ประสบการณ์ตรงจากคนเป็น เบาหวาน ไขมัน ความดัน ไขมันพอกตับ กรดไหลย้อน "หมอเจด" เผย 10 ข้อ เคล็ดลับพิชิตเบาหวาน
หมอเจด นายแพทย์ เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เผย "10 ข้อ ยาแรง แบบเถื่อนๆ ที่ทำให้หายเบาหวาน
คำแนะนำให้ปรึกษาหมอ เบาหวาน ตัวเองก่อนนะครับ สำหรับคนที่ทานยาหรือฉีดยาอยู่ รวมไปถึงคนที่มีโรคประจำตัวหลายโรค ตอนผมทำยาแรงแบบนี้บางข้อก็ถือว่าง่ายบางข้อก็ถือว่ายาก แต่ตอนที่ทำตั้งใจและไม่ได้กินยาอะไรเลยครับ ถ้าอ่านจบรบกวนบอกคนที่คุณรักให้ดูแลตัวเองหน่อย
1. เลิกน้ำทุกอย่างที่เป็นน้ำหวาน น้ำเต้าหู้ น้ำผลไม้
ชาใส่นม กาแฟที่ใส่ไซรัป น้ำโซดาทุกอย่างที่ใส่สี หลีกให้หมดครับ อันนี้เป็นข้อสำคัญข้อแรก ถ้าอยากกินน้ำเปล่า น้ำโซดาหรืออยากเรียกว่าสปาร์คกลิ้งก็ได้ชาใสเท่านั้น กาแฟดำ หรืออื่นๆ ที่ไม่มีรสชาติ
2. คาร์โบไฮเดรตถือว่าเป็นอาหารที่บางคนอาจจะบอกว่าจำเป็น บางคนก็อาจจะบอกว่าไม่จำเป็น อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ผมเชื่อว่าคนที่เป็นเบาหวาน แล้วอยากหายแบบยาแรง ต้องหลีกเลี่ยงให้หมด เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว อินซูลิน ก็ยังต้องออกมาทำงานอยู่เรื่อยเรื่อย เพราะการที่เป็นเบาหวานคือคุณดื้ออินซูลิน
3. ตอนผมกินก็จะเน้นโปรตีนกับไขมันเป็นหลัก จริๆ แล้วผักแทบจะกินน้อยมาก ผลไม้นี่เรียกว่าตัดทิ้งเกือบ 100% ตอนที่อยากหาย ไม่รู้ว่าอาโวคาโดคือผักหรือผลไม้ แต่ก็ลองกินโดยส่วนตัวไม่ค่อยอินเท่าไหร่ครับ หนักไปทางกินเนื้อวัวย่าง ปลาแซลมอนย่าง แล้วก็ไข่ ถือว่าเป็นอาหารหลักที่ทำให้อิ่มและกันตายได้ดีที่สุด
4. อันนี้เป็น option ที่ถ้าขายปรุงอาหารเองได้ผมว่ายังไก็น่าจะดี เพราะว่าเวลาไปซื้ออาหารมันหายากครับร้านที่ปรุงโดยที่ทำไม่อร่อย ซึ่งปกติแล้วเวลาอร่อยมันมักจะต้องมีผงชูรสบ้าง ผงนัวบ้าง หรือมีซอสหอยนางรม รวมไปถึงอูมามิอื่นๆปนมา ถ้าทำเองได้ยังไงก็ดี เกลือกับพริกไทยเท่านั้นแหละครับที่จะทำให้เรารอดตายได้
5. การกินให้ได้ปริมาณที่ดีเช่นกันเช่นการกินโปรตีนให้ถึงที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผม คนที่ไม่ได้เป็นโรคไตก็คือว่าเบาหวานยังไม่ลงไตนั่นแหละ ผมเลือกรับประทานโปรตีนประมาณ 1.5 กรัมถึง 2 กรัม ต่อกิโลต่อวัน ก็คือล่อเนื้อวันละประมาณ ครึ่งกิโลครับ
ส่วนตอนกลางคืนถ้าหิวก็มีไข่ต้มกับไข่ออนเซ็นเป็นเพื่อน ทำไปเรื่อยเรื่อยครับเดี๋ยวมันจะชินและเบื่อไปเอง
6. IF อันนี้จริงๆ แล้วคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญนะครับเพราะการทำจะช่วยให้เบต้าเซลล์ของตับอ่อน ที่เป็นตัวผลิตอินซูลินเนี่ยเค้าได้ฟื้นคืนชีพใหม่ คิดง่ายง่ายแล้วกันครับถ้าร่างกายยังต้องให้อินซูลินออกมาบ่อยบ่อยตัวผลิตที่ตับอ่อนคงไม่มีโอกาสได้พักครับ พอไม่ได้พักจะเอาเวลาที่ไหนมาหายเพราะฉะนั้นการทำ IF ส่วนตัวคิดว่าได้ผลในคนที่เป็นโรคอย่างดีเลยนะครับ แต่ก็ต้องระวังอย่างที่บอกถ้ากินยาลดน้ำตาลอันนี้ปรึกษาแพทย์ก่อน
7. NEAT จริงๆ แล้วคือการออกกำลังแบบไม่ออกกำลังครับ ยกตัวอย่างง่ายง่ายเช่นเดินขึ้นบันไดให้เยอะเยอะ เวลาแต่งหน้าก็อย่านั่งให้ยืนอยู่ เดินไปทำงานมากกว่าขึ้นลิฟต์หรือนั่งรถ จริงๆแล้วท่าไม้ตายที่ผมชอบสอนทุกคนก็คือการยืนเขย่งครับ เพราะทำให้ประตูรับน้ำตาลเปิดเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะหลังกินอาหารที่เป็นมื้อไหนที่มีน้ำตาลเข้ามาอันนี้ควรจะทำมากๆ
8. เพิ่มกล้ามเนื้อหรือเตาเผาให้มันใหญ่ขึ้นหน่อย จริงแล้วผมเชื่อว่าทุกคนรู้ครับว่ากล้ามเนื้อสำคัญ แต่จริงๆ แล้วการเสริมสร้างกล้ามเนื้อเนี่ยมันไม่ง่าย แต่ข้อดีคือมันทำได้ทั้งคนแก่ขนาดไหนก็ตามก็ขึ้นได้แต่จะขึ้นแล้วใหญ่หรือเล็กหรือช้าหรือเร็วเนี่ยอันเนี่ยมันแล้วแต่คน ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ให้ลุกนั่งนี่แหละครับ หรือไปเปิดดูบ้านแดงหาคลิปที่บอกว่าเพิ่มกล้ามเนื้อขาแบบคนแก่ อันนี้ก็น่าจะง่ายและทำดีทุกคน ส่วนใครที่จริงจังก็เต็มที่ได้เลยครับยังไงก็ดีกว่าอยู่แล้ว
9. เรื่องนอนอันนี้ก็สำคัญ จริงๆ แล้วเราก็รู้ครับว่าฮอร์โมนที่ออกมาตอนเรานอนหลับ Growth Hormone เดี๋ยวโคตรสำคัญ เพราะอะไรรู้มั้ยเพราะมันจะช่วยสลายไขมันในพุงและตับตอนที่เรานอนได้ แต่ฮอร์โมนตัวนี้มันจะไม่ออกมาเลยนะครับถ้ายังมีอินซูลินค้างอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าต้องกินข้าวก็อย่าเกิน 6 โมงเย็น ให้อินซูลินมันกลับไปอยู่ระดับปกติแล้วตัวเนี่ยมันจะออกมาเยอะ นอนเร็วก็ช่วย
10. ความเครียด พูดแล้วก็เครียด เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี โรคก็รุมเร้า แต่กำลังจะบอกว่ายิ่งเครียดน้ำตาลยิ่งพุ่ง ยิ่งเครียดยิ่งหิว ยิ่งเครียดอาจจะทำให้เส้นเลือดสมองแตกก็ได้นะ ยิ่งเครียดก็ยิ่งทำให้ปวดจุกแน่นท้องเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นให้นึกถึงเพลงพี่แบงค์วง Clash ไว้ จะเครียดไปทำไมก็ยิ้มเข้าไว้
ปล. ทุกข้อออกมาจากประสบการณ์ตรงของผมคนที่เป็นเบาหวาน ไขมัน ความดัน ไขมันพอกตับ กรดไหลย้อน นอนกรนจนกลั้นฉี่ไม่ได้ ยังไม่รวมถึงแรงดันในช่องปอดสูง และคิดว่าถ้าไม่กลับตัวกับใจยังไงก็คงจะเจอ Stoke แน่นอน"
Advertisement