
แกะรอยกำแพงสัญชาติ "ประเทศที่ขอสัญชาติยากที่สุดในโลก" ด้วยเงื่อนไขสุดหินที่ต้องอยู่ยาว-ทักษะต้องแน่น กว่าจะได้เป็นพลเมืองโดยสมบูรณ์ของประเทศนั้นๆ
การขอสัญชาติ (Naturalization) หรือ การแปลงสัญชาติ คือ กระบวนการทางกฎหมาย ที่บุคคลซึ่งไม่ได้เป็นพลเมืองโดยกำเนิดของประเทศใดประเทศหนึ่ง ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนสถานะและสิทธิของตนให้กลายเป็น พลเมืองโดยสมบูรณ์ของประเทศนั้นๆ
การขอสัญชาติในต่างประเทศอาจเป็นเรื่องท้าทาย บางประเทศมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเป็นพิเศษ สถานการณ์ต่างๆ อาจทำให้เกิดความยากลำบาก ทำให้การขอสัญชาติเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน โดยปัจจัยบางประการที่ทำให้การขอสัญชาติทำได้ยาก ได้แก่
การได้รับสัญชาติในบางประเทศนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของระยะเวลา แต่เป็นกระบวนการที่เข้มงวดสุดขีด โดยเฉพาะประเทศที่ต้องการรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประชากร หรือระบบเศรษฐกิจไว้ ซึ่งประเทศเหล่านี้มักมีกฎหมายที่เข้มงวดในด้านถิ่นที่อยู่ถาวร (Residency) , การไม่ยอมรับสองสัญชาติ (No Dual Nationality) และข้อกำหนดด้านภาษาที่ซับซ้อน
1. กาตาร์
กาตาร์ตั้งอยู่ในอ่าวเปอร์เซียและเป็นที่รู้จักในเรื่องความมั่งคั่งมหาศาลที่ขับเคลื่อนโดยอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ และมีชื่อเสียงในเรื่องข้อกำหนดที่เข้มงวดในการขอสัญชาติ
การจะได้สัญชาติกาตาร์ในฐานะชาวต่างชาตินั้น จะต้องพำนักอยู่ในประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานถึง 25 ปี ความสามารถทางภาษาอาหรับ ประวัติความประพฤติที่สะอาดสะอ้าน และหลักฐานแสดงฐานะทางการเงินที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ถือเป็นข้อกำหนดเบื้องต้น นอกจากนี้ ตามกฎหมายในประเทศกาตาร์ไม่อนุญาตให้มีสัญชาติคู่ จึงจำเป็นต้องสละหนังสือเดินทางฉบับเดิม
2. นครรัฐวาติกัน
รัฐเอกราชที่เล็กที่สุดในโลก มีประชากรไม่ถึงพันคน ด้วยกฎระเบียบด้านสัญชาติที่เข้มงวดเป็นสาเหตุที่ทำให้จำนวนประชากรน้อยนี้ลดลง นครรัฐวาติกันให้สิทธิการเป็นพลเมืองภายใต้สถานการณ์พิเศษ 3 ประการเท่านั้น ได้แก่ หากบุคคลนั้นเป็นพระคาร์ดินัลที่อาศัยอยู่ในนครรัฐวาติกันหรือโรม ทำหน้าที่เป็นนักการทูตที่เป็นตัวแทนของนครรัฐวาติกัน หรืออาศัยอยู่ในนครรัฐวาติกันเนื่องจากมีการจ้างงานภายในคริสตจักรนิกายโรมันคาธอลิก เงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจงเหล่านี้ทำให้นครวาติกันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความท้าทายมากที่สุดในโลกในการขอสัญชาติ
3. ลิกเตนสไตน์
ประเทศเล็กแต่มั่งคั่ง ตั้งอยู่ระหว่างออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ มีพลเมืองประมาณ 40,000 คน ตามรายงานของสถาบัน Liechtenstein ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์และสถาบันการศึกษาในเมือง Bendern, Gamprin, Liechtenstein ระบุว่าชาวต่างชาติจะต้องอยู่ในถิ่นที่อยู่ไม่น้อยกว่า 30 ปี จึงจะมีสิทธิสมัครขอสัญชาติได้ แต่สามารถลดลงเหลือ 10 ปีได้ หากผู้สมัครได้รับ การโหวตจากชุมชนท้องถิ่น (Vote by Community) ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ หรือผ่านการสมรส ที่สามารถเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น โดยจะได้รับสัญชาติหลังจากผ่านไปเพียง 5 ปี
4. ภูฏาน
ราชอาณาจักรในเทือกเขาหิมาลัย ที่มีนโยบายการเข้าเมืองที่เข้มงวดสำหรับนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติที่ต้องการขอสัญชาติภูฏาน ผู้ที่ไม่ได้เกิดจากพ่อแม่ชาวภูฏานทั้งคู่จะต้องพำนักอยู่ในประเทศอย่างน้อย 20 ปีจึงจะยื่นคำร้องได้ ภายใต้พระราชบัญญัติพลเมืองภูฏาน พ.ศ. 2528 ชาวต่างชาติจะต้องแสดงพฤติกรรมที่ไร้ที่ติในช่วงเวลานี้ โดยงดเว้นการแสดงความคิดเห็นเชิงลบใดๆ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ภูฏาน และทางการภูฏานมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคำร้องขอสัญชาติโดยไม่ต้องแจ้งเหตุผล และสัญชาติอาจถูกเพิกถอนได้หากบุคคลใดพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับกษัตริย์หรือประเทศในอนาคต
5. ซาอุดีอาระเบีย
ประเทศที่ร่ำรวยน้ำมันและเป็นที่ตั้งของนครเมกกะและเมดินา ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาอิสลาม ผู้สมัครจะต้องอาศัยอยู่ในประเทศนี้อย่างน้อย 10 ปี และมีทักษะภาษาอาหรับที่คล่องแคล่ว นอกจากนี้เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียยังระบุว่า บุคคลที่จะขอสัญชาติต้องมีประวัติอาชญากรรมที่สะอาด และต้องผ่านการประเมินเบื้องต้นว่า "โดยทั่วไปถือว่ามีศีลธรรม" การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการยื่นขอสัญชาติขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ซาอุดีอาระเบียไม่ยอมรับการถือสองสัญชาติ จึงจำเป็นต้องสละหนังสือเดินทางฉบับเดิม
6. คูเวต
กฎหมายแห่งชาติของประเทศคูเวต พ.ศ. 2502 ระบุว่า บุคคลใดที่จะขอสัญชาติ จะต้องอาศัยอยู่ในประเทศคูเวตเป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปี สามารถพูดภาษาอาหรับได้คล่อง และยึดมั่นในศาสนาอิสลามไม่ว่าจะโดยกำเนิดหรือการเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามก็ตาม จึงจะมีสิทธิขอสัญชาติได้ นอกจากนี้ประเทศคูเวตยังไม่ยอมรับการมีสัญชาติคู่เช่นกัน
7. สวิตเซอร์แลนด์
มีกระบวนการขอสัญชาติที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ชาวต่างชาติที่ต้องการเป็นพลเมืองสวิส ต้องพำนักอยู่ในประเทศอย่างน้อย 10 ปี และถือใบอนุญาตพำนักประเภท C สามารถในการใช้ภาษาประจำชาติของสวิตเซอร์แลนด์ (เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี หรือโรมานช์) กระบวนการแปลงสัญชาติของสวิตเซอร์แลนด์ประกอบด้วยขั้นตอนการอนุมัติจากรัฐบาลกลาง รัฐบาลกลางระดับจังหวัด และรัฐบาลส่วนท้องถิ่นหลายขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน
8. ประเทศจีน
เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ก็มีอุปสรรคสำคัญต่อความเป็นพลเมืองของชาวต่างชาติเช่นกัน กำหนดให้ชาวต่างชาติมีโอกาสได้รับสัญชาติได้จำกัด โดยส่วนใหญ่ผ่านความสัมพันธ์ทางครอบครัวหรือ เหตุผลอันชอบธรรมอื่นๆ แต่กฎหมายยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาการพำนักอาศัยที่แน่นอน
9. เกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือ ประเทศที่ลึกลับและโดดเดี่ยว แม้ว่าเกณฑ์ในการขอสัญชาติเกาหลีเหนือยังไม่ได้รับการบันทึกไว้อย่างชัดเจน แต่รายงานที่ตีพิมพ์ภายใต้มหาวิทยาลัย Southern Methodist ในรัฐเท็กซัส ระบุว่าคณะผู้บริหารของสภานิติบัญญัติประชาชนสูงสุดมีหน้าที่รับผิดชอบในการให้สัญชาติ นอกจากนี้เกาหลีเหนือไม่ยอมรับการมีสัญชาติคู่ ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความท้าทายมากที่สุดในการขอสัญชาติ
10. ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศที่มีหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นหนึ่งในประเทศที่ยังคงรักษาข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับการแปลงสัญชาติ ชาวต่างชาติต้องอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี และแสดงให้เห็นถึงความประพฤติที่เที่ยงธรรม
ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่ยอมรับการถือสองสัญชาติ แต่ข้อกำหนดด้านภาษาค่อนข้างผ่อนปรน โดยกำหนดให้มีความสามารถพื้นฐานที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวัน เกณฑ์ที่เข้มงวดเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความท้าทายมากที่สุดในโลกในการขอสัญชาติ
สรุปข้อกำหนดทั่วไปที่มักใช้พิจารณาในหลายประเทศ
ส่วนการขอสัญชาติไทย ชาวต่างชาติสามารถยื่นคำขอเพื่อขอถือสัญชาติไทยได้ โดยต้องมีมีคุณสมบัติและหลักฐานตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ต้องบรรลุนิติภาวะ มีถิ่นที่อยู่ต่อเนื่องในไทยไม่น้อยกว่า 5 ปี มีอาชีพสุจริต มีความรู้ภาษาไทย และมีความประพฤติดี โดยมีทั้งกรณีการขอแปลงสัญชาติ การขอถือสัญชาติตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติ และคุณสมบัติอื่นๆ เช่น มีความประพฤติดี โดยผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม มีความรู้ภาษาไทย สามารถพูดฟังได้ เข้าใจ และร้องเพลงชาติไทยกับเพลงสรรเสริญพระบารมีได้
ที่มา : jagran josh
Advertisement