14 พ.ค. 68 เวลา 15.00 น. ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ทนายความของ ริน หนึ่งในผู้ต้องสงสัย เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม โดยเปิดเผยว่า ตอนนี้ ริน ยังไม่ได้บอกแนวทางว่าจะดำเนินการยังไง แต่เบื้องต้น ได้ให้ข้อมูลกับตนว่า สิ่งที่ มิว พูดในรายการมีทั้งเรื่องจริง และไม่จริง เรื่องที่จริงคือเรื่องไทม์ไลน์เวลาที่มิวเจอตัวมาร์คก่อนเสียชีวิต
ส่วนที่ไม่ตรงกับความจริงก็มีหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการให้เงินกับตำรวจ เพื่อเปลี่ยนผลปัสสาวะ ริน ยืนยันว่า เรื่องสารเสพติดนั้น ในวันที่ มาร์คเสียชีวิต เขายังไม่ได้ใช้เลยทำให้ผลตรวจไม่พบ
สำหรับความสัมพันธ์ของมิวกับริน ตอนแรกมิวก็เป็นเด็กเอ็นฯ ที่รินว่าจ้างมา แต่ต่อมาทั้งคู่สนิทสนมคบหากัน จึงไม่ได้จ่ายเงินจ้างแล้ว แต่เป็นการชวนมากินเที่ยวด้วยกัน ซึ่งส่วนตัวตนเชื่อว่าทั้งคู่ผิดใจกันเรื่องเงิน เพราะหลังเกิดเหตุมีการขอแยกทางกัน แล้วมีคนบางคนมาขอเงิน 2 ล้านเพื่อไปตั้งต้นชีวิตใหม่ พอไม่ได้เงินจึงไม่พอใจและโทรไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับครอบครัวผู้เสียหาย และมีการอัดเสียงไว้
สำหรับเรื่องผลชันสูตร ตนมองว่า เราต้องเคารพหลักฐานในทางนิติวิทยาศาสตร์ ถ้ามีสารเสพติดในเลือดผู้เสียชีวิตจริง ก็ต้องดูว่าเข้าไปด้วยวิธีการใด หากสมัครใจเสพ ก็จะโทษรินไม่ได้ แต่หากบังคับเสพจริง รินก็ต้องรับผิดชอบไป
ซึ่งตนอยากถามว่า หลักฐานที่ว่าบังคับหรือไม่ คืออะไร? นอกจากคำให้การของมิวที่บอกว่ารินเป็นคนๆฉีดเข้าไป ตนไม่แน่ใจว่า คำให้การของมิว จะมีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ เพราะไม่ได้ให้การทันทีในคืนนั้นที่เกิดเหตุ แต่เป็นคำให้การที่เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุมานานแล้ว และมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน รวมถึงมีเรื่องการเรียกเงินด้วย จึงมองว่าสามารถปรุงแต่งได้ คำให้การจึงไม่น่ามีน้ำหนัก
ส่วนที่ญาติสงสัยว่าทำไมเสียชีวิตบนบกแล้วไปพบศพในน้ำ ตนมองว่า หากมีการเคลื่อนย้ายศพจริง ก็ต้องมีร่องรอยบางอย่างที่เกิดจากการลากศพลงไปในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยบนศพหรือร่องรอยบนที่เกิดเหตุ อีกทั้งรินเองก็ตัวเล็กกว่าผู้เสียชีวิตมาก จึงไม่น่าจะทำได้
โดยเท่าที่ตนฟังข้อมูลจากริน รู้สึกว่าไม่ค่อยหนักใจ แต่หากสุดท้ายผลนิติวิทยาศาสตร์ชี้ชัดถึงขนาดว่ามีร่องรอยของการขัดขืนที่จะไม่รับยาเสพติดเข้าร่างกายก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าไม่มีก็แสดงว่าผู้เสียชีวิตเสพยาเองแล้วเกินขนาด
Advertisement