เมียแรงงานอุดรฯ เหยื่อสงคราม อิสราเอลจุดธูปบอกวิญญาณสามีกลับบ้านหลังเข้าฝันบอกยังไม่ตาย 4 คืนติด
จากกรณีเช้ามืดวันที่ 7 ต.ค. 66 กลุ่มฮามาสบุกโจมตี อิสราเอล ทั้งบนอากาศและภาคพื้นดิน มีการบุกเข้ามายิง ทำให้มีพลเมืองผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก รวมทั้ง แรงงานไทยใน อิสราเอล
ซึ่งมีแรงงานชาวอุดรธานีถูกกลุ่มติดอาวุธ กลุ่มฮามาสบุกเข้าแคมป์คนงานไทย ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตในห้องพักรวม 6 คน โดยศพ 1 ใน 6 ตามคลิปภาพถูกระบุว่าเป็นศพของ นายชัยรัตน์ สุนาสันต์ หรือ ปู อายุ 39 ปี ชาวอ.น้ำโสม จ.อุดรธานี
สภาพศพสวมเสื้อสีเทาเข้ม นอนตะแคงหันหน้าเข้าฝาผนังห้องบริเวณหน้าประตูห้องพัก รวมกับศพเพื่อนคนงาน ซึ่งจากการยืนยันอย่างเป็นทางการ ขณะนี้คนอุดรธานีเสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ทั้งหมด 7 ราย
วันที่ 12ต.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านโนนสูง ต.บ้านหยวก อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายชัยรัตน์ พบกับ น.ส.เอื้อนจิตร รักชาติ หรือเอื้อน อายุ 41 ปี ภรรยานายชัยรัตน์ที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังไม่ทันตั้งตัว โดยมี อสม.ประจำหมู่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อน เพื่อให้กำลังใจและคอยดูแลด้านสุขภาพจิต หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางมาแจ้งสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการจากไปของสามีที่เดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โดย น.ส.เอื้อนจิตร ได้จุดธูป 3 ดอก บอกกล่าว พระพุทธรูปประจำบ้าน ที่อยู่บนตู้เก็บของชั้นล่างของบ้าน เพื่อสื่อไปยังดวงวิญญาณของสามีให้กลับมาบ้าน หลังจากมาเข้าฝัน 4 คืนติดต่อกันตั้งแต่คืนวันที่ 8- 11 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยในฝันบอกว่าตนเองกับเพื่อนรวม 6 คน ยังไม่ตาย และกำลังหลบอยู่ในห้องพักพิเศษที่ใช้หลบภัยในแคมป์คนงานที่อยู่ติดกับฉนวนกาซา เพื่อรอทหารอิสราเอลมาช่วยเหลือ ก่อนจะจุดธูป 1 ดอกบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางและดวงวิญญาณสามีให้ช่วยทางรัฐบาลไทยนำร่างสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อยู่ที่ต้นกล้วยน้ำหว้าหน้าบ้านพัก และปักธูปลงที่ต้นกล้วย เพื่อไม่ให้มีอุปสรรคขัดข้อง หากนำศพสามีกลับมาไม่ได้ก็ขอได้เพียงอัฐิก็ยังดี
น.ส.เอื้อนจิตร เปิดเผยด้วยเสียงสั่นเครือว่า แต่งงานอยู่กินกับสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาได้ 6 ปี ไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ เพียง 3 ปีครึ่งหลังจากสามีเดินทางไปทำงานอยู่ที่สวนอโวคาโด ประเทศอิสราเอลที่อยู่ติดกับฉนวนกาซา สามีส่งเงินมาให้ตนไม่เคยขาด เพื่อเก็บไว้ตั้งตัวและไว้กินยามแก่เฒ่า ทุกวันตอนเช้าและเย็นหลังเลิกงานสามีจะวิดีโอคอลมาพูดคุยทุกวันไม่เคยขาด และไม่ขอลาพักกลับมาเยี่ยมบ้านที่ประเทศไทย เมื่อครบ 2 ปี 6 เดือน จากสัญญา 5 ปีเพราะไม่อยากเสียเวลา โดยสามีจะกลับมาบ้านครั้งเดียวเลย
”วันที่เกิดเหตุสามีกำลังนึ่งข้าวเหนียวกินมื้อเช้ากับเพื่อนๆ ก่อนไปทำงาน ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่ตนได้วิดีโอคอลคุยกับสามี จู่ๆก็มีเสียปืนดังมาเป็นระยะๆ สามีก็บอกว่าเหตุการณ์ไม่สู้ดีแล้วก่อนสัญญาณโทรศัพท์จะถูกตัดไป แต่ตนก็ยังได้ทักแชตไปหาสามีด้วยความตกใจ บอกให้ระวังตัว เพราะทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์นายจ้างจะแจ้งล่วงก่อน แต่ครั้งนี้ไม่มีการแจ้งอะไรเลย หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกันได้อีกเลย”
น.ส.เอื้อมจิตร เปิดเผยต่อว่า ตอนค่ำตนก็พยายามติดต่อกลับไปหาสามี แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ขณะนั้นยังไม่ทราบว่าสามีเสียชีวิตกับเพื่อนๆ แล้ว พอตกค่ำวันที่ 8 ต.ค. 66 สามีตนก็มาเข้าฝันว่ายังไม่ตาย รวมทั้งเพื่อนๆ เขาก็บอกว่าพวกเรายังหลบอยู่ในห้องหลบภัยพิเศษในแคมป์พักคนงาน คืนวันที่ 9 ต.ค. ก็ยังมาเข้าฝัน บอกว่าพวกเรายังไม่ตายเหมือนเดิม หลังจากช่วงกลางวันเพื่อนคนงานที่หลบหนีทันได้แจ้งมาว่าสามีกับเพื่อนคนไทยรวม 6 คน ถูกยิงตายในห้องหลบภัยแล้ว หลังจากทหารอิสราเอลเข้าไปเคลียร์พื้นที่ และส่งคลิปมาให้ดูก็จำได้ว่าสามีตนสวมเสื้อสีเทาเข้มนอนเสียชีวิตกองกันอยู่หน้าประตูห้องพัก เพราะเช้าวันที่ 7 ต.ค. ที่เราวิดีโอคอลกัน ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุสามีสวมเสื้อตัวนี้
แต่ตอนนั้นตนก็ยังไม่มั่นใจ หรือยังไม่เชื่อว่าสามีจะถูกยิงตาย เพราะยังไม่มีการยืนยันจากรัฐบาลไทย และอิสราเอล คืนของวันที่ 10 ต.ค. 66 ตนก็ฝันเห็นสามีกับเพื่อนบอกว่ายังไม่ตายเช่นเคย จนกระทั่งเช้าวันที่ 11 ต.ค. 66 เจ้าหน้าจัดหางานฯแรงงานจังหวัดอุดรธานี และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเดินทางมาที่บ้าน เพื่อแจ้งข่าวร้ายและยืนยันว่าสามีตนเสียชีวิตแล้ว และมาแจ้งสิทธิประโยชน์ให้ตนรับทราบ ขณะนั้นตนรู้สึกหมดหวัง และเสียใจอย่างมาก พอตกกลางคืนสามีก็มาเข้าฝันกับเพื่อนๆ บอกว่ายังไม่ตายตามเคย ซึ่งตนคิดว่าสามีคงยังเป็นห่วงตน เพราะเรารักกันมาก และเขาไม่เคยทำให้ตนเสียใจเลย
วันนี้จึงจุดธูปบอกกล่าววิญญาณเขาให้กลับบ้าน เพื่อรอไปสู่ภพภูมิที่ดี หลังทำบุญไปให้ หากชาติหน้ามีจริงก็ ขออย่าได้อายุสั้นและครองรักอยู่ด้วยกันนานๆ กว่าในชาตินี้
Advertisement