Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
การจับพวงมาลัยรถยนต์ที่ถูกต้อง หัวใจของการควบคุมและความปลอดภัย

การจับพวงมาลัยรถยนต์ที่ถูกต้อง หัวใจของการควบคุมและความปลอดภัย

11 ส.ค. 68
12:00 น.
แชร์

การจับพวงมาลัยอาจดูเป็นเรื่องพื้นฐานที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่าทางการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของความถนัดส่วนบุคคล แต่เป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมรถอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยังส่งผลต่อความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่อีกด้วย หลักการจับพวงมาลัยที่ถูกต้องในแง่มุมต่าง ๆ ตั้งแต่ท่าทางพื้นฐาน เทคนิคการหมุน ไปจนถึงข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม

ทำไมการจับพวงมาลัยถึงสำคัญ?

หลายคนอาจคิดว่าจับแบบไหนก็ได้ ขอแค่รถไปได้ก็พอ แต่ในสถานการณ์จริงบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การเลี้ยวโค้ง การเปลี่ยนเลน หรือแม้แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องจะช่วยให้

  • ควบคุมรถได้แม่นยำสูงสุด การกระจายน้ำหนักและแรงที่เหมาะสม ทำให้สามารถบังคับทิศทางรถได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยเฉพาะในความเร็วสูงหรือขณะเข้าโค้ง
  • ตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ทันท่วงที เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น มีสิ่งกีดขวางกะทันหัน หรือรถเสียการทรงตัว การจับพวงมาลัยที่มั่นคงจะช่วยให้หักหลบหรือแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ ท่าทางที่เหมาะสมจะช่วยลดภาระที่แขน ไหล่ และหลัง ทำให้ขับขี่ได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากเกินไป
  • ความปลอดภัยของถุงลมนิรภัย การวางมือที่ตำแหน่งที่ถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงที่มือหรือแขนจะไปขวางทิศทางของถุงลมนิรภัยเมื่อเกิดการชน ทำให้ถุงลมนิรภัยทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและลดการบาดเจ็บจากการระเบิดของถุงลม

ตำแหน่งการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง "9 นาฬิกา 3 นาฬิกา" หรือ "10 นาฬิกา 2 นาฬิกา"

หลักการสากลที่แนะนำสำหรับการจับพวงมาลัยคือการวางมือทั้งสองข้างในตำแหน่งที่สมมาตรกัน โดยเปรียบเทียบกับหน้าปัดนาฬิกา

  • ตำแหน่ง "9 นาฬิกา 3 นาฬิกา" เป็นตำแหน่งที่ได้รับการยอมรับและแนะนำมากที่สุดในปัจจุบัน มือซ้ายอยู่ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และมือขวาอยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาข้อดี ให้การควบคุมที่ดีเยี่ยม ลดความเสี่ยงที่แขนจะไปขวางถุงลมนิรภัยที่มักอยู่ตรงกลางพวงมาลัย นอกจากนี้ยังเป็นตำแหน่งที่กล้ามเนื้อแขนและไหล่ผ่อนคลาย ทำให้ขับขี่ได้นานขึ้นและควบคุมได้ดีในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ตำแหน่ง "10 นาฬิกา 2 นาฬิกา" เป็นตำแหน่งที่เคยนิยมใช้ในอดีต และยังคงใช้ได้ดีในบางกรณี โดยเฉพาะในรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่มีถุงลมนิรภัย หรือผู้ที่ต้องการองศาการเลี้ยวที่กว้างขึ้นเล็กน้อยข้อดี ยังคงให้การควบคุมที่ดี แต่ในรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีถุงลมนิรภัย การวางมือในตำแหน่งนี้อาจทำให้แขนไปปะทะกับถุงลมนิรภัยที่ระเบิดออกมา ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้

ไม่ว่าจะเลือกตำแหน่งใด สิ่งสำคัญคือ

  • จับให้กระชับให้ถนัดมือ แต่ไม่เกร็ง แรงบีบที่พอเหมาะช่วยให้ควบคุมรถได้ แต่การบีบแน่นเกินไปจะทำให้เมื่อยล้าเร็วและลดความไวในการตอบสนอง
  • หัวแม่มือโอบรอบพวงมาลัย ไม่ควรวางหัวแม่มือไว้ด้านบนหรือด้านในพวงมาลัย เพราะอาจได้รับบาดเจ็บหากถุงลมนิรภัยทำงาน หรือเมื่อรถตกหลุมอย่างแรง

ท่านั่งที่เหมาะสม จุดเริ่มต้นของการควบคุมที่ดี

ก่อนจะพูดถึงการจับพวงมาลัย ต้องแน่ใจว่าท่านั่งขับขี่ของคุณถูกต้อง เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ส่งผลต่อการควบคุม

  1. ปรับระยะห่างเบาะนั่ง เหยียบแป้นเบรกจนสุด โดยขาต้องงอเล็กน้อย ไม่เหยียดตึง
  2. ปรับพนักพิง พิงพนักพิงให้หลังตรง แขนสามารถงอเล็กน้อยเมื่อจับพวงมาลัยที่ตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกา ข้อมือต้องวางบนส่วนบนสุดของพวงมาลัยได้โดยที่หัวไหล่ยังคงติดกับพนักพิง
  3. ปรับระดับความสูงของเบาะ (ถ้ามี) เพื่อให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ดีที่สุด และไม่บดบังหน้าปัด
  4. ปรับพวงมาลัย (ถ้าปรับได้) ปรับความสูงและความลึกให้เหมาะสม เพื่อให้จับได้ถนัดที่สุด และไม่บดบังหน้าปัด

เทคนิคการหมุนพวงมาลัยที่ถูกต้อง

การหมุนพวงมาลัยมีหลายเทคนิค ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

  1. เทคนิค "มือผลัก-มือดึง" (Push-Pull/Shuffle Steering) ใช้เมื่อ เลี้ยวในมุมปานกลางถึงกว้าง หรือขับขี่บนถนนที่มีโค้งต่อเนื่องวิธี มือข้างหนึ่ง (เช่น มือขวา) ดึงพวงมาลัยลง ขณะที่มืออีกข้าง (มือซ้าย) ผลักพวงมาลัยขึ้นในทิศทางเดียวกัน สลับกันไปเรื่อยๆ โดยมือไม่ไขว้กันข้อดี ควบคุมพวงมาลัยได้อย่างราบรื่นและแม่นยำตลอดเวลา มือไม่ไขว้กัน ลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากถุงลมนิรภัย และสามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้รวดเร็ว
  2. เทคนิค "มือไขว้" (Hand-Over-Hand) ใช้เมื่อ เลี้ยวหักศอก หรือกลับรถ ที่ต้องใช้การหมุนพวงมาลัยจำนวนมากวิธี มือข้างหนึ่งหมุนพวงมาลัย แล้วมืออีกข้างสอดข้ามไปจับแล้วหมุนต่อ สลับกันข้อควรระวัง แม้จะหมุนได้เร็ว แต่การไขว้มืออาจทำให้เสียการควบคุมชั่วขณะ และเป็นอันตรายหากถุงลมนิรภัยทำงานกะทันหัน ควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการไขว้มือทิ้งไว้นาน
  3. เทคนิค "หมุนด้วยมือเดียว" (One-Handed Steering) ใช้เมื่อ ถอยจอด หรือเลี้ยวเข้าซองในพื้นที่แคบมากๆ ที่ต้องหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วและใช้ความแม่นยำน้อยกว่า เช่น ใช้มือเดียวหมุนพวงมาลัยไปทางด้านบนข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ในการขับขี่ปกติ เพราะจะทำให้การควบคุมรถด้อยประสิทธิภาพลงอย่างมากในสถานการณ์ฉุกเฉิน

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการจับพวงมาลัย

  • จับพวงมาลัยมือเดียว ลดความสามารถในการควบคุมรถอย่างมากในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • วางมือบนส่วนบนสุดของพวงมาลัย (12 นาฬิกา) เป็นตำแหน่งที่อันตรายที่สุดหากถุงลมนิรภัยทำงาน เพราะแขนจะถูกแรงกระแทกจากถุงลมเข้าสู่ใบหน้าหรือหน้าอก
  • คล้องนิ้วหัวแม่มือด้านในวงพวงมาลัย หากเกิดอุบัติเหตุหรือรถตกหลุมอย่างแรง พวงมาลัยอาจสะบัดกลับอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวแม่มือหักหรือเคล็ดได้
  • จับพวงมาลัยด้านล่างสุด ทำให้ควบคุมรถได้ไม่ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องการหมุนพวงมาลัยเป็นมุมกว้าง
  • จับพวงมาลัยแบบเกร็ง ทำให้เมื่อยล้าเร็ว และลดความสามารถในการตอบสนอง

การจับพวงมาลัยรถยนต์ตามความถนัด ที่สำคัญการจับแบบถูกต้อง เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนควรให้ความสำคัญ การเริ่มต้นจากการปรับท่านั่งที่ถูกต้อง การวางมือที่ตำแหน่ง "9 นาฬิกา 3 นาฬิกา" อย่างกระชับแต่ผ่อนคลาย และการฝึกฝนเทคนิคการหมุนพวงมาลัยแบบ "มือผลัก-มือดึง" จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถให้แม่นยำ ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันท่วงที ลดความเมื่อยล้า และที่สำคัญที่สุดคือ เพิ่มความปลอดภัย ให้กับตัวคุณเองและผู้ร่วมเดินทางบนท้องถนน

แชร์
การจับพวงมาลัยรถยนต์ที่ถูกต้อง หัวใจของการควบคุมและความปลอดภัย