สันธนะดื้อแพ่งจวก GPS เรือปอของเก๊ มั่นใจแตงโมถูกอุ้มใกล้สภา เดชาสวนไร้สาระ (คลิป)

คืบหน้ากรณี "แตงโม-นิดา" นักแสดงชื่อดังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม เขตจังหวัดนนทบุรี คืนวันที่ 24 ก.พ.65 กระทั่งพบว่าร่างลอยน้ำขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันที่ 26 ก.พ.65 ที่ผ่านมา

ต่อมาวันที่ 21 เม.ย. 65 ทีมข่าวได้เดินทางไปเจอกับ นายกิตติภัฎ ธนาสนธิราช หรือ อู๊ด เจ้าของพัทยาวอเตอร์สปอร์ตคลับ ในฐานะตัวแทนบริษัทกามินประเทศไทย เป็นบริษัท GPS เรือลำที่เกิดเหตุ ซึ่งได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อมูล GPS เรือลำที่เกิดเหตุ และโชว์เอกสารความหนา 2,000 กว่าแผ่น เพื่อยืนยันว่าไม่สามารถแก้ไขข้อมูล GPS ของเรือได้

ประกอบกับได้มีการเผยแพร่ภาพกราฟิกของ GPS เรือลำที่เกิดเหตุ เพื่อให้สังคมเห็นเป็นที่แรก ยืนยันว่าเรือลำดังกล่าวมีระบบ GPSบันทึกแบบหลายวินาที ใช้ระบบดาวเทียมตรวจจับมากกว่า 8 ตัว มีความแม่นยำ 99.9% เป็นระบบสากลทั่วโลกที่ใช้ร่วมกันภายใต้ของบริษัทกามิน การแก้ไขข้อมูลทุกอย่างจะเป็นไปได้ยาก

พร้อมทั้งโต้ในประเด็นของ ส.ส.เต้ และ พ.ต.ท.สันธนะ เกี่ยวกับกรณีที่ออกมากล่าวหาเรือลำที่เกิดเหตุว่าอาจจะมีการแวะหรือจอดพัก หรือแม้แต่การขึ้นฝั่งเพื่อไปโรงแรมหรู แต่จากข้อมูล GPS ดังกล่าวที่เผยแพร่ยืนยันจุดเทียบฝั่งเพียง 3 แห่ง จากนั้นเรือจะลอยลำอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าใกล้ฝั่งระยะใกล้สุด 6 เมตรนั้น

วันที่ 22 เม.ย. 65 พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล โดยได้มีการดูข้อมูล GPS ร่วมกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เพื่อยืนยันคำตอบเกี่ยวกับประเด็นข้อสงสัย รวมถึงการออกมาให้ข้อมูลของ พ.ต.ท.สันธนะ ว่าแม้เรือลำที่เกิดเหตุมี GPS ยันว่าไม่ได้มีการเทียบฝั่งหรือเข้าใกล้ฝั่งตามที่มีการตั้งข้อสังเกตเอาไว้ แต่ในระหว่างการดูข้อมูล GPS ปรากฏว่าตนเองก็ยังไม่มีความเชื่อมั่นในข้อมูลดังกล่าวที่เป็นสากลใช้กันทั่วโลก เพราะเชื่อว่าอาจจะเป็นเรือคนละลำ หรืออาจจะมีการลอยลำและลดระดับความเร็ว เพื่อให้เรืออีกลำเข้ามาเทียบ และยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GPS ที่ทีมข่าวเอามาให้ดู โดยเจ้าตัวไปโฟกัส GPS บริเวณพื้นที่ย่านจรัญสนิทวงศ์ 94 ซึ่งเป็นบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหลังอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เกียกกาย

พ.ต.ท.สันธนะ ระบุว่า สังเกตจากการล่องเรือจะมีความผิดปกติ อย่างเช่นที่เคยออกไปให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า เรือจะมีการลอยลำแล้วขับวนไปมา เพื่อรอคำสั่งจากใครบางคนเกี่ยวกับให้พานางสาวแตงโมขึ้นจากเรือเพื่อไปที่โรงแรมหรู ดังนั้นข้อมูล GPS ดังกล่าวก็จะตรงกับข้อมูลที่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ เพราะสังเกตว่า GPS มีการขับวนจริง ความผิดปกติถ้าหากเรือที่ล่องด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เป็นเพียงแค่การล่องเรือกินลมชมวิวหรือถ่ายภาพ จะเป็นการลงในแนวตรงและวนกลับ ไม่มีการขับวนไปมา ฉะนั้นจึงอยากให้นำภาพ GPS ดังกล่าวที่เห็นบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาแถวอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่เห็นการขับวนไปเทียบกับ GPS บริเวณสะพานพระราม 7 ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุในช่วงวินาทีที่คาดว่าแตงโมตกน้ำตามที่ตำรวจให้ข้อมูล จะเห็นว่าเรือมีลักษณะขับวนไปมา ดังนั้นจาก GPS ก็จะเห็นความผิดปกติว่าเรือขับวนกี่จุด แสดงให้เห็นว่ากำลังเกิดเหตุความผิดปกติขึ้นกับเรือและคนบนเรือ

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลที่ตนเองได้ติดตามข่าวจากอมรินทร์ทีวีเมื่อคืนนี้ ฟังการให้สัมภาษณ์ของตัวแทนบริษัทกามิน GPS ประเทศไทย ซึ่งเจ้าตัวได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับการแก้ไขข้อมูล GPS เรือ พร้อมทั้งได้มีการนำภาพกราฟิกมาเปิดเผย มีความเชื่อมั่นว่าไม่ได้มีการแก้ไขข้อมูล ถ้าหากแก้ไขข้อมูลอาจจะต้องมีการแก้ไขหลายวินาที จะต้องมีความละเอียดค่อนข้างมาก แต่ในมุมหนึ่งก็เชื่อว่าข้อมูลในเปเปอร์กลับข้อมูลที่เป็นผังกราฟิกอาจจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่จะดูรายละเอียดออก เชื่อว่าอาจไม่ได้มีการแก้ไขข้อมูล แต่เชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มีเรือลำอื่นที่เกี่ยวข้อง อาจจะไม่ได้มาในช่วงเวลาเดียวกัน มาก่อนหรือหลัง เพราะอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ประเด็นเกี่ยวกับเจ็ตสกีที่มีการขับตามหรือขับก่อนถึงครัวตานิด ประเด็นนี้ยังไม่มีการไขข้อสงสัย ฉะนั้นเหตุการณ์ของเรือแตงโมก็ไม่ได้มีเพียงแค่เรือลำเดียว ซึ่งถ้าหาก GPS เรือลำดังกล่าวเป็นของนายปอจริง ก็จะต้องสอดคล้องและสอดรับกับกล้องวงจรปิดของตำรวจ แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ก็ต้องมีเรือลำอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะการอ่านค่าของระบบ GPS อาจจะบ่งบอกว่ามีการจอดแวะพัก 3 จุด แต่อย่าลืมว่าในขณะที่มีการลอยลำอยู่ในแม่น้ำเจ้าพยา อาจมีการชะลอความเร็ว หรือหยุดเรือกะทันหัน แล้วมีเรือลำอื่นเข้ามาเทียบเป็นการลำเลียงหรืออนุญาตให้คนขึ้นหรือลง ในระหว่างนั้นอาจจะมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น เนื่องจากมีสื่อหลายสำนักเห็นภาพบาดแผล หรือรอยช้ำเขียวตามตัวของคนที่อยู่บนเรือ และอย่าลืมว่ารอยต่าง ๆ เหล่านั้น ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ ฉะนั้นจึงเชื่อว่าต้องเกิดเหตุการณ์นำเรือมาเทียบ และเกิดเหตุการณ์ชุดกระชากกันเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการสอดรับกับกล้องวงจรปิด ตามพิกัดที่เรือมีการชะลอหรือหยุด ถ้าหากตำรวจอ้างว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์ตามที่ตนเองให้ข้อมูล ก็จะต้องมีกล้องวงจรปิดยืนยันชัดเจนว่าเรือลอยลำเพียงลำพังไม่ได้มีลำอื่นเข้ามาเทียบ

ก่อนหน้านี้ที่ พ.ต.ท.สันธนะ เคยให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า "เรือสปีดโบ๊ตของแตงโมจอดเทียบท่ามีการลงไปเหยียบทราย หรือมีการทำร้ายกันบนบกและพาลงน้ำ" นั้น เจ้าตัวชี้แจงว่าจาก GPS ดังกล่าวแม้ว่าจะไม่เห็นเรือเข้าใกล้ฝั่ง ก็ยืนยันว่ามีเรือลำอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนเองอาจไม่ได้หมายถึงเรือของสปีดโบ๊ตลำที่เกิดเหตุเข้าไปเทียบเอง แต่มีเรือลำอื่นเข้ามาขนถ่ายคน เพราะไม่เช่นนั้นอย่าลืมว่าคนบนเรือไม่มีโอกาสเดินเหยียบดินและทราย ฉะนั้นทำไมถึงต้องมีภาพปรากฏว่ามีการเคาะทรายออกจากรองเท้า ในพื้นที่พิกัดตั้งแต่สะพานพระราม 5 ถึงสะพานพระราม 8 มีพื้นที่ก่อสร้างเป็นพื้นที่ปิด เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล เชื่อว่ามีการลงไปเหยียบ และไปเกี่ยวข้องกับพื้นที่ดังกล่าวอย่างแน่นอน

ส่วนตัวเตรียมที่จะขอประสานข้อมูลส่วนตัวกับนายกิตติภัฎ ธนาสนธิราช หรือ อู๊ด เจ้าของพัทยาวอเตอร์สปอร์ตคลับ ในฐานะตัวแทนบริษัทกามินประเทศไทย เพื่อที่จะหาคำตอบ และคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับประเด็นที่ได้รับรายงานและได้รับข้อมูลเชิงรับเกี่ยวกับบุคคลปริศนา เพราะถือว่าข้อมูล GPS ของเรือเป็นประโยชน์ต่อการหาหลักฐาน แม้ว่าตำรวจจะเดินหน้าเตรียมปิดคดีในวันที่ 26 เม.ย. แนวทางว่าแตงโมประสบอุบัติเหตุ แต่ตนเองก็ยังเชื่อมั่นว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง และจะมีการหาข้อมูลต่อไป

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.สันธนะ กรณีที่ผู้ใหญ่รวมถึงหลายบุคคลได้มีการแนะนำเกี่ยวกับการออกมาให้สัมภาษณ์ และตั้งประเด็นข้อคิดเห็น เกี่ยวกับคดีของนางสาวแตงโมนั้น ตนเองยังคงทำหน้าที่ในการหาข้อมูล มุมที่ได้รับและเชื่อว่ามีมูลข้อเท็จจริง การกระทำทั้งหมดไม่ได้เป็นการหิวแสง ข้อมูลทั้งหมดก็ผ่านการกลั่นกรองแล้ว เพียงแค่ในการหาหลักฐานบางอย่างติดที่เอกสารทางราชการ เพราะอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ตนเองได้ทำหนังสือไปยังตำรวจเมืองนนทบุรี เพื่อขอใบบันทึกและใบแจ้งความเพื่อจะไปขอดูกล้องวงจรปิด เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในคดีแตงโม แต่จนถึงวันนี้ไม่แน่ใจว่าตำรวจประวิงเวลาหรือกลัวอะไรกันแน่ ไม่ยอมออกหนังสือดังกล่าวให้กับตนเองไปขอดูกล้องวงจรปิด แม้ว่าจะมีการปิดคดีไปแล้ว ตนเองก็ยังเตรียมที่จะมีการหาหลักฐานต่อไป จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายและได้รับคำตอบ

ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความของแม่แตงโม เปิดเผยกรณีที่ทางด้าน นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงเส้นทางจีพีเอสการเดินเรือในส่วนของ 2 จุด โดยจุดเเรกที่บริเวณท่าเรือเกียกกายติดกับรัฐสภา จุดที่ 2 ที่เกิดเหตุพบว่ามีการวนไปวนมาผิดปกติกับเส้นทางการเดินเรือในจุดอื่น เลยสังเกตได้ว่าจุดดังกล่าวนั้นเป็นการขับวนเพื่อที่จะรอเรืออีกลำหนึ่งของคนมีสี มารับตัวแตงโมไปยังโรงเเรม ว่าตนเองอยากจะพูดคำเดียวว่า "ไร้สาระ" สั้น ๆ คำเดียว กินใจชัดเจน ปล่อยให้อีกฝ่ายสงสัยไป

ส่วนตัวและพนักงานสอบสวนไม่ได้มีหน้าที่จที่จะต้องไปนั่งตอบคำถามอีกฝ่าย ยืนยันคำเดิม พยานในสำนวน พนักงานสอบสวนชุดสืบสวนมีหน้าที่ตอบคำถามศาล ไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาตอบคำถามคนเหล่านี้ ปล่อยให้เขาสงสัยไป พวกกลุ่มคนหิวแสง หากมีหลักฐานจริงก็ไปให้ตำรวจ ไม่ใช่มาหิวแสง ใครจะวิพากษ์วิจารณ์ควรใช้สมอง ไม่ใช่ใช้แค่ปาก

ด้านนายธนกฤต วงศ์สุวรรณ เจ้าของอู่เรือ NBC BOAT CLUB บอกว่า กรณีที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเดินทางเข้ามาตรวจเรือลำเกิดเหตุ ภายในอู่เรือนั้นทั้งหมด 4 ครั้งติดกัน โดยครั้งที่ 1 ตรวจกลางวัน ครั้งที่ 2 ตรวจกลางวัน ครั้งที่ 3 ตรวจกลางคืน ครั้งที่ 4 ตรวจกลางวัน

ซึ่งครั้งที่ 3 ที่มีการตรวจกลางคืน มีการปิดไฟทั้งหมด และมีการฉายแสงเพื่อตรวจจับหายร่องรอยนิ้วมือ ซึ่งตนก็มาทราบพร้อมกับคนอื่น ๆ ว่ามีการตรวจพบเส้นผมในครั้งนั้น เพราะในทุกครั้งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจเรือ ก็ไม่ได้มาบอกตนว่าเจออะไรบ้าง เนื่องจากเจ้าหน้าที่เขาก็เก็บใส่ซองของเขาไป ส่วนใหญ่ตนจะให้ความร่วมมือ เฉพาะเวลาเจ้าหน้าที่ สงสัยว่าอุปกรณ์บนเรือใช้อย่างไร เปิดช่องเก็บของอย่างไร ซึ่งก็จะให้ตนสวมชุดคล้ายชุด PPE ก่อนที่จะขึ้นไปบนเรือ เพื่อไม่ให้มีดีเอ็นเอแปลกปลอม

สำหรับคำถามที่สงสัยว่าทำไมเจอแต่เส้นผมแตงโม แล้วทำไมมาเจอรอบที่ 3 ประเด็นนี้ตนมองว่า ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของเจ้าหน้าที่มากกว่าว่าในแต่ละครั้งมีเป้าหมายที่จะมาตรวจอะไรในส่วนไหน เชื่อว่าบนเรือก็น่าจะพบรอยนิ้วมือคนอื่น ๆ ในอู่เรือด้วย เพราะตอนที่เอาเรือลงน้ำ ก็เป็นพนักงานในอู่เรือเป็นคนดำเนินการ ทางตำรวจอาจจะบอกไม่หมดมากกว่า

ส่วนตัวในวันนี้ ก็ยังยืนยันได้ว่าไม่มีการสลับเรือ หรือเปลี่ยนเรือล้านเปอร์เซ็นต์ การล้างเรือของคุณปอ ปกติก็ไม่ใช่คนในอู่เรือตนทำ แต่จะเป็นทีมทำความสะอาดที่คุณปอจ้างมาต่างหากอยู่แล้ว ทั้งขาขึ้นและขาลงเรือ เพราะเจ้าตัวค่อนข้างดูแลเรือดี ซึ่งจะคิดค่าดำเนินการพวกค่าน้ำค่าไฟ ในการทำความสะอาดเช็ดเครื่องเงาครั้งละ 500 บาท

แต่ถ้าเป็นเรือลำอื่น ๆ ทางอู่ก็จะทำความสะอาดบริเวณด้านนอกเรือเป็นพื้นฐาน เพราะเวลาจอดเรือเข้าท่านิ่ง ๆ มักจะเกิดรอยคราบน้ำข้างเรือโดยรอบทั้งลำ ซึ่งไม่ได้ไปทำความสะอาดถึงตัวนอต เต็มที่ก็เช็ดทำความสะอาดใบพัด แต่จะไม่มีการทำความสะอาดภายในเรือ ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของเรือ เพราะมีกรณีลูกค้าใช้เรือเสร็จ เกิดของหายแล้วมาโทษคนทำความสะอาดเรือ เราจึงระมัดระวังมากขึ้น

ประเด็นเรื่องการพบเส้นผมบนเรือนั้นเป็นเรื่องปกติมากที่เวลาทำความสะอาดแล้วจะพบเจอเส้นผม เพราะเวลาที่เรือวิ่งกระแสลมก็พัดไปข้างหลัง ก็สามารถพบเจอได้ ไม่ใช่เรือแปลก แต่หากว่าคุณอัจริยะยังคงสงสัยประเด็นเรื่องผมบนเรือนั้น เจ้าตัวอาจจะยังไม่เคยนั่งเรือ ซึ่งตนยินดีอย่างมาก และอยากเชิญมาทดลองนั่งเรือดูแบบไม่มีค่าใช้จ่าย อาจจะช่วยให้เข้าใจลักษณะการอยู่บนเรือมากขึ้น