสกัดทั้งทางบก น้ำ อากาศ และพัสดุ รวมไปถึงจะต้องมีการจัดตั้งด่านตรวจโดยมีอุปกรณ์ ตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ แตกหักยาเสพติดมายังบริเวณที่พักยา เราต้องรู้ว่าที่พักยาอยู่บริเวณใดบ้าง ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลแล้ว ที่มีการเฝ้าระวังและจับตาดูและสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลการจับกุม และหากหลุดจากที่พักยาที่พักยาก็กระจายไปสู่ชุมชน พอผู้เสพคือดีมาน ผู้ค้าคือซัพพลายรายย่อย โดยหากตัดเส้นเรื่องนี้ได้ จะเกิดอัมพาตกับการขนส่งยาเสพติด โดยนายกรัฐมนตรีได้กำหนดเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่าตำรวจและฝ่ายปกครองควรเป็นปาท่องโก๋ และต้องเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ต้องจับมือกันเช่นผู้ว่าราชการจังหวัดกับ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายอำเภอกับผู้กำกับการสถานีตำรวจ ต้องทำงานร่วมกัน แล้วต้องลงพื้นที่ดูแลประชาชนในทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะยาเสพติด
Advertisement