
ไม่ใช่แค่สินค้าแฟชั่นหรูหราฟุ่มเฟือย ! กระเป๋า Hermès รุ่น Birkin และ Kelly ได้รับการยอมรับในฐานะ "สินทรัพย์เพื่อการลงทุนทางเลือก" ที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูง มีการเติบโตของมูลค่าเฉลี่ยต่อปีที่สูงกว่า "ทองคำและดัชนีตลาดหุ้นบางตัว" Amarin Online พาไปรู้จัก พอร์ตการลงทุนกระเป๋า Hermès แห่งแรกของโลก "Luxus" ที่ทำกำไรกว่า 34% แซงหน้าทองคำ
Jane Birkin เป็นแรงบันดาลใจและผู้มีส่วนร่วมในการออกแบบกระเป๋า Birkin รุ่นแรก ทำให้กระเป๋าใบนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง ในปี 2000 กระเป๋านี้ถูกซื้อในราคาประมาณ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,246,000 บาท
ในวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กระเป๋าใบนี้ถูกขายไปในราคา 10.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 328 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสถิติสำหรับกระเป๋าถือที่มีราคาสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการประมูล และจัดเป็นสินค้าแฟชั่นที่มีราคาสูงเป็นอันดับ 2 รองจาก "รองเท้าทับทิมของ Dorothy" จากภาพยนตร์ The Wizard of Oz
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่น่าตกตะลึงถึง 9,900% และ อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) ต่อปีที่ 20.3% เป็นเครื่องเตือนใจอันทรงพลังถึง มูลค่าการลงทุนที่ยั่งยืน ของกระเป๋า Hermès ที่หายาก
ภาพจาก : IG@luxusassets
1. ผลตอบแทนระยะยาว "กระเป๋า Hermès" สามารถ "แซงหน้าทองคำ"
งานวิจัยของ Baghunter (ปี 2016) คือแหล่งอ้างอิงที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดในการเปรียบเทียบผลตอบแทนระยะยาว โดยเปรียบเทียบผลตอบแทนสะสมในช่วง 35 ปี (ค.ศ. 1980–2015)
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (Average Annual Return)
ภาพ/ข้อมูลอ้างอิง : baghunter
อัตราผลตอบแทนรายปีของทองคำ (Gold's Annual Returns) ในช่วง 25 ปี ตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2025 อยู่ที่ประมาณ 10.9%
ภาพ/ข้อมูลสถิติอ้างอิง : Visual Capitalist
2. ผู้เชี่ยวชาญในตลาดซื้อขายสินค้าหรูหรามือสอง (Secondary Market) การันตี
เช่น James Firestein ผู้ก่อตั้ง OpenLuxury ยืนยันว่า มูลค่าขายต่อของกระเป๋า Birkin และ Kelly ได้ แซงหน้าทองคำ ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ราคา Birkin และ Kelly ในตลาดรองยังคงแสดงการเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากอุปสงค์สูงกว่าอุปทานที่ Hermès ควบคุมอย่างเข้มงวด
ด้าน Rachel Koffsky หัวหน้าฝ่ายกระเป๋าถือและเครื่องประดับระหว่างประเทศ ของสถาบันจัดการประมูลชั้นนำระดับโลก Christie's เผยว่า
"ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กระเป๋า Hermès Birkin และ Kelly ได้แสดงให้เห็นถึงความ ยืดหยุ่น และ การเพิ่มขึ้นของมูลค่า ราคาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี ในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 เมื่อความต้องการพุ่งสูงขึ้น ราคาก็ไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีการปรับฐานของตลาดหลังการระบาด แต่ระดับมูลค่าก็ยังคงอยู่สูงกว่าระดับก่อนการระบาด
(ช่วง Pandemic: ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่หลัง Pandemic: มีการปรับฐาน แต่ยังคงมีมูลค่าสูงกว่าระดับก่อนเกิดการระบาด)
แม้ว่ากระเป๋าบางสไตล์อาจประสบความผันผวนตามแนวโน้มหรือความพร้อมในการหาซื้อ แต่เส้นทางโดยรวมของตลาดรองสำหรับ Hermès Birkin และ Kelly ก็ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
3. ผลตอบแทนของกองทุน Luxus
กองทุนนำร่องของ Luxus ที่เน้นกระเป๋า Hermès สามารถสร้าง ผลตอบแทนสุทธิ (Net Return) ได้ถึง 34% ในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องและความสามารถในการทำกำไรสูงของสินทรัพย์ประเภทนี้ในตลาดปัจจุบัน
"Birkin" อาจทำกำไรได้มากกว่า "ทองคำ" นั้นมาจากคุณสมบัติหลัก 2 ประการ คือ
พอร์ตการลงทุนคือ กลุ่มของสินทรัพย์ทางการเงินหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่นักลงทุนถือครองอยู่รวมกันทั้งหมด เปรียบเสมือน "ตะกร้า" หรือ "แฟ้ม" ที่รวบรวมสินทรัพย์ทุกประเภทที่นักลงทุนใช้เพื่อสร้างผลตอบแทนและจัดการความเสี่ยง
องค์ประกอบหลักของพอร์ตการลงทุน สามารถประกอบด้วยสินทรัพย์หลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้
ประเภทสินทรัพย์ (Asset Class)
"Luxus" เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านความมั่งคั่ง (Wealth Tech Company) ก่อตั้งโดย Dana Auslander ประเภทธุรกิจแพลตฟอร์มการลงทุนแบบแบ่งส่วน (Fractional Investment Platform) สำหรับสินทรัพย์หรูหราทางเลือก (Alternative Luxury Assets) เดิมที Luxus มุ่งเน้นไปที่ อัญมณีมีค่าและเครื่องประดับชั้นสูง นาฬิกาหายาก ของสะสมหายากอื่น ๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ได้เปิดตัวกองทุนใหม่ พอร์ตการลงทุนแห่งแรกของโลก ที่ประกอบด้วยกระเป๋า Hermès ที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว (authenticated) โดยทำหน้าที่ คัดสรร การจัดโครงสร้าง และการสร้างรายได้จากโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์หรูหราที่หายากที่สุดในโลก
ขนาดกองทุนตั้งเป้าหมายระดุมทุน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มุ่งเน้นไปที่กระเป๋าถือหรูหรา โดยเฉพาะรุ่น Hermès Birkin และ Kelly ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment Asset Class) โดยกองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Christie's ซึ่งเป็นสถาบันจัดการประมูลชั้นนำระดับโลก ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน โดยมุ่งเน้นที่งานศิลปะ เครื่องประดับ และสินค้าหรูหราอื่น ๆ ในการตรวจสอบและจัดจำหน่ายสินทรัพย์
กองทุนนี้มีความโดดเด่นเนื่องจากเป็นการนำสินทรัพย์หรูหราที่หายากและมีมูลค่าสูงอย่างกระเป๋า Hermès มาจัดโครงสร้างให้เป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถลงทุนแบบแบ่งส่วน (Fractional Ownership) นักลงทุนยังได้รับสิทธิ์ในการเลือกซื้อกระเป๋าเหล่านั้นก่อนใคร
Luxus ได้ทำการทดสอบในช่วงนำร่องก่อนหน้านี้และประสบความสำเร็จอย่างน่าสนใจ
Dana Auslander เผยใน forbes ว่า "ความปรารถนาของฉันคือการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนทางเลือกมาโดยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่คือการลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์, ไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity) และ ไพรเวทเครดิต (Private Credit) แต่ฉันรักกลุ่มคนที่ชื่นชอบแฟชั่นเสมอมา และพยายามที่จะเติมความสนุกเล็กน้อยลงไปในโลกที่น่าเบื่อของไพรเวทอิควิตี้และเฮดจ์ฟันด์"
"แนวคิดหลักของฉันนั้นเรียบง่ายมาก นักลงทุนกับนักสะสมคือคนเดียวกัน ดังนั้นคุณต้องตอบสนองความต้องการของพวกเขาในรูปแบบเดียวกัน และพวกเขาต้องการที่จะสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่พวกเขาสะสมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ อัญมณี หรือ Hermès เชื่อฉันเถอะ ผู้คนมากมายสะสม Hermès"
ภาพ : LUXUS
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระเป๋า Hermès เป็นที่ปรารถนาอย่างมากคือ การรักษาสถานะความเป็นสินค้าหายาก (exclusive) ผู้คนไม่สามารถเดินเข้าไปในร้าน Hermès และซื้อกระเป๋า Birkin หรือ Kelly ได้ง่าย ๆ แต่ต้องได้รับเชิญเท่านั้น ทว่าหลักการนี้ไม่สามารถใช้ได้กับ ตลาดขายต่อ (resale market)
Luxus คัดเลือกกระเป๋าที่พวกเขาซื้อมาอย่างพิถีพิถัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันอยู่ใน สภาพสมบูรณ์ไร้ที่ติ การรับรองความถูกต้อง (Authentication) ของกองทุน Hermès โดย Luxus จะซื้อกระเป๋าสองประเภท คือ
ในขณะที่ตลาดขายต่อเครื่องประดับหรูพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สินค้าลอกเลียนแบบคุณภาพสูง (High-quality counterfeits) ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน คุณภาพของสินค้าลอกเลียนแบบ Hermès นั้นเหนือกว่ากระเป๋าหรูอื่น ๆ ทั้งหมด
องค์ประกอบหลักที่ใช้ในการตรวจสอบความถูกต้อง คือ
ภาพ : LUXUS
ด้วยการรับประกันความถูกต้อง Luxus ตั้งเป้าที่จะช่วยสร้างเสถียรภาพและกระตุ้นการเติบโตให้กับตลาดขายต่อสินค้าหรู อีกวิธีหนึ่งที่พวกเขาทำคือการสร้าง ดัชนีราคา Hermès (Hermès Pricing Index) เพื่อกำหนดข้อมูลตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าผู้หญิงจะเป็นลูกค้าหลักของกระเป๋า Birkin และ Kelly แต่ "ผู้ชาย" กลับเป็นผู้ลงทุนส่วนใหญ่ในกองทุนนี้
Auslander กล่าวว่า "ฉันคิดว่าผู้หญิงมีความกลัว พวกเขาไม่ชอบเสี่ยง พวกเขาไม่ชอบความล้มเหลว ส่วนผู้ชายไม่สน การสร้างผลตอบแทนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และผู้ชายเข้าใจในเรื่องนั้น"
"พวกเขาเข้าใจว่า ความไวรัลของกระเป๋า Birkin ทำให้มูลค่ามันเคลื่อนไหวเร็วมาก และด้วยเหตุนี้พอร์ตโฟลิโอของพวกเขาจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ สองเท่าหรือสองเท่าครึ่ง ซึ่งคุณไม่สามารถหาได้จากสินทรัพย์อื่น ๆ มันอาจจะเป็นกระเป๋า แต่มันคือ พอร์ตโฟลิโอ มันคือการลงทุน นักลงทุนไม่ได้เป็นเจ้าของกระเป๋า แต่พวกเขาเป็น เจ้าของส่วนแบ่งในกองทุน และนี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน'"
จุดสำคัญที่สุดคือ Luxus เปลี่ยนกระเป๋าถือให้เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่จับต้องไม่ได้ โดยนักลงทุนเป็น เจ้าของส่วนแบ่งของกองทุน ที่ลงทุนในกระเป๋า ไม่ใช่การเป็นเจ้าของกระเป๋าจริง ๆ ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนใหม่
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า กระเป๋า Hermès ได้ก้าวข้ามสถานะ "กระเป๋าถือหรูหรา" สู่การเป็น "สินทรัพย์ทางการเงิน" ที่เปี่ยมด้วยมูลค่าการลงทุน เคียงข้างอสังหาริมทรัพย์ งานศิลปะ และเครื่องประดับชั้นสูงที่มูลค่ามีแต่จะเพิ่มพูน
Advertisement