สารหนู ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้รส เปรียบดั่ง "มัจจุราชเงียบ" เช็กอาการป่วยได้รับสารพิษเฉียบพลัน สะสมร่างกายนานก่อโรคร้ายอะไรบ้าง วิธีป้องกันสุขภาพ
สารหนู สารเคมีที่แม้จะดูไกลตัว แต่ความจริงแล้วใกล้กว่าที่คิด สามารถพบได้ในอาหารที่เรากิน น้ำที่เราดื่ม หรือแม้กระทั่งอากาศที่เราหายใจ
สารหนูเป็น "ภัยเงียบ" เพราะสามารถสะสมในร่างกายโดยไม่แสดงอาการในทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับก่อให้เกิดโรคร้ายแรงนานัปการ ตั้งแต่มะเร็ง จนถึงความผิดปกติทางระบบประสาท
Amarin Online จะพาคุณไปรู้จักกับสารหนู "มัจจุราชเงียบ" พร้อมเตือนถึงอันตรายที่อาจมาที่เราคาดไม่ถึงและวิธีการป้องกันตัวเอง
สารหนู (Arsenic) เป็นธาตุธรรมชาติที่พบได้ในเปลือกโลกในรูปแบบสารประกอบต่าง ๆ มีทั้งแบบอินทรีย์ และอนินทรีย์ ซึ่งรูปแบบหลังนี้มีความเป็นพิษสูงกว่าอย่างมาก
ประเภทของสารหนู
• สารหนูอินทรีย์ (Organic Arsenic) : พบในสัตว์ทะเล เช่น ปลา กุ้ง ปู โดยทั่วไปจะถูกขับออกจากร่างกายได้รวดเร็ว มีพิษน้อย
• สารหนูอนินทรีย์ (Inorganic Arsenic) : พบในน้ำใต้ดิน ดิน และหิน มีความเป็นพิษสูง ตกค้างในร่างกายได้นาน และเป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด
สารหนูเป็นสารไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส จึงไม่สามารถรู้ได้ว่ามีอยู่ในอาหารหรือน้ำได้จากการสัมผัสหรือชิม จำเป็นต้องใช้การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ
2. แหล่งที่มาของสารหนู
ธรรมชาติ
สารหนูสามารถพบได้ตามธรรมชาติในหิน ดิน และน้ำใต้ดินบางพื้นที่โดยเฉพาะแหล่งที่มีภูเขาไฟหรือเหมืองแร่เก่า เมื่อฝนตกลงมาหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของน้ำใต้ดิน สารหนูสามารถละลายเข้าสู่น้ำดื่มและเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร
การกระทำของมนุษย์
• อุตสาหกรรมเหมืองแร่ : การทำเหมืองโดยไม่จัดการสารพิษที่แฝงในหินอาจทำให้สารหนูแพร่สู่ดินและน้ำ
• การใช้สารเคมีทางการเกษตร : สารกำจัดศัตรูพืชบางชนิดในอดีตมีส่วนผสมของสารหนู แม้ปัจจุบันจะถูกห้ามใช้ในหลายประเทศ แต่ผลตกค้างในดินยังคงมีอยู่
• โรงงานอุตสาหกรรม : การผลิตเหล็ก เหล็กกล้า เซรามิกส์ และแก้วบางประเภทมีการใช้หรือปล่อยสารหนูออกสู่สิ่งแวดล้อม
สารหนูในน้ำ
น้ำบาดาลที่ไม่ผ่านการกรองอย่างเหมาะสมในหลายพื้นที่ทั่วโลกมีการพบสารหนูในปริมาณเกินมาตรฐาน องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดค่ามาตรฐานสารหนูในน้ำดื่มไม่เกิน 10 ไมโครกรัมต่อลิตร แต่ในบางประเทศ เช่น บังคลาเทศ พบได้สูงถึง 200–500 ไมโครกรัมต่อลิตร
• การดื่มน้ำ : แหล่งหลักในการรับสารหนูเข้าสู่ร่างกาย
• การรับประทานอาหาร : โดยเฉพาะข้าว ปลา อาหารทะเล
• การหายใจ : โดยเฉพาะในพื้นที่โรงงานที่มีการปล่อยสารหนู
• ทางผิวหนัง : จากการอาบน้ำหรือสัมผัสน้ำที่ปนเปื้อนสารหนูเป็นเวลานาน
เมื่อเข้าสู่ร่างกาย สารหนูจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด แพร่กระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ไต ผิวหนัง ปอด และสามารถสะสมอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน
สารหนูเป็นพิษที่ไม่ก่อให้เกิดอาการในทันทีหลังได้รับเข้าสู่ร่างกาย แต่เมื่อสะสมในระยะยาว สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรงจำนวนมาก โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่ค่อยๆ บั่นทอนสุขภาพจนผู้ได้รับพิษไม่ทันรู้ตัว
แม้ส่วนใหญ่สารหนูจะสร้างผลกระทบเรื้อรังในระยะยาว แต่หากร่างกายได้รับในปริมาณมากอย่างเฉียบพลัน อาการจะรุนแรงและสามารถทำให้เสียชีวิตได้
อาการทั่วไป
• คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง
• ท้องเสีย (บางครั้งรุนแรงถึงขั้นมีเลือด)
• อ่อนแรง ชัก หรือหมดสติ
• ความดันโลหิตลดลง หัวใจเต้นผิดปกติ
• อาจนำไปสู่ไตวายเฉียบพลันหรือเสียชีวิตภายใน 24–48 ชั่วโมง
2.1 มะเร็งชนิดต่างๆ
องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ สารหนูอนินทรีย์ เป็นสารก่อมะเร็งชนิดรุนแรงระดับ 1 (Group 1 Carcinogen)
• มะเร็งผิวหนัง: เป็นมะเร็งชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ที่สัมผัสสารหนูระยะยาว อาการอาจเริ่มจากจุดสีน้ำตาลบนผิวหนังที่กลายเป็นแผลเรื้อรัง
• มะเร็งปอด: เกิดจากการสูดดมสารหนูจากอากาศในพื้นที่เสี่ยง เช่น โรงงาน หรือเหมืองแร่
• มะเร็งตับและกระเพาะปัสสาวะ: จากการได้รับสารหนูผ่านทางอาหารและน้ำดื่มเป็นประจำ
2.2 โรคหัวใจและหลอดเลือด
การศึกษาหลายชิ้นชี้ว่าสารหนูเพิ่มความเสี่ยงต่อ
• ภาวะความดันโลหิตสูง
• ภาวะหลอดเลือดตีบ
• หัวใจวายเฉียบพลัน
โดยกลไกหนึ่งคือการที่สารหนูทำให้เกิด การอักเสบของเยื่อบุหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดการสะสมของคราบไขมันและอุดตัน
2.3 เบาหวานชนิดที่ 2
สารหนูส่งผลต่อ การทำงานของอินซูลิน และการตอบสนองของเซลล์ร่างกายต่ออินซูลิน ทำให้ความสามารถในการควบคุมระดับน้ำตาลลดลง เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานในกลุ่มที่ไม่เคยมีประวัติ
2.4 ระบบประสาทและสมอง
โดยเฉพาะในเด็กที่มีพัฒนาการทางสมองอย่างต่อเนื่อง สารหนูสามารถ
• ทำให้ ไอคิวต่ำลง
• เกิดความผิดปกติด้านการเรียนรู้และพฤติกรรม
• ทำให้เซลล์ประสาทเสียหายแบบไม่สามารถฟื้นตัวได้
ในผู้ใหญ่ อาจส่งผลต่อ
• ความจำเสื่อม
• ภาวะซึมเศร้า หรือวิตกกังวลเรื้อรัง
• ความสามารถในการตัดสินใจลดลง
2.5 ปัญหาทางผิวหนัง
• จุดดำตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า
• ผิวหนังหนาผิดปกติ (hyperkeratosis)
• ผื่นเรื้อรังที่ไม่หายขาด
3. กลุ่มเสี่ยงสูง
เด็กเล็ก
เด็กมีอวัยวะที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ การได้รับสารหนูแม้ในปริมาณน้อยก็อาจมีผลกระทบต่อระบบสมอง ระบบประสาท และการเจริญเติบโตในระยะยาว
หญิงตั้งครรภ์
การได้รับสารหนูในระหว่างตั้งครรภ์อาจนำไปสู่
• การแท้งบุตร
• ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำ
• ความผิดปกติของระบบอวัยวะและสมองของทารก
ผู้สูงอายุ
เนื่องจากระบบขับของเสียเสื่อมถอยตามอายุ สารหนูที่เข้าสู่ร่างกายจึงอาจสะสมในระดับที่สูงกว่าคนทั่วไป นำไปสู่โรคเรื้อรังอย่างรวดเร็วขึ้น
4.1 กลไกการเกิดพิษในระดับเซลล์
สารหนูส่งผลต่อ
• ไมโตคอนเดรีย (แหล่งผลิตพลังงานของเซลล์) ทำให้เซลล์ตายจากความเครียดภายใน
• การทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมดีเอ็นเอ
• ก่อให้เกิด อนุมูลอิสระ ที่ทำลายเซลล์
4.2 การกลายพันธุ์ของยีน
มีหลักฐานว่า สารหนูสามารถเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อบุคคลนั้นเท่านั้น แต่ยังอาจถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ด้วย
5. หลักฐานจากการศึกษา
• บังคลาเทศ: ประชากรกว่า 20 ล้านคนดื่มน้ำปนเปื้อนสารหนูที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ พบความสัมพันธ์กับอัตรามะเร็งผิวหนังและปอดที่สูงผิดปกติ
• ไต้หวัน: พบความชุกของโรคเบอร์เกอร์ (โรคหลอดเลือดอักเสบ) ในพื้นที่ที่มีสารหนูในน้ำดื่ม
• ไทย : ปลายปี พ.ศ. 2530 พื้นที่เหมืองแร่เก่า เช่น ที่ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช พบสารหนูปนเปื้อนในน้ำและดิน ทำให้มีผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังและโรคผิวหนังเรื้อรังจำนวนมาก
และล่าสุด 22 พ.ค. 2568 ปรากฏการณ์กระทบต่อสุขภาพของประชาชนชาวไทย และต้องเฝ้าระวังขณะนี้ก็คือการ พบสารหนูและตะกั่ว ปนเปื้อนในแม่น้ำกก จ.เชียงราย หลายจุดเกิดค่ามาตรฐาน
กระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งเตือนไปยังประชาชนหลีกเลี่ยงบริโภคปลาน้ำจืดในแหล่งน้ำที่มีความเสี่ยง พร้อมออกคำแนะนำในการป้องกันตนเองในเบื้องต้นสารพิษปนเปื้อน พร้อมตรวจหาสารหนูในระบบห่วงโซ่อาหารนาน 4 เดือน ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำประปาหมู่บ้าน และได้ประสาน รพ.สต.และโรงพยาบาลในพื้นที่เฝ้าระวังอาการผิดปกติที่อาจเชื่อมโยงกับพิษสารหนูและตะกั่ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยจากพิษสารหนูเรื้อรัง
• หากสงสัยว่าได้รับสารหนูเฉียบพลัน ให้รีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว
• ห้ามทำให้ผู้ป่วยอาเจียน
• พยายามจดจำหรือเก็บตัวอย่างอาหาร น้ำ หรือสารที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุ เพื่อนำไปให้แพทย์ตรวจสอบ
อ้างอิงข้อมูล : องค์การอนามัยโลก (WHO) / ฐานความรู้ความปลอดภัยด้านสารเคมี / อบจ.เชียงราย / human rights watch
Advertisement