ธุรกิจการตลาด

ลูกจ้างอิตาเลียนไทยมีเฮ!ได้รับเงินแล้วกว่า 6 พันคน จ่ายครบสิ้นเม.ย.นี้

25 มี.ค. 67
ลูกจ้างอิตาเลียนไทยมีเฮ!ได้รับเงินแล้วกว่า 6 พันคน จ่ายครบสิ้นเม.ย.นี้

 

จากกรณีที่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) หรือ ITD ออกมาประกาศยอมรับว่า ไม่สามารถจ่ายเงินให้กับพนักงานได้ครบถ้วน เหตุบริษัทประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ล่าสุด มีความคืบหน้าว่า ลูกจ้างของอิตาเลียนไทย ได้รับเงินค่าจ้างแล้ว 6,626 คน

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เผยความคืบหน้าในการช่วยเหลือลูกจ้าง บ.อิตาเลียนไทยที่ถูกค้างจ่ายค่าจ้าง ลูกจ้างได้เงินแล้ว 6,626 คน คาดจ่ายค่าจ้างครบ 100 % ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้

โดยนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยการช่วยเหลือลูกจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ว่า  กระทรวงแรงงาน ได้เชิญผู้แทนบริษัทฯ มาให้ข้อเท็จจริงและหารือร่วมกันถึงปัญหาการค้างจ่ายค่าจ้าง ซึ่งจากการหารือพูดคุยกับผู้แทนบริษัทให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทฯ มีลูกจ้างทั้งหมด 20,188 คน และมีโครงการก่อสร้างกระจายอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศไทย รวม 115 โครงการ 

อิตาเลียนไทยได้ยอมรับว่า เกิดจากการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ปัญหา ด้วยการขอสินเชื่อหรือขอกู้เงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนภายในบริษัท

ในปัจจุบันมีสถาบันทางการเงินเข้ามาสนับสนุนโครงการแล้ว จำนวน 79 โครงการ ทำให้สามารถจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างได้ตามปกติ สำหรับ 36 โครงการที่เหลือรวมถึงสำนักงานแห่งใหญ่ และอยู่ระหว่างติดต่อประสานกับสถาบันการเงินเข้ามาสนับสนุน ซึ่งผู้แทนบริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างได้ตามปกติประมาณเดือนเมษายน 2567 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้สั่งการให้พนักงานตรวจแรงงานทั่วประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบไซต์ก่อสร้างในเครือบริษัทอิตาเลียนไทย พบว่า ในหลายโครงการหลายจังหวัดเริ่มทยอยจ่ายค่าจ้างค้างจ่าย โดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างตามปกติแล้ว เป็นลูกจ้างที่มีทั้งสัญชาติไทยและแรงงานข้ามชาติ จำนวน 6,626 คน ได้แก่ ลูกจ้างในจังหวัดระยอง ปทุมธานี เชียงใหม่ นครราชสีมา และเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 และพื้นที่ 3 เป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท 

รัฐบาล โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกจ้างบริษัทอิตาเลียนไทย รวมไปถึงลูกจ้างรับเหมาช่วงอย่างเต็มที่ตามอำนาจหน้าที่ โดยในหลายพื้นที่ได้มีการรับคำร้อง คร.7 และออกคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้าง 

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2566  ได้ดำเนินการช่วยเหลือลูกจ้างในสถานประกอบกิจการทั่วประเทศให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จำนวน 19,832 คน ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ เป็นเงินรวม 1,912,298,148.01 บาท

โดยจำแนกตามประเภทคำร้อง 5 ลำดับแรก คือ 1) ค่าจ้าง 2) ค่าชดเชยการเลิกจ้าง 3) ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 4) ค่าล่วงเวลา และ 5) ค่าทำงานในวันหยุด และพบว่า แรงงานสัญชาติไทยมีการยื่นคำร้อง (คร.7) มากที่สุด รองลงมาคือ แรงงานสัญชาติเมียนมา กัมพูชา และลาว

advertisement

SPOTLIGHT