การตัดสินใจซื้อรถมือสองเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรอบคอบสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับประวัติความเสียหายจากน้ำท่วม หากรถยนต์เคยถูกน้ำท่วมอย่างหนัก ความเสียหายที่เกิดขึ้นมักจะซ่อนเร้นอยู่ตามจุดต่างๆ และยากต่อการแก้ไขให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม ผู้ซื้อจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการสังเกตและตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนในทุกส่วนของรถยนต์
การตรวจสอบภายในห้องโดยสาร กลิ่นและร่องรอยความชื้น
จุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดแต่สำคัญที่สุดคือการใช้ประสาทสัมผัสในการตรวจสอบภายในห้องโดยสาร
- กลิ่น รถที่เคยถูกน้ำท่วมมักจะมี กลิ่นอับชื้น หรือ กลิ่นเหม็นสาบ ติดอยู่ แม้จะมีการทำความสะอาดอย่างดีแล้วก็ตาม หากกลิ่นอับลดลงแต่กลับมี กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดเข้มข้น เช่น กลิ่นคลอรีน กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศแรงๆ ที่ผิดปกติ ก็อาจเป็นความพยายามในการปกปิดกลิ่นอับชื้นเดิม
- พรมปูพื้นและฉนวนกันเสียง ลอง ยกหรือเปิดพรมปูพื้น บริเวณต่างๆ ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และในช่องเก็บของ หากพบร่องรอยของ คราบโคลน คราบน้ำ หรือ รอยด่าง บริเวณพรมหรือฉนวนใต้พรม หรือหากพรมดูใหม่ผิดปกติเมื่อเทียบกับอายุรถ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนตรวจสอบ รอยตะไคร่น้ำ หรือ คราบขี้ดินเลน ตามซอกหลืบที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่น ใต้เบาะนั่ง ใต้แผงคอนโซล หรือตามช่องเก็บของเล็กๆ
- เบาะนั่งและเข็มขัดนิรภัย สังเกตว่าเบาะนั่งมี คราบน้ำ หรือ รอยด่าง หรือไม่ ลองเลื่อนเบาะไปข้างหน้าและหลังเพื่อดู รางเลื่อนเบาะ หากมี สนิม มากผิดปกติหรือสนิมขึ้นตามน็อตยึดฐานเบาะ อาจบ่งชี้ถึงการถูกน้ำท่วมถึงระดับเบาะดึงเข็มขัดนิรภัย ออกมาจนสุด สังเกตว่ามี คราบน้ำ คราบโคลน หรือ รอยด่าง ติดอยู่บนสายเข็มขัดหรือไม่ เพราะสายเข็มขัดจะเก็บซ่อนร่องรอยของระดับน้ำที่เคยท่วมถึงได้อย่างดี
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
น้ำเป็นศัตรูตัวฉกาจของระบบไฟฟ้า การตรวจสอบระบบนี้จึงสำคัญมาก
- กล่องฟิวส์ และปลั๊ก/ข้อต่อสายไฟ ตรวจสอบ กล่องฟิวส์ ทั้งในห้องโดยสารและในห้องเครื่องยนต์ ลองดึงฟิวส์บางตัวออกมาดู หากพบ คราบขี้เกลือ คราบสนิมสีเขียว/ขาว หรือ ร่องรอยการกัดกร่อน บนขั้วฟิวส์หรือบนข้อต่อของสายไฟที่ต่อเข้ากับกล่องฟิวส์ ให้ถือเป็นสัญญาณอันตราย
- อุปกรณ์ไฟฟ้าและสวิตช์ ทดลองเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าทุกชนิด เช่น วิทยุ, ไฟหน้า/ไฟท้าย, ไฟตัดหมอก, ระบบปรับอากาศ, กระจกไฟฟ้า, ที่ปัดน้ำฝน หากพบว่าอุปกรณ์บางอย่างทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย หรือสวิตช์ต่างๆ มีความแข็งกระด้างหรือเป็นสนิม ก็แสดงว่าน้ำอาจเข้าถึงแล้ว
- กล่องควบคุม (ECU/ECM) กล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์มักจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง แต่หากรถท่วมหนักก็อาจเสียหายได้ หากกล่องมี รอยการเปลี่ยนใหม่ หรือมี คราบน้ำ/โคลน ติดอยู่ หรือมีรอยแกะซ่อมแซมที่ไม่เป็นมาตรฐาน อาจเป็นรถที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
การตรวจสอบห้องเครื่องยนต์และช่วงล่าง
แม้จะมีการทำความสะอาดห้องเครื่อง แต่ร่องรอยบางอย่างก็ยากที่จะซ่อนได้มิด
- รอยสนิมในห้องเครื่อง ตรวจสอบตามจุดที่เป็นเหล็กโดยไม่มีการเคลือบสี เช่น น็อต สกรู ข้อต่อโลหะ และ โครงยึดต่างๆ ในห้องเครื่อง หากมี สนิม หรือ คราบขี้เกลือ มากเกินกว่าการใช้งานปกติ หรือดูเหมือนมีการทำความสะอาดแบบเร่งรีบ อาจบ่งชี้ว่าเคยจมน้ำ
- ของเหลวในรถ น้ำมันเครื่อง/น้ำมันเกียร์ ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์มาดู หากน้ำมันมีลักษณะ ขุ่นข้นคล้ายนม หรือมีสีผิดปกติ แสดงว่ามีน้ำปนเปื้อนเข้าไปในระบบน้ำมันเบรก/น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ตรวจสอบในกระปุกว่ามีสิ่งผิดปกติหรือน้ำปนเปื้อนหรือไม่
- ช่วงล่างและใต้ท้องรถ ก้มลงตรวจสอบ ใต้ท้องรถ ซุ้มล้อ และ บริเวณแชสซีส์ (โครงตัวถัง) ให้ละเอียดเพื่อหาร่องรอยของ คราบโคลนแห้งกรัง คราบตะกอน หรือ สนิม ที่ผิดปกติในจุดที่ไม่ควรมีสนิม หากพบร่องรอยที่ชัดเจนอาจหมายถึงการจมน้ำลึก
การตรวจสอบภายนอกและรอยต่อตัวถัง
ร่องรอยภายนอกอาจบ่งบอกระดับน้ำที่เคยท่วมถึงได้
- ยางขอบประตูและฝากระโปรง เปิดประตูทุกบาน ฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย แล้วตรวจสอบ ขอบยาง รอบๆ ว่ามี ร่องรอยคราบน้ำ หรือ คราบโคลน อยู่ด้านในหรือไม่ หากมีการถอดเปลี่ยนยางใหม่ก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ไฟส่องสว่าง สังเกตใน โคมไฟหน้า/ไฟท้าย ว่ามี รอยคราบน้ำ หรือ รอยฝ้า หลงเหลืออยู่หรือไม่ หากมีการถอดออกมาทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด ก็อาจจะต้องสงสัย
- ยางอะไหล่และเครื่องมือช่าง เปิดช่องเก็บยางอะไหล่ท้ายรถ ตรวจสอบ ยางอะไหล่ แม่แรง และ เครื่องมือช่างประจำรถหากมี สนิม หรือ คราบน้ำ/โคลน ในบริเวณนี้ แสดงว่าน้ำท่วมถึงระดับท้ายรถแล้ว
ตรวจสอบประวัติและการซ่อมบำรุง
การตรวจสอบเอกสารจะช่วยยืนยันข้อมูลที่ได้จากการสังเกต
- ประวัติการซ่อม ขอ ประวัติการซ่อมบำรุง จากเจ้าของเดิมหรือศูนย์บริการ หากพบว่ามีการ เปลี่ยนอะไหล่ชุดใหญ่หลายชิ้นพร้อมกัน หรือมีการซ่อมระบบไฟฟ้า/เครื่องยนต์ในช่วงเวลาที่ตรงกับฤดูน้ำท่วมในพื้นที่นั้นๆ อาจเป็นหลักฐานประกอบ
- ความสม่ำเสมอของสีและชิ้นส่วน หากรถเคยถูกน้ำท่วมถึงระดับที่ต้องรื้อชิ้นส่วนภายในออกมาซักล้าง การประกอบกลับเข้าไปอาจมีตำหนิ สังเกตว่า สีรถมีความสม่ำเสมอ หรือไม่ หรือมี ร่องรอยการถอดประกอบ น็อตหรือชิ้นส่วนที่ไม่เรียบร้อย เช่น มีรอยไขควงที่หัวน็อตมากผิดปกติ
การตรวจสอบรถมือสองที่ต้องสงสัยว่าเคยถูกน้ำท่วมนั้นต้องใช้เวลาและความละเอียดอ่อน หากคุณพบสัญญาณเตือนแม้เพียงเล็กน้อยและไม่มั่นใจ ควรพาช่างผู้เชี่ยวชาญ หรือ ช่างที่ไว้ใจได้ ไปช่วยตรวจสอบด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดร่องรอยความเสียหายที่ซ่อนเร้นอยู่ การซื้อรถยนต์ที่มีประวัติน้ำท่วมมาอย่างหนักมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาจุกจิกตามมาในภายหลัง ทั้งในด้านความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ไม่จบสิ้น