
รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง ถือได้ว่าท้าทายและปราบเซียนเต็นท์รถมือสองในประเทศไทยเป็นอย่างมาก บางเจ้าลองเข้าไปลงทุนก็ต้องรีบหันหลังกลับ ทำให้เกิดกระแสความหวาดหวั่น โดยเฉพาะที่วันดีคืนดีรถป้ายแดงนึกจะลดราคาก็ทำให้หน้าหงาย พ่อค้าก็พากันติดดอยไม่แพ้เจ้าของรถได้เหมือนกัน
34AUTO จะพาไปพูดคุยกับเจ้าของเต็นท์รถ ราชพฤกษ์ พี คาร์เซ็นเตอร์ ที่จะทำให้เราได้เห็นมุมในทางฝั่งคนค้าขายที่คนภายนอกอาจยังไม่รู้ แม้จะไม่ได้สวยหรู แต่มันก็คงไม่โหดร้ายจนขนาดสิ้นทางทำกิน หลายคำถามได้คำตอบที่ฟังแล้วชุ่มใจ แต่บางคำตอบฟังแล้วก็สะท้อนอะไรบ้างอย่างเช่นกัน
คุณอินดี้ เจ้าของราชพฤกษ์ พี คาร์เซ็นเตอร์ บอกว่าตนเองเป็นหนึ่งในผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มแรกๆ ในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยรถ MG ZS ที่วิ่งได้ 2 ร้อยกิโลเมตรนิดๆ ต่อการชาร์จ ก่อนจะขยับไป BYD ATTO3 โดยตนเองเป็นคนที่ไปต่อคิวที่หน้าโชว์รูมในวันเปิดตัว พร้อมจ่ายเงินสดและขับรถกลับบ้านทันที (เหตุการณ์นี้ใครหลายคนต้องจำกันได้ มันคือปรากฎการณ์ในวงการยานยนต์บ้านเราจริงๆ ณ ขณะนั้น) หรือกระทั่งรถ Tesla เองตนก็ผ่านมา จากตอนราคา 4 ล้าน พอเข้ามาทำตลาดในไทยเหลือล้านสี่ แต่การเอาตัวรอดคือขายคันเก่า เพื่อเติมเงินไปซื้อคันใหม่ ก็ทำให้ไม่เจ็บตัวเยอะ มันทำให้เราเห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้ามือสองมันขายได้ โดยเฉพาะช่วงที่คนต้องรอรถกันนานหลายเดือน บางคนเขาต้องการใช้รถทันที เขาก็เลือกที่จะมาซื้อมือสองที่ได้รถเลย ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นรถปีใหม่ เลขไมล์ไม่กี่พันกิโลเมตรเท่านั้น
คุณอินตอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มอย่างอารมณ์ดีว่า จริงๆ มันต่างกันเลย ไม่เหมือนกันเลยนะทั้งรถไฟฟ้า และรถน้ำมัน คำถามแรกไม่เหมือนกันเลย รถสันดาปจะถามว่ามีชนมาไหมมีอุบัติเหตุมาหรือเปล่า ส่วนรถไฟฟ้าถามคำแรกเลยแบตเตอรียังดีไหม เคยโดยอะไรมาหรือเปล่า เรื่องโครงสร้างไว้ที่หลังเลย ยกขึ้นดูใต้ท้องก่อนเลยว่าแบตเตอรีมีกระแทกมามั้ย เพราะบางทีถ้าเกิดปัญหากับตัวแบตเตอรีส่วนมากประกันจะคืนทุน เพราะฉะนั้นเรื่องแบตเตอรีเป็นปัจจัยอันดับหนึ่ง
ส่วนโครงสร้างของรถยนต์ไฟฟ้ามือสองก็ต้องดู แต่ถ้าโครงสร้างไม่ได้จริงๆ ก็ยังสามารถซื้อเพื่อเอาอะไหล่หรือแบตเตอรีไปใช้ในรถคันอื่นต่อไปได้ เพราะมูลค่าแบตเตอรีมันแพง เหมือนบางคันแบตเตอรี่เนี่ย 3 แสน ส่วนรถขายหน้าเต็นท์ก็ 3 แสน!
คำตอบคือมีหลายแหล่ง ส่วนในยุคแรกๆ ก็ซื้อจากเจ้าของที่ใช้แล้วไม่ชอบเราก็ไปรับซื้อ กับอีกแบบคือเปลี่ยนรถเพื่ออัพเกรดเป็นรุ่นใหม่ที่วิ่งได้ไกลขึ้น คนใช้รถไฟฟ้าเปลี่ยนเร็วกว่ารถน้ำมันเยอะ เพราะเพิ่มเงินนิดเดียวได้รุ่นใหม่ ปีนี้เป็นปีที่ซื้อรถไฟฟ้าง่ายมาก เพราะเข้าสู่ตลาดมือสองเยอะ รถป้ายแดงราคาลดเยอะมากทำให้บางคนไม่อย่างผ่อน ไม่อยากใช้ต่อ ปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึด
คุณอินเล่าแบบติดตลกว่า ต้องขอบคุณแบรนด์ Neta ทำให้คนไทยมีรถยนต์ไฟฟ้ามือสองใช้เพียบเลย คนเอามาขาย คนเอามาเปลี่ยน คนเอาเข้าลานประมูล เอามาปล่อยเยอะมาก นี่คือสิ่งที่ประหลาดที่สุดในรอบ 20-30 ปี การลดราคาทำให้เกิดการเปลี่ยนรถบ่อย ทำให้หารถยนต์ไฟฟ้ามือสองได้ไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน
ปัจจุบันเนต้าหน้าเต็นท์ขายอยู่แสนกว่าบาท ในขณะที่รถกอล์ฟราคา 2-2.5 แสนบาท ถูกกว่ารถกอล์ฟอีก ผมเลยขายหมดเกลี้ยงเลย มีจอดอยู่ 1 คันก็มีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว ปล่อยเร็วมาก
ถามคุณอินว่าไม่กลัวหรือถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วรถป้ายแดงรุ่นที่มีลดราคาฮวบ คุณอินตอบว่า เรียกว่ากลัวไม่ได้ เพราะเราอยู่ในธุรกิจยังไงก็ต้องซื้อต้องขาย แต่เราต้องระวังมากกว่า ว่ารุ่นนี้ราคามันจะไปทางไหน ราคาห่างกับคู่แข่งรุ่นอื่นมากน้อยแค่ไหน ต้องคอยจับสัญญาณ อย่างเช่น ATTO กับ Dolphin ที่ยอดขายเริ่มหาย สุดท้ายก็ต้องลดราคา ต้องเข้าใจตลาด โดยในปัจจุบันที่เต็นท์มีรถยนต์ไฟฟ้ามือสองอยู่ 60-70 คัน คิดเป็นราว 80% เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป
คุณอินยังเล่าต่อว่าปัจจุบันค่าไฟของที่เต็นท์เหลือไม่ถึงพันบาท ปกติติดโซล่าเซลล์พอแสงหมด ค่าไฟก็มา วันนี้เราเจอ Solution ใหม่ ไปเจออุปกรณ์จากญี่ปุ่น โดยสามารถดึงไฟจากรถกลับไปจ่ายให้ภายในบ้าน โดยสามารถดึงไฟฟ้าได้กำลังไฟ 10-20 kW ทำให้รถไฟฟ้ากลายเป็นแบตเตอรีวิ่งได้
ยังมีเรื่องราวที่น่าประหลาดใจ และคิดไม่ถึงอีกเยอะจากคำสัมภาษณ์คุณอิน เจ้าของ ราชพฤกษ์ พี คาร์เซ็นเตอร์ สามารถรับชมตัวเต็มได้ที่ รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง ออกรถยาก ดาวน์สูง ดอกแพง แต่เนต้าคนตามหาจนเกลี้ยง