วันที่ 2 ส.ค. 68 พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 และอดีตที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวในรายการ "เรื่องใหญ่รายวัน" ออกอากาศทางช่อง ONE ถึงกรณีการปะทะกัน ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาว่า
มันมีเรื่องประหลาด คือวันที่กองทัพไทยปะทะกับกัมพูชา ช่วงแรกมันมีโทรศัพท์จากผู้มีอำนาจในเมืองไทย โทรไปสั่งให้ทหาร กองทัพภาคที่2 ห้ามปะทะ ตนได้ยินเรื่องนี้มาครั้งแรกก็ไม่สบายใจ แต่พอตนดูย้อนหลังจึงทำให้รู้ว่า ทำไม สมเด็จฯ ฮุน เซนถึงกล้าเหิมเกริมกับเราแบบนี้ แสดงว่าเรามีไส้ศึกจริงๆ
ตนยืนยัน และเช็กมาแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง สอดคล้องกับที่ สมเด็จฯ ฮุน เซน กล้าเหิมเกิมกับประเทศเราขนาดนี้ เพราะมีไส้ศึก ซึ่งเป็นไส้ศึกที่มีอำนาจ ตอนนี้ที่มีการปะทะครั้งแรก มีผู้มีอำนาจในประเทศไทยโทรศัพท์เข้าไปสั่งทหาร กองทัพภาคที่ 2 ว่าห้ามปะทะ ทำให้ทหารเรารู้สึกอึดอัด แต่ตอนหลัง แม่ทัพภาคที่2 ไม่ฟังแล้ว เพราะท่านคิดถึงเรื่องอธิปไตยเหมือนตน ความลับมันไม่มีในโลก ทำไม สมเด็จฯ ฮุน เซน ถึงมั่นใจ เพราะว่าเขามี Backup ข้างหลัง และมีไส้ศึกภายในประเทศจึงกล้า ทั้งที่ทุกอย่าง ไทยกับกัมพูชาเทียบกันไม่ติดฝุ่น แต่เขาดันกล้า เพราะมีไส้ศึก และมีพอร์ตละครว่าจะให้เรื่องนี้จบอย่างไร
ที่ผ่านมายังให้หยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข แถมให้กัมพูชาเป็นผู้กำหนดเวลาด้วยว่าหยุดจริงในเวลาเที่ยงคืน ซึ่งทุกอย่างเข้าทางเขาหมด วันนี้ศึกนอกก็มี ศึกในก็มี ประชาชนต้องเรียนรู้ และรักกัน ต้องไม่ยอมแล้ว เพราะอันนี้เป็นสถานการณ์วิกฤตของประเทศ ตนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว ซึ่งตนก็จะดูว่าพฤติกรรมไส้ศึกพวกนี้จะเดินไปถึงไหน
กัมพูชาและ สมเด็จฯ ฮุน เซน มารอบนี้ด้วยความมั่นใจ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และไม่สนกติกาของโลก เขามีเป้าประสงค์ ซึ่งสุดท้ายเรื่องนี้จะไปอยู่ที่เกาะเกาะกูด เพราะเขาต้องการให้เส้นเขตแดนเปลี่ยนหมด จากทางบกปลายทางอยู่ที่จันทบุรี และตราด ถ้าหมุดเปลี่ยนตั้งแต่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธมไป มันก็จะไปเปลี่ยนที่จ.จันทบุรี และจ.ตราด
วันนี้มันชัดเจน อีกทั้งพี่ใหญ่ยังสหรัฐฯ เข้ามาอีก ส่วนที่ทำไม สมเด็จฯ ฮุน เซน ถึงกล้าหักกับจีนนั้น ตนเชื่อว่า สมเด็จฯ ฮุน เซนได้ดีลที่ดีกว่าจีน ที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ทำไม่ประสบความสำเร็จ เพราะประเมินทหารไทยต่ำ ไม่สามารถยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญได้ และจีนคงไม่มาแทรกแซง จึงไปดีลกับสหรัฐอเมริกาแทน
ขอบคุณข้อมูล : รายการ "เรื่องใหญ่รายวัน" ออกอากาศทางช่อง ONE
Advertisement