เปิดนาทีบีบใจเมล์ทับหัว 7 ขวบตายต่อหน้าแม่ โชเฟอร์แฉรถเขียวเบียดร่วง (คลิป)

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่13 ธ.ค. 65 พ.ต.ต.เธียรภัทร กล้าใจ สว.(สอบสวน) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถเมล์มีผู้เสียชีวิต บริเวณปากซอยกำนันแม้น 5 วัดสุทธารัตนาราม วัดน้อย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง จ.กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชและอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนกำนันแม้น แบ่งเป็น 2 เลนสวนกัน ฝั่งมุ่งหน้าแยกตัดใหม่กัลปพฤกษ์ พบศพน้องมีนา อายุ 7 ปี นักเรียนชั้นประถมปีที่ 2 สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมชุดกระโปรงเอี๊ยมสีเทา ด้านในเสื้อแขนยาวสีฟ้าแขนยาว มีบาดแผลถลอกบริเวณใบหน้า และศีรษะแตก ใบหน้ายุบ

พบคราบเศษสมองกระจายอยู่บนพื้นถนน เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งอุ้มร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาบนทางเท้า เนื่องจากในเวลาดังกล่าวการจราจรหนาแน่น ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ล้มคว่ำอยู่กลางถนน สภาพกระจกมองข้างฝั่งซ้ายหัก มีนางสาวลักษมี อายุ 30 ปี แม่ผู้เสียชีวิตเป็นคนขับขี่ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

นอกจากนี้ มีพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ แจ้งว่ามีรถคู่กรณีเป็นรถเมล์ประจำทางเล็กสีฟ้า สายบิ๊กซีบางบอน-ตลาดบางแค (สายเก่า) เลขข้างรถ 52 ทะเบียนป้ายเหลือง 12-4769 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายทองชัย อายุ 61 ปีเป็นผู้ขับขี่ หลังขับทับร่างผู้ตายได้ขับออกจากจุดเกิดเหตุทันที

นางสาวอลิสลา คล้ายเเสง อายุ 36 ปี อาสาร่วมกตัญญูจุด สน.บางบอน เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนกับแฟนไปขับรถผ่านเส้นถนนกำนันเเม้น ต่อมาก็มีคนโทรศัพท์มาเเจ้งเหตุว่ามีรถชนกันมีผู้เสียชีวิตจนสมองไหล บริเวณด้านหน้าซอยกำนันแม้น 5 มาถึงที่เกิดเหตุก็พบเด็กหญิงวัย 7 ขวบนอนอยู่บริเวณริมฟุตพาทแล้ว ส่วนสภาพบาดแผลกะโหลกศีรษะเปิด มันสมองไหล ก่อนจะรีบปฐมพยาบาลปั๊มหัวใจ ส่วนตัวเเม่ของเด็กเลอะเลือดเเละมันสมองของลูกเต็มไปหมด

หลังจากนั้น ตนก็ได้เอาผ้าขาวไปปิดเศษสมองที่เกลื่อนอยู่บนถนน กลัวคนจะจอดมองเเล้ว เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เพราะรถติด เมื่อแพทย์เวรเดินทางมาถึงแล้ว ก็ยืนยันว่าเด็กหญิงวัย 7 ขวบ เสียชีวิตเเล้ว จากการสอบถามเเม่ของเด็ก ทราบว่าตอนเช้าแม่ของเด็กได้ขับรถ จยย. เพื่อที่จะไปส่งลูกไปโรงเรียน บริการลูกค้าไปยังถนนกำนันเเม้น ก่อนจะมาเกิดอุบัติเหตุมีรถคันหลัง ขับมาเบียดเเละชนด้านหลัง จนรถ จยย. เสียหลักล้ม

ส่วนรถเมล์ขับสวนมาพอดีเเละเกิดขับทับพอดี ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุ ทั้งคนขับรถยนต์เเละคนขับรถเมล์ไม่มีใครลงมาดูอาการของน้องเลยสักคน ก่อนจะมีพลเมืองดีขับไปตามคนขับรถเมล์ โดยแกบอกว่ามองไม่เห็น ก่อนจะขับรถไปส่งผู้โดยสารต่อ ปกติถนนเส้นนี้จะรถขับผ่านค่อนข้างเยอะ เเละเคยเกิดอุบัติเหตุรถชนบ่อยครั้ง เพราะรถขับค่อนข้างเร็ว ถนนแคบ

น.ส.ลักษมี อายุ 30 ปี เเม่ของน้องมีนา ผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า เมื่อเช้าตนกำลังจะขับรถไปส่งลูกไปโรงเรียนตามปกติ ใช้เส้นทางนี้ทุกวัน หากวันไหนตนไม่ว่าง พ่อเลี้ยงของตนก็จะเป็นคนไปส่ง เมื่อเช้าตนขับรถออกจากซอยบ้าน ลูกสาวนั่งอยู่ด้านหน้า โดยตนสะพายกระเป๋าไว้ที่หลัง กำลังจะเลี้ยวขวาออกซอยกำนันเเม้น หลังจากนั้นก็รู้สึกว่ารถถูกชนจากด้านหลัง จนรถเสียหลักล้ม ก่อนที่รถเมล์จะขับสวนมาเหยียบศีรษะลูกสาวตนจนสมองไหล ตนก็พยายามตะโกนเรียกให้คนช่วยเหลือ และบอกให้คนไปตามรถเมล์คันดังกล่าว ซึ่งก็มาทราบภายหลังว่าเขาไปมอบตัวเเล้ว

ต่อมาตนได้เงยหน้าขึ้นไปมองรถยนต์คันสีเขียว ก่อนลุงคนขับเขาจะบอกว่า "จยย.คันขาวเป็นคนชน ก่อนจะชี้ไปทางอื่น" และขับรถออกไป ไม่ได้ลงมาดูอาการลูกของตน ส่วน จยย.คันขาวที่ลุงคันนั้นว่าตนก็ไม่เห็น ก่อนที่ตนจะหันกลับมาสนใจลูกก่อน ก่อนที่ตนจะพยายามอุ้มลูกไปยังฟุตพาท หลังจากนั้นแพทย์เดินทางมาถึงก็ยืนยันว่าลูกเสียชีวิตแล้ว ต่อมาตนก็ไปทำแผลที่ รพ. โดยมีแผลที่เเขนข้างขวา ถลอกเท่านั้น

น.ส.ลักษมี กล่าวว่า ตนมีลูก 2 คน น้องมีนาเป็นคนโต อายุ 7 ปี ส่วนลูกชายอายุ 3 ขวบ ปกติน้องมีนาจะเป็นเด็กร่าเริง น่ารัก ซนนิดหน่อย สำหรับลูกสาวคนโตคนนี้ตนคาดหวังไว้มาก เพราะในช่วงที่ตนเป็นวัยรุ่น ตนทำให้พ่อเเม่เสียใจไว้มาก ไม่ยอมเรียนหนังสือ ตนก็หวังว่าจะได้เห็นลูกสาวได้เรียนหนังสือสูง ๆ ทำงานดี ๆ เป็นคนที่ดีกว่าตน ซึ่งตนก็คิดไว้ว่าขอให้ตนเสียชีวิตก่อนลูกจะดีกว่า ตนอยากอยู่กับลูกไปนาน ๆ ขอให้อุบัติเหตุเมื่อเช้าคนที่ตายเป็นตนจะดีกว่า ตนอยากขอตายแทนลูก

น.ส.ลักษมี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อเช้าครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับลูก น้องมีนาบอกกับตนว่า "แม่เม หนูขอเงิน 20 บาทได้ไหม" ซึ่งทั้งตัวตนมีเเค่ 40 บาท เพราะขอแม่ตนมาอีกที ตนจึงได้กับลูกว่า "เดี๋ยวแม่ทำงานได้ เดี๋ยวแม่เอาให้นะลูก" ซึ่งตนกำลังจะทำงาน กำลังจะตั้งใจเป็นคนดีเป็นตัวอย่างให้ลูก ลูกจะได้ไม่อายใคร ตนอยากเป็นแม่ที่ดี ตนรักน้องมีนามาก ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เป็นอุบัติเหตุก็จริง แต่ตนก็โทษตัวเอง และเสียใจมาก เหตุเกิดขึ้นไวเกินไปจนตนตั้งรับไม่ทัน

นายทองชัย ไกยะฝ่าย อายุ 62 ปี คนขับรถเมล์คันที่เหยียบศีรษะเด็ก เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าตนเองขับรถเมล์ตั้งแต่ 05.00 น. โดยออกจากอู่รถ ขับไปตามเส้นทางตามปกติ รับผู้โดยสารตามป้ายรถเมล์ โดยช่วงที่ขับไปตามถนนที่เกิดเหตุนั้น ตนเองก็วิ่งตามถนนเส้นตรง มองทางซ้าย ตอนนั้นตนเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยว่าขับรถทับคน จนกระทั่งขับเลยไปได้ประมาณ 2-3 ซอย ก็เห็นว่ามีรถข้างหลัง รถยนต์สีเขียวและจยย.ล้ม ก็นึกเเค่ว่าเขารถชนกันเท่านั้น

ต่อมาก็มีพลเมืองดีขับรถไปบอกตนว่าตนขับรถทับเด็กตาย ซึ่งตนและผู้โดยสารในรถต่างก็งงกันหมดว่าเหยียบตอนไหน เพราะไม่มีใครรู้สึกเลย หลังจากตนทราบข่าวแล้วก็จำเป็นที่จะต้องไปส่งผู้โดยสารให้เสร็จสิ้นเสียก่อน หลังจากนั้นก็เดินทางมาที่เกิดเหตุอีกครั้งแต่ก็ไม่พบใครแล้ว ตนจึงเดินทางกลับไปที่อู่รถ ก่อนจะเดินทางไปมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.บางขุนเทียน โดยแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยังรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ยังไม่ถูกเเจ้งข้อหาใด

ตอนนี้ถามว่าเครียดหรือกังวลหรือไม่ ก็ไม่ได้รู้สึกเครียด แต่ก็ต้องขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย เพราะตนยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะขับรถทับเด็ก เหตุเกิดไปแล้วตนไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ไม่ได้ขับรถเร็วด้วย ตนขับรถเมล์มานานเกือบ 20 ปี เคยเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตมาก่อน ตนอยากฝากกรณีที่เกิดขึ้นไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนขับรถเมล์ทุกคน ขอให้ขับรถกับแบบระมัดระวังด้วย ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะได้เดินทางไปงานศพของน้องผู้เสียชีวิตด้วย

ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณบ้านของชาวบ้านที่อยู่ด้านหน้าที่เกิดเหตุ ช่วงที่แม่ของเด็กกำลังขับรถจักรยานยนต์พาลูกสาววัย 7 ขวบออกมาจากซอยกำนันแม้น 5 ก่อนจะมีการเลี้ยวขวาออกไปทางถนน เเละถูกรถยนต์ที่ตามหลังมาเบียดจนล้ม ก่อนที่รถเมล์คันสีน้ำเงินจะขับสวนมาพอดี และเหยียบศีรษะของเด็กหญิงวัย 7 ขวบจนเสียชีวิต