Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
พิชิตกลิ่นอับและความชื้น ดูแลห้องโดยสารรถยนต์ฉบับฝนพรำแบบจัดเต็ม

พิชิตกลิ่นอับและความชื้น ดูแลห้องโดยสารรถยนต์ฉบับฝนพรำแบบจัดเต็ม

8 พ.ค. 68
16:00 น.
แชร์

ฤดูฝนมาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำ แต่สำหรับผู้ใช้รถยนต์ ความชื้นที่มากับสายฝนกลับเป็นภัยเงียบที่คอยคุกคามห้องโดยสารของเรา ไม่เพียงแต่สร้างความรู้สึกเหนอะหนะ ไม่สบายตัว แต่ยังเป็นบ่อเกิดของกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์ และอาจนำไปสู่ปัญหาเชื้อรา แบคทีเรีย ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว การป้องกันและจัดการกับความชื้นและกลิ่นอับในห้องโดยสารช่วงหน้าฝนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม วิธีต่างๆ ในการดูแลห้องโดยสารรถยนต์ของคุณให้แห้งสบาย ไร้กลิ่นอับ แม้ในวันที่ฝนตกหนักเพียงใดก็ตาม

ความชื้นและกลิ่นอับในห้องโดยสารช่วงหน้าฝนมาจากไหน?

ก่อนที่จะลงมือป้องกัน เรามาทำความเข้าใจถึงสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ห้องโดยสารรถยนต์ของเราต้องเผชิญกับความชื้นและกลิ่นอับในช่วงหน้าฝนกันก่อน

  • เสื้อผ้าและร่มที่เปียกชื้น นี่คือสาเหตุโดยตรงที่นำความชื้นเข้ามาในรถ เมื่อเราขึ้นรถพร้อมกับเสื้อผ้าหรือร่มที่เปียก น้ำจากสิ่งเหล่านี้จะระเหยและเพิ่มความชื้นในอากาศภายในห้องโดยสาร
  • รองเท้าที่เปื้อนน้ำและโคลน เช่นเดียวกับเสื้อผ้าและร่ม รองเท้าที่เปื้อนน้ำฝนและโคลนจะนำพาความชื้นและสิ่งสกปรกเข้ามาในรถ และอาจทิ้งคราบและกลิ่นไม่พึงประสงค์ไว้บนพรม
  • ความชื้นในอากาศที่สูงขึ้น ในช่วงฤดูฝน ความชื้นในอากาศภายนอกจะสูงขึ้นโดยธรรมชาติ เมื่อเราเปิดประตูหรือหน้าต่าง ความชื้นเหล่านี้ก็จะเข้ามาสะสมอยู่ในห้องโดยสาร
  • ระบบปรับอากาศที่ไม่สมบูรณ์ ระบบปรับอากาศที่ไม่ได้รับการดูแล หรือมีไส้กรองที่สกปรก อาจไม่สามารถดึงความชื้นออกจากอากาศภายในรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • น้ำฝนรั่วซึม ในกรณีที่รถยนต์มีรอยรั่วซึมตามขอบประตู หน้าต่าง หรือบริเวณอื่นๆ น้ำฝนจะไหลเข้ามาสะสมในห้องโดยสารโดยตรง ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ลดการนำความชื้นเข้าสู่ห้องโดยสาร

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดปริมาณความชื้นที่ถูกนำเข้ามาในรถตั้งแต่แรกเริ่ม

  • เตรียมร่มและเสื้อกันฝนสำรอง พยายามเตรียมร่มและเสื้อกันฝนสำรองไว้ในรถ เพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนได้หากเสื้อผ้าเปียกฝนมากเกินไป
  • สะบัดน้ำออกจากร่มและเสื้อกันฝนก่อนขึ้นรถ ก่อนที่จะเข้าไปในรถ ควรสะบัดน้ำออกจากร่มและเสื้อกันฝนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • ใช้ถุงใส่ร่มเปียก หากมีร่มที่เปียกมาก ควรเก็บไว้ในถุงพลาสติกหรือถุงใส่ร่มโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหยดลงบนพื้นรถ
  • เช็ดเท้าก่อนขึ้นรถ หากรองเท้าเปื้อนน้ำหรือโคลน ควรเช็ดทำความสะอาดบนพรมเช็ดเท้าก่อนก้าวเข้าไปในรถ
  • หลีกเลี่ยงการเปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ขณะฝนตก การเปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้จะเปิดโอกาสให้ความชื้นจากภายนอกเข้ามาสะสมในห้องโดยสารได้ง่ายขึ้น

จัดการความชื้นภายใน ดูดซับ ระบาย และถ่ายเทอากาศ

เมื่อหลีกเลี่ยงการนำพาความชื้นเข้ามาได้ยากแล้ว การจัดการกับความชื้นที่อยู่ในห้องโดยสารจึงเป็นสิ่งสำคัญ

  • ใช้ผ้ายางปูพื้น ผ้ายางปูพื้นสามารถกันน้ำและสิ่งสกปรกได้ดีกว่าพรม ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด เพียงแค่นำออกมาล้างและตากให้แห้ง
  • ทำความสะอาดผ้ายางปูพื้นเป็นประจำ ควรถอดผ้ายางออกมาล้างและตากให้แห้งอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งในช่วงหน้าฝน เพื่อป้องกันการสะสมของความชื้นและเชื้อรา
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูดความชื้น วางผลิตภัณฑ์ดูดความชื้นต่างๆ ไว้ในรถ เช่นซิลิกาเจล: เม็ดซิลิกาเจลมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นได้ดี สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยการนำไปตากแดดถ่านไม้ไผ่: ถ่านไม้ไผ่มีรูพรุนจำนวนมาก ช่วยดูดซับความชื้นและกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพเกลือ: เกลือเม็ดหยาบสามารถช่วยดูดซับความชื้นได้ โดยใส่ในภาชนะเปิดและนำไปวางไว้ในรถผลิตภัณฑ์ดูดความชื้นสำเร็จรูป: มีผลิตภัณฑ์ดูดความชื้นสำหรับรถยนต์วางจำหน่ายมากมาย เลือกใช้ตามความเหมาะสม
  • เปิดระบบปรับอากาศอย่างเหมาะสม การเปิดระบบปรับอากาศ (A/C) ไม่เพียงแต่ช่วยให้เย็นสบาย แต่ยังช่วยดึงความชื้นออกจากอากาศภายในรถ ควรเปิดควบคู่กับการหมุนเวียนอากาศภายในรถเป็นระยะ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ใช้ระบบไล่ฝ้า หากกระจกเป็นฝ้า ให้ใช้ระบบไล่ฝ้าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อให้ทัศนวิสัยชัดเจน และช่วยลดความชื้นบนกระจก
  • ระบายอากาศเมื่อมีโอกาส หากฝนหยุดตก หรือมีช่วงเวลาที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ควรเปิดประตูหรือหน้าต่างรถทิ้งไว้สักครู่ เพื่อระบายอากาศชื้นและถ่ายเทอากาศใหม่เข้าไป
  • จอดรถตากแดด (เมื่อฝนหยุด) แสงแดดและความร้อนสามารถช่วยไล่ความชื้นออกจากห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเปิดประตูหรือหน้าต่างเล็กน้อยขณะจอดรถตากแดดเพื่อให้อากาศถ่ายเท

จัดการกับกลิ่นอับ ขจัดต้นเหตุและเติมความหอมสดชื่น

เมื่อป้องกันและลดความชื้นแล้ว การจัดการกับกลิ่นอับที่อาจเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญ

  • ค้นหาและกำจัดต้นตอของกลิ่น หากมีกลิ่นอับรุนแรง ลองตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียด หาสิ่งของที่อาจเป็นต้นเหตุของกลิ่น เช่น เศษอาหารที่ตกหล่น ผ้าเปียกที่ลืมไว้ หรือถุงขยะ
  • ทำความสะอาดพรมและเบาะ หากพรมหรือเบาะเปียกชื้น ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบเปียก (Wet Vacuum) ดูดน้ำออกให้มากที่สุด จากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับพรมและเบาะรถยนต์โดยเฉพาะ และตากแดดให้แห้งสนิท
  • ใช้เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นได้ดี โรยเบกกิ้งโซดาบนพรมและเบาะ ทิ้งไว้สักพัก แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก
  • ใช้สเปรย์ปรับอากาศสำหรับรถยนต์ เลือกสเปรย์ปรับอากาศที่มีกลิ่นหอมสดชื่น เพื่อช่วยดับกลิ่นอับและสร้างบรรยากาศที่ดีภายในรถ
  • ใช้แผ่นน้ำหอมปรับอากาศ แผ่นน้ำหอมปรับอากาศเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้รถมีกลิ่นหอม แต่ควรเลือกกลิ่นที่ไม่ฉุนจนเกินไป
  • ทำความสะอาดระบบปรับอากาศ ไส้กรองอากาศของระบบปรับอากาศอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ ควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามระยะเวลาที่กำหนด หรือทำความสะอาดหากสามารถทำได้
  • เปิดระบบระบายอากาศภายนอก การเปิดระบบระบายอากาศจากภายนอก (Fresh Air Mode) เป็นครั้งคราว จะช่วยถ่ายเทอากาศเก่าที่มีกลิ่นอับออกไป และนำอากาศใหม่จากภายนอกเข้ามา

ข้อควรระวังและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อย่าวางผ้าเปียกหรือสิ่งของที่มีความชื้นสูงทิ้งไว้ในรถเป็นเวลานาน นี่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดความชื้นและกลิ่นอับ
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรงในรถ กลิ่นอาหารอาจติดทนนานและยากต่อการกำจัด
  • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นแรงเกินไปในการดับกลิ่น กลิ่นที่แรงเกินไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย และอาจไม่ได้กำจัดต้นเหตุของกลิ่น
  • หากปัญหากลิ่นอับและความชื้นรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ในกรณีที่ลองทำทุกวิถีทางแล้วปัญหายังไม่ดีขึ้น อาจมีปัญหาที่ซ่อนอยู่ เช่น น้ำรั่วซึม ควรนำรถไปให้ช่างตรวจสอบ

การป้องกันและจัดการกับความชื้นและกลิ่นอับในห้องโดยสารช่วงหน้าฝนต้องอาศัยความใส่ใจและสม่ำเสมอในการดูแลรักษา การปฏิบัติตามคำแนะนำ จะช่วยให้รถยนต์ของคุณแห้งสบาย ไร้กลิ่นอับ และเป็นพื้นที่ที่น่าใช้งานตลอดฤดูฝนนี้อย่างแน่นอน

แชร์
พิชิตกลิ่นอับและความชื้น ดูแลห้องโดยสารรถยนต์ฉบับฝนพรำแบบจัดเต็ม