มาเซราติ ฉลองการกลับมาผลิตรถที่โรงงานประวัติศาสตร์ Viale Ciro Menotti
มาเซราติ (Maserati) ได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ร่วมกับเมืองโมเดนา (Modena) ภายใต้คอนเซปต์ ‘Maserati Meccanica Lirica’ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกลับมาผลิตรถยนต์รุ่น กรันทูริสโม (GranTurismo) และ กรันคาบริโอ (GranCabrio) อีกครั้ง ณ โรงงานประวัติศาสตร์ Viale Ciro Menotti ซึ่งคอนเซปต์นี้เป็นการผสานศาสตร์แห่งวิศวกรรมเครื่องยนต์และศิลป์ทางดนตรีโอเปร่าเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ค่ำคืนแห่งโอเปร่า ณ โรงละคร Teatro Comunale
การเฉลิมฉลองเริ่มต้นด้วยค่ำคืนสุดพิเศษที่โรงละคร Teatro Comunale Modena Pavarotti-Freni โดยเนรมิตโรงละครให้เป็นประสบการณ์อันดื่มด่ำ ผสานศิลปะ ดนตรี และวิศวกรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ภายใต้ความร่วมมือกับ Sonus faber ผู้ผลิตเครื่องเสียงชั้นเลิศจากอิตาลี
วง Modena Philharmonic Orchestra ภายใต้การอำนวยเพลงของวาทยกร ฮิโรฟูมิ โยชิดะ ได้บรรเลงบทเพลงคลาสสิกจากโอเปร่า 'Turandot' ของ Puccini จนถึงจุดพีคในบทเพลง "Nessun dorma" และทันทีที่ถึงวรรค "Il suo nome è Amore" รถยนต์รุ่นพิเศษ ‘มาเซราติ กรันทูริสโม แมคคานิกา ลิริกา’ ซึ่งเป็นรถ One-off ที่ผลิตเพียงคันเดียว ก็เผยโฉมออกมา
ต่อด้วยบทเพลงของ ‘Dardust’ นักประพันธ์ชื่อดัง ที่นิยามอิตาเลียนโอเปร่าในมุมมองร่วมสมัยด้วยการผสมผสานดนตรีคลาสสิกและอิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันวิดีโอโฆษณาตัวใหม่ของ GranTurismo และ GranCabrio ที่ถ่ายทำในเมืองโมเดนาก็ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรก เพื่อถ่ายทอดความผูกพันระหว่างเมือง ดนตรี และเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของมาเซราติ
ค่ำคืนสุดพิเศษนี้ปิดท้ายด้วยดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในโถงโรงละคร โดยมีเมนูจากฝีมือของเชฟมิชลินสตาร์ระดับโลก มัสซิโม บอตตูรา ทูตแห่งความเป็นเลิศของโมเดนา
พิธีเปิดสายการผลิตและงานแสดงรถยนต์
วันถัดมา ไฮไลท์ย้ายไปยังโรงงานมาเซราติในเมืองโมเดนา กับพิธีตัดริบบิ้นเริ่มสายการผลิตรุ่น GranTurismo และ GranCabrio อย่างเป็นทางการ พร้อมการเยี่ยมชมโรงงานโฉมใหม่ และการเปิดตัวรถรุ่น 'Meccanica Lirica One-Off' อีกคันในรุ่น GranCabrio
กิจกรรมดำเนินต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์ Collezione Maserati Umberto Panini เพื่อรำลึกถึงมรดกทางเทคนิคและวัฒนธรรมของแบรนด์ และในช่วงสุดสัปดาห์ มีงาน Trident Experience ต้อนรับลูกค้าและสมาชิก Maserati Italia Club กว่า 100 ชีวิต บริเวณจัตุรัส Piazza Roma ใจกลางเมืองโมเดนา ถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่จัดแสดงรถมาเซราติกว่า 50 คัน โดยมีรถคลาสสิกรุ่น GT Spyder 3500 ปี 2553 เป็นไฮไลท์
ขบวนพาเหรดสู่สนามแข่งและความร่วมมือกับเมือง
เมืองโมเดนาได้แปลงโฉมเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ด้วยขบวนพาเหรดมาเซราติกว่า 60 คัน ทั้งรุ่นคลาสสิกและรุ่นปัจจุบัน ขับผ่านใจกลางเมืองไปยังพิพิธภัณฑ์ Panini นำขบวนโดยรถคลาสสิกรุ่น Ghibli ปี 2553, Sebring และ Indy ขณะที่รถรุ่นใหม่ก็มี เอ็มซี20 (MC20) รุ่นพิเศษ ที่สร้างขึ้นภายใต้โปรแกรม Fuoriserie มอบให้กับหลานของ Ettore Maserati ผู้ก่อตั้งแบรนด์
ขบวนพาเหรดสิ้นสุดที่ Modena Autodromo เพื่อมอบประสบการณ์สุดเร้าใจบนสนามแข่ง ทั้งการขับทดสอบ และกิจกรรม hot laps ไปกับนักแข่งมืออาชีพในซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นล่าสุด เช่น จีที2 สตราดาเล่ (GT2 Stradale) และ GranTurismo ที่มาพร้อมระบบท่อไอเสียแบบใหม่ เพื่อยกระดับเสียงเครื่องยนต์ให้เร้าใจยิ่งขึ้น
เมืองโมเดนายังร่วมฉลองด้วยกิจกรรม urban takeover ปรับสถานที่สำคัญของเมืองให้เต็มไปด้วยงานจัดแสดง ภาพ และการฉายภาพในธีมมาเซราติ พร้อมตกแต่งรถยนต์ด้วยลวดลายสีเหลือง–น้ำเงิน ซึ่งเป็นสีประจำเมือง ภายใต้สโลแกน ‘Modena, Città di Maserati’
งาน ‘Maserati Meccanica Lirica’ ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการกลับมาของ GranTurismo และ GranCabrio เท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ และคำมั่นในการลงทุนพัฒนาเมืองโมเดนาอย่างต่อเนื่อง โดยสื่อถึงปรัชญาที่ว่า "เครื่องยนต์มีท่วงทำนองเป็นของตนเอง ผสานดนตรีที่มีจิตวิญญาณแห่งกลไก" มาเซราติได้ค้นพบ "เสียงที่แท้จริง" ซึ่งเป็นเสียงแห่งความหรูหรา สไตล์อิตาเลียน และพลังแห่งความหลงใหลที่ดังก้องไปทั่วโลกอย่างสง่างาม
