วันที่ 25 พ.ค. จากการพิพากษาคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ ซึ่งจำเลยในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเห็นแก่ความตายถูกยกฟ้องทั้งหมด พบเพียงแค่นายจ๊อบ จำเลยที่ 4 ที่ถูกตัดสินในข้อหาแจ้งความเท็จ ปรับ 16,000 จำคุก 4 เดือน ทิ้งปฏิกูลลงในแม่น้ำ จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
ล่าสุดนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวก่อนขึ้นเวทีความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568 ว่า ในการขึ้นเวทีดังกล่าวนี้ เป็นครั้งที่ 2 ในการพูดถึงคดีแตงโม เนื่องจากว่าตอนนี้ตนได้อ่านคำพิพากษาฉบับเต็มแล้ว ในวันนี้ตนจะสรุปให้ประชาชนทราบว่าหลังจากศาลพิพากษาแล้วจะต้องเดินหน้าต่อกันอย่างไร
"เนื่องจากว่าในตอนนี้ภาคประชาชนได้ยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวหาว่ามีเจ้าหน้าที่บิดเบือนกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือบุคคลบนเรือไม่ให้รับโทษหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้เราสนใจเรื่องกระบวนการไม่ใช่คำตัดสินเพราะในครั้งนี้ โจทก์และจำเลยไม่ปฏิเสธหรือคัดค้านในเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตของแตงโมว่าเดินไปปัสสาวะที่ท้ายเรือและตกเรือไปโดนใบพัดเรือ ทำให้ศาลได้พิพากษาเพียงแค่คดีประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเท่านั้น ซึ่งในวันนี้จะพูดถึงภาพรวมว่าทำไมมาถึงวันนี้ได้แล้วศาลตัดสินเช่นนี้เพราะอะไร ซึ่งเมื่อคืนได้คุยกับคุณอัจฉริยะแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งมั่นใจว่าจะเดินหน้าในส่วนของดีเอสไอได้ชัดเจนมากขึ้น" นายปานเทพกล่าว
นอกจากนี้นายปานเทพ ยังบอกทิ้งท้ายก่อนไปขึ้นเวทีว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้ติดตามว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง แต่ที่เห็นวาระการประชุมในวันอังคาร (27 พ.ค.) ว่าตนก็พึงพอใจแล้วแสดงว่าดีเอสไอคิดอย่างที่พวกตนคิดเอาไว้
ต่อมาเวลา 13.40 น. อาจารย์ปานเทพได้เปิดเผยถึงเรื่องที่ตนได้รับการสดสำเนา PDF เอกสารคำพิพากษาฉบับเต็มแล้วเมื่อคืนนี้ ซึ่งก็เกินคาดว่าได้รับเอกสารเร็วแต่เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งในเวที นายปานเทพ ก็ได้นำคำพิพากษานั้นมาวิเคราะห์ให้ประชาชนได้รับฟังอีกด้วย
บรรยากาศภายในการบรรยาย นายปานเทพได้สอบถามไปยังประชาชนที่เข้ามาร่วมรับฟังในการเสวนาบรรยายในครั้งนี้ว่า “อยากจะทราบความจริงหรือไม่ถ้าอยากทราบขอเสียงปรบมือให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอได้ไหม” ก่อนจะมีเสียงปรบมือดังขึ้นมาภายในหอประชุมในการรับฟังครั้งนี้.
Advertisement