ส้มตำ เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่ต้นกำเนิดที่แท้จริงยังไม่ชัดเจนนัก อย่างไรก็ตาม มีข้อสันนิษฐานและข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับที่มาของส้มตำดังนี้
มะละกอเป็นพืชต่างถิ่น
พระเอกของส้มตำคือ "มะละกอ" ซึ่งเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง (บริเวณเม็กซิโกตอนใต้และคอสตาริกา) ชาวสเปนและโปรตุเกสนำเข้ามาปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ในช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา
การแพร่หลายของมะละกอในภาคอีสาน
มีการสันนิษฐานว่า ส้มตำมีที่มาที่ไปจากทางภาคอีสานของไทยเมื่อประมาณ 50-60 ปีที่แล้ว หรือในช่วงสงครามเวียดนาม (1 พฤศจิกายน 2498 – 30 เมษายน 2518) เนื่องจากมีการสร้างสะพานมิตรภาพเพื่อลำเลียงยุทโธปกรณ์ และมีการนำเมล็ดพันธุ์มะละกอมาปลูกตลอดสองข้างทางของถนนมิตรภาพ ทำให้มะละกอกลายเป็นพืชที่ปลูกทั่วไปในภาคอีสาน
ภูมิปัญญาชาวอีสาน
ด้วยภูมิปัญญาของชาวอีสาน จึงได้มีการนำมะละกอดิบมาปรุงเป็นอาหารรสแซ่บ โดยใช้วิธี "ตำ" ผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ จนกลายเป็นส้มตำที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน โดยคำว่า "ส้มตำ" มาจากภาษาท้องถิ่นของภาคอีสานและลาว โดยคำว่า "ส้ม" หมายถึง "เปรี้ยว" และ "ตำ" คือ การโขลกวัตถุดิบให้เข้ากันด้วยสาก ดังนั้น "ส้มตำ" จึงหมายถึง "อาหารรสเปรี้ยวที่เกิดจากการตำ" ในภาษาลาวและอีสานเรียกส้มตำว่า "ตำหมากหุ่ง" หรือ "ตำบักหุ่ง" (หมากหุ่ง/บักหุ่ง หมายถึง มะละกอ) บางครั้งก็เรียกว่า "ตำส้ม" ซึ่งคนไทยกลางนำมาเรียกสลับกันจนติดปากว่า "ส้มตำ"
การเผยแพร่ความนิยม
ส้มตำเริ่มเป็นที่รู้จักและโด่งดังอย่างแพร่หลายในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ เมื่อประมาณ 40-50 ปีที่แล้ว เมื่อคนอีสานจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และประกอบอาชีพเปิดร้านขายลาบ ส้มตำ ไก่ย่าง ทำให้ส้มตำกลายเป็นอาหารที่พบเห็นได้ทั่วไปเกือบทุกถนนทุกซอย
แม้ว่าส้มตำจะไม่ใช่อาหารโบราณดั้งเดิมของไทยหรือลาวอย่างแท้จริง เนื่องจากวัตถุดิบหลักหลายอย่าง รวมถึงเทคนิคการทำได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส้มตำเป็นอาหารยอดนิยมที่ครองใจคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากในปัจจุบัน
Advertisement