หลังคอดำ มดตอมฉี่ เป็นสัญญาณเบาหวานจริงหรือ? ระวัง! เบาหวานแฝงในอาหาร
ระวัง! เบาหวานแฝงในอาหาร ไม่กินหวาน ก็เป็นเบาหวานได้ “หลังคอดำ มดตอมฉี่” เป็นสัญญาณเบาหวานจริงเหรอ?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นพ.นิมิตร์ ศิริธนากิจ อายุรแพทย์เจ้าของช่อง “หมอหมี เม้าท์มอย” เปิดความจริงเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ที่คนไทยจำนวนมากยังเข้าใจผิด ผ่านรายการ Tuck Talk “หลังคอดำ มดตอมฉี่” เป็นสัญญาณเบาหวานจริงเหรอ? พฤติกรรมอะไรบ้าง ที่ทำให้น้ำตาลพุ่งโดยไม่รู้ตัว? อย่าคิดว่าแค่ไม่กินหวาน...แล้วจะรอดจากเบาหวาน!
เบาหวาน แบ่งเป็นกี่ชนิด
นพ.นิมิตร์ เผยว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยเบาหวาน 6.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 10 คน เบาหวานจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ชนิดที่ 1 มักพบในเด็กอายุน้อย เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายเซลล์ของตับอ่อน ไม่เกี่ยวกับการกินอาหารหรือพฤติกรรมต่างๆ เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายไปทำลายเซลล์ตับอ่อน ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนตัวหนึ่งที่ชื่อว่า อินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือด คือจะไปสั่งให้น้ำตาลของเราเข้าสู่เซลล์ เพื่อให้เซลล์เอาไปใช้ไปสลายน้ำตาลเป็นพลังงานที่เราทำงานได้ทุกวัน แต่พอเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ตัวเซลล์นั้นไม่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน น้ำตาลในเลือดก็เอาไปใช้ไม่ได้ พอเอาไปใช้ไม่ได้น้ำตาลก็จะสูงขึ้นๆ เรื่อยๆ กลายเป็นโรคเบาหวาน อาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ก็ได้ หรืออาจเกิดจากภูมิคุ้มกันที่ไปทำลายตัวเซลล์นั้น
ชนิดที่ 2 พบมากที่สุด โดยเฉพาะในคนไทยถึง 95% สาเหตุหลักคือ “โรคอ้วน” พอร่างกายมีภาวะอ้วนลงพุง ก็จะทำให้ร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน น้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนชนิดแรก ส่วนชนิดที่ 3 ก็จะเป็นชนิดอื่นๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือว่าคนที่เป็น ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง กินเหล้าเยอะจนตับอ่อนพัง ก็ผลิตอินซูลินไม่ได้ กลายเป็นโรคเบาหวานอีกชนิดหนึ่ง อย่างรก็ตาม หากป่วยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่จะหายหลังคลอด น้ำตาลจะกลับมาปกติ แต่บางคนก็ยังมีโอกาสเป็นเบาหวานได้ในภายหลัง ดังนั้นอาจจะต้องตรวจติดตามสุขภาพประจำปีเรื่อยๆ
การตรวจสุขภาพ เช็กค่าเบาหวาน
การตรวจสุขภาพประจำปี ควรดูค่า 2 ตัวเพื่อเช็กสัญญาณ คือ Fasting Blood Sugar (เจาะน้ำตาลขณะอดอาหาร) และ HbA1C (เจาะน้ำตาลสะสมในเลือด) ถ้าค่าน้ำตาลขณะอดอาหาร ต่ำกว่า 100 mg/dL = ปกติ ถ้า 101–125 mg/dL = ภาวะก่อนเบาหวาน และถ้า 126 mg/dL ขึ้นไป = เป็นเบาหวาน สำหรับค่า HbA1C ถ้ามากกว่า 6.5% ถือว่าเป็นเบาหวาน แต่ถ้าอยู่ระหว่าง 5.7–6.4% คือกลุ่มเสี่ยง
อาการของ เบาหวาน
ระยะเริ่มต้นของเบาหวาน อาการที่พบบ่อยคือ ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืนเกิน 3-4 ครั้งขึ้นไป ถือว่าเสี่ยง นอกจากนี้ หากมีอาการ เช่น หิวน้ำบ่อย อยากกินน้ำหวาน ปัสสาวะบ่อย หิวอาหารบ่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ก็ต้องเฝ้าระวังด้วย
หลังคอดำ มดตอมฉี่ เป็นสัญญาณเบาหวานจริงหรือ?
ความเชื่อที่ว่า "ฉี่มีมดตอม" เป็นเบาหวานนั้น คำว่า “เบาหวาน” แปลว่า “ฉี่หวาน” เพราะมีน้ำตาลในปัสสาวะ มดมาตอมได้จริง แต่จากประสบการณ์ของหมอ ส่วนใหญ่คนที่บอกว่ามีมดมาตอม พอเจาะเลือดจริงๆ กลับไม่พบว่าเป็นเบาหวาน บางทีบริเวณอาจจะเป็นทางเดินของมดอยู่แล้วด้วย ก็สามารถสงสัยได้เหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่ 100% ว่าจะเป็นเบาหวาน
ถ้าหลังคอดำ ต้องมาดูก่อนว่าตรงแผ่นคอผื่นที่ดำๆ มันมีลักษณะแบบไหน ถ้าขัดออกน่าจะเป็นขี้ไคลธรรมดา แต่ถ้าขัดไม่ออกก็อาจจะเป็นเบาหวาน สำหรับคนที่อ้วนมากๆ ก็จะทำให้บริเวณผิวหนังเกิดความเข้ม ตัวเม็ดสีเข้มมากขึ้นได้และเกิดการหนาตัวขึ้นมา
ปัจจัยเสี่ยงการเกิด เบาหวาน
พฤติกรรมการกินมีผลอย่างมากโดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 2 คนผอมก็เป็นเบาหวานได้ เพราะร่างกายเอาน้ำตาลไปใช้ไม่ได้ ก็จะสลายไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้แทน ทำให้ผอมลงเรื่อยๆ ส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คืออายุและพันธุกรรม โดย อาหารคือปัจจัยสำคัญที่สุด ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานควรจัดสัดส่วนอาหาร โดยแบ่งง่ายๆ คือ ครึ่งจานเป็นผัก ¼ เป็นข้าว (ควรเป็นข้าวกล้อง) อีก ¼ เป็นโปรตีน ข้าวกล้องจะมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวขาวถึง 2 เท่า แต่ถ้าผักหัว มันฝรั่ง มันเทศ จะมีแป้งเยอะ ถ้ากินพวกนี้ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้ แนะนำให้เลือกผักใบ ตำลึง ผักกาด ผักบุ้ง คะน้า กระหล่ำปลี บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ส่วนผลไม้รับประทานได้ แต่ควรเลือกผลไม้ที่น้ำตาลไม่สูง เช่น ฝรั่ง แก้วมังกร ชมพู่ หรือเบอร์รี่ ส่วนผลไม้ที่ควรเลี่ยงคือ ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วงสุก สำหรับของหวาน ไม่ถึงขั้นต้องงด แต่จำกัดปริมาณในการรับประทาน รู้จักโควต้าอาหารให้เหมาะสม
เบาหวานหายได้หรือไม่
เบาหวานหายขาดไม่ได้ แต่สามารถเข้าสู่ภาวะเบาหวานสงบได้ หมายถึง คุมน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้เกิน 3 เดือนโดยไม่ใช้ยา แต่ถ้ากลับไปใช้ชีวิตเดิมก็กลับมาเป็นได้อีก ส่วนที่มีบางคนถามว่า กินยาเบาหวานนานๆ จะทำให้ไตพังหรือไม่นั้น แท้ที่จริงแล้วสาเหตุหลักที่ทำให้ไตพังคือการปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงต่างหาก คนที่ไม่กินยาเลยยิ่งเสี่ยงไตเสื่อมมากกว่า ทั้งนี้มีงานวิจัยพบว่า คนที่เข้มงวดกับการควบคุมน้ำตาลในช่วง 5–6 ปีแรก จะมีภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า ไตเสื่อมช้ากว่า และลดโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่า เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ตัวว่าเป็นเบาหวานแล้ว ต้องตั้งใจควบคุมตั้งแต่ช่วงแรก ๆ
Advertisement
