
“เมอร์รี่คริสต์มาส” (Merry Christmas) คำอวยพรในเทศกาลคริสต์มาสที่เราได้ยินกันทั่วไปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมของทุปกี เพื่อเฉลิมฉลองการมาประสูติของพระเยซู ทั้งที่ชาวไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และชาวต่างชาติมาเที่ยวไทยเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลนี้ แสดงให้เห็นว่าไทยมีแรงดึงดูดในด้านการท่องเที่ยว
รูปแบบคริสต์มาสสมัยใหม่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 โดยการผสมผสานความเชื่อทางศาสนาเข้ากับประเพณีของยุโรป อังกฤษส่งออกวัฒนธรรมคริสต์มาสผ่านการค้าและการขยายอิทธิพลของจักรวรรดิ ทำให้กลายเป็นมาตรฐานระดับโลก เมื่อสหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ Soft Power ของอเมริกันได้นำคริสต์มาสมาปรับโฉมใหม่ให้มีความเป็นพาณิชย์และเข้าถึงง่ายมากขึ้น
ในปี ค.ศ. 1932 บริษัท Coca-Cola ได้นำเสนอภาพลักษณ์ “ซานตาคลอส” ในชุดสีแดงและมีเคราสีขาว ซึ่งกลายเป็นภาพจำของคนทั้งโลก เพลงและภาพยนตร์ฮอลลีวูดช่วยแผ่อิทธิพลความเชื่อและบรรยากาศเทศกาลไปสู่สังคมที่ไม่ใช่ชาวคริสต์ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี
โดยศาสตราจารย์โจเซฟ ไนย์ (Joseph S. Nye) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ได้อธิบายว่าหัวใจสำคัญของ Soft Power คือ “ความสามารถในการทำให้อีกฝ่ายต้องการในสิ่งเดียวกับที่เราต้องการ” ผ่านเสน่ห์และการชักจูง โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ คือ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าคิดต่อคือ ทฤษฎี Soft Power ของศาสตราจารย์โจเซฟ ไนย์นั้น เอื้อต่อประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน มากกว่าประเทศขนาดเล็ก เช่น เกาหลีใต้และประเทศไทย และทำไมเกาหลีใต้ที่เคยลำบากกว่าไทยจึงสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้ดีกว่าไทย
ด้วยเหตุนี้ การมอง Soft Power ให้สอดคล้องกับภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-politics) และภูมิเศรษฐศาสตร์ (Geo-economics) ณ ปัจจุบันนั้น เราควรมอง Soft Power ของเกาหลีให้ละเอียดกว่าทฤษฎี Soft Power ของศาสตราจารย์โจเซฟ ไนย์นี้ เนื่องจากเกาหลีใต้เคยประกาศว่าจะขึ้นเป็นประเทศส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นอันดับ 4 ของโลก ใน ค.ศ. 2027 ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าสามารถทำได้
และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ คือ ส่วนหนึ่งของ Soft Power ไม่ใช่ Hard Power เนื่องจากประเทศใดก็ตามที่มีศักยภาพในการป้องกันประเทศสูง จะทำให้ประชาชนปลอดภัยและรู้สึกถึงความมั่นคง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และการลงทุนจากต่างประเทศ
เพื่อให้เห็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจจาก Soft Power ของเกาหลีใต้นั้น เราควรศึกษาจากการประกาศผล Global Soft Power Index 2025 โดย Brand Finance ซึ่งวัดค่าดัชนี Soft Power ของแต่ละประเทศ และดัชนีนี้มีความผันตรงคล้ายคลึงกับการจัดอันดับการวัดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศที่พัฒนาแล้ว 20 อันดับแรก
รวมถึงเกาหลีใต้ที่อยู่อันดับ 12 (ไทย อันดับ 39) ประเทศขนาดเล็กที่มีทรัพยากรน้อยอย่างเกาหลีใต้ มีศักยภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจและมีอำนาจนโยบายต่างประเทศ ที่เรียกได้ว่าเกาหลีใต้ คือ Middle Power (ประเทศอำนาจปานกลาง) เกาหลีมีอิทธิพลสำคัญในระดับภูมิภาคและเวทีระหว่างประเทศประเทศหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นอภิมหาอำนาจ ดังภาพข้างล่าง
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางด้าน Soft Power สูง จากอิทธิพลของการส่งออกกระแสวัฒนธรรมและสินค้าเทคโนโลยีที่เติบโตควบคู่กันอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่น่าสนใจ คือ เหตุใดใน ค.ศ. 1997 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วาระ 5 ปี เกาหลีใต้กลับสร้างแผนพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมเพื่อการส่งออกสินค้าเกาหลีสู่ตลาดโลก ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในคำว่า Made in Korea และ Made with Korea จากผู้บริโภคทั่วโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และประกาศใช้แผนฯ นี้ในปี ค.ศ. 2000
ซึ่งในปีเดียวกัน เกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้ทำ MOU แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ในขณะนั้น ชาวโลกรวมถึงชาวเกาหลีใต้กำลังกังวลว่าเกาหลีใต้จะโดนครอบงำโดยวัฒนธรรมญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นคือหนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางวัฒนธรรม
แต่กลับกัน แผนการณ์อันแยบยลของเกาหลีใต้นี้ กลับทำให้เกาหลีใต้เป็นมหาอำนาจทางวัฒนธรรม กีฬา เศรษฐกิจ เทคโนโลยี รวมถึงเป็นประเทศที่ช่วยเหลือทางการเงินและการช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ให้กับประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ ทั้งในกลุ่มประเทศแอฟริกา กลุ่มภูมิภาคอาเซียน รวมถึงช่วยเหลือประเทศไทยด้วย ดังที่ปรากฏภาพการบริจาคช่วยเหลือไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น การบริจาค 5 แสนดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยเหลือน้ำท่วมในภาคใต้
งานวิจัยจำนวนมากมุ่งมองไปที่รัฐบาลคิม แด-จุง (ค.ศ. 1998–2003) ว่ารัฐบาลเป็นผู้ปรับโครงสร้างแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อสร้าง Soft Power ซึ่งในความจริงแล้ว บทบาทของภาคเอกชนเกาหลีมีความสำคัญในการสร้าง Soft Power อย่างยิ่ง
ในช่วงปี ค.ศ. 1990 บริษัท CJ CheilJedang ซึ่งขณะนั้นเป็นบริษัทผลิตอาหาร ตัดสินใจก้าวกระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทั้งที่ตลาดยังเล็กและมีความเสี่ยงสูง เหตุการณ์ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในวันที่ 29 เมษายน 1995 เมื่อ CJ ร่วมลงทุนกับ Steven Spielberg, Jeffrey Katzenberg และ David Geffen เพื่อก่อตั้งสตูดิโอ DreamWorks SKG โดยซื้อหุ้นถึงร้อยละ 30
เท่ากับว่าเกาหลีก้าวกระโดดไปสู่การที่สามารถออกคำสั่งให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกผลิตคอนเทนต์ให้กับเกาหลีใต้ได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการลงทุนนี้ใช้เงินทุนมหาศาล เอกชนไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยการช่วยเหลือจากรัฐบาลและสถาบันการเงินร่วมด้วย
แต่เกาหลีใต้สามารถทำการใหญ่นี้ได้ไม่ยาก เนื่องจากเกาหลีนำโครงสร้างการพัฒนายุทธศาสตร์ประเทศมาจากญี่ปุ่นที่เรียกว่า “โครงสร้างสามเหลี่ยมเหล็ก” ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง 3 ส่วน คือ ภาครัฐบาลรวมถึงข้าราชการทุกหน่วยงาน ภาคเอกชน และภาคสถาบันการเงิน ดังภาพประกอบ
โครงสร้างดังกล่าวทำให้เกาหลีมีความมั่นคงทั้งในด้านการเงิน การเมือง และการส่งออก ฯลฯ หากมองย้อนกลับไปตั้งแต่ยุค ค.ศ. 1960 ต้องยอมรับว่าเกาหลีใต้ค่อนข้างรู้เท่าทันการขยับของสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นตลอดเวลา เนื่องจากชาวเกาหลีที่มีบทบาทในการพัฒนาประเทศทั้งภาครัฐและภาคเอกชนส่วนใหญ่ จบการศึกษาในระดับสูงจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่ทั้ง 3 ประเทศนี้จะมีความใกล้ชิดกันสูงจนถึงปัจจุบัน
จากโครงสร้าง “สามเหลี่ยมเหล็ก” หากภาครัฐบาล ภาคเอกชน หรือภาคสถาบันการเงินเห็นช่องทางธุรกิจใหม่ที่ทำให้ประเทศเกาหลีพัฒนาได้อย่างมั่นคง จะสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ตามนิสัยเร่งรีบของชาวเกาหลี (ปัลลี ปัลลี) และเกาหลีเองก็ประสบความสำเร็จในการลงทุนขยายอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศอยู่เสมอ
นักวิเคราะห์ทางการเงินจำนวนมากมองว่า ในวิกฤตระดับโลกครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านมา เกาหลีใต้มีความโชคดีในการลงทุนอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่าสิ่งนี้มาจากโครงสร้าง “สามเหลี่ยมเหล็ก” ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้โครงสร้าง Soft Power ของเกาหลีใต้แข็งแกร่งเช่นกัน
ทั้งนี้ โครงสร้าง Soft Power ที่กล่าวถึง คือ Soft Power ตามการจัดอันดับ Global Soft Power Index 2025 โดย Brand Finance ดังภาพ
จากภาพโครงสร้าง Soft power ข้างต้น สินค้าเกาหลีขายดีขึ้นต่อเนื่องมาจากขั้นแรก ชาวต่างชาติรับรู้และเข้าใจความเป็นเกาหลีจนถึงขั้นคุ้นชิน (Reputation) ทุกภาคส่วนได้ช่วยกันโปรโมตความเป็นเกาหลีจนมีชื่อเสียง (Familiarity) การพัฒนาคุณภาพของสินค้า อุตสาหกรรมบันเทิง ดารา นักร้อง ซูเปอร์สตาร์ ส่งผลเกิดอิทธิพลต่อการนำเสนอข้อดีของเกาหลีจนเกิดความมั่นใจในสินค้าและทุกอย่างที่เป็นเกาหลี (Influence) มีการยกระดับความน่าเชื่อถือให้อยู่ในระดับที่หลายหน่วยงานเกิดความสนใจ และสามารถเข้าถึงข้อดีของความเป็นเกาหลีในทุกมิติจนแนะนำต่อ (Recommendation)
ในขั้นต่อไป ปัจจัยที่จะสร้างความเป็น Soft power ของเกาหลีให้สูงขึ้น คือ การทำธุรกิจและการค้า การลงทุนมีประสิทธิภาพ ซื้อง่ายขายคล่อง ภาครัฐส่งเสริมอำนวยความสะดวกให้รวดเร็ว ซึ่งการทำธุรกิจร่วมกับเกาหลีก็มีมาตรฐานและรวดเร็วมากจริง ๆ (ปัลลี ปัลลี) สมชื่อ เงินลงทุนจากต่างประเทศก็จะไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (Business & Trade) สามารถส่งต่อสินค้าและการทูตไปยังกลุ่มประเทศพันธมิตร ซึ่งเกาหลีใต้เป็นชาติแรก ๆ ที่ส่งสินค้า IT ไปขายในกลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) ตั้งแต่ยุคต้น ค.ศ. 1990 เนื่องจากได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เกาหลีจึงทำการตลาดในราคากลาง ไม่ไปสู้กับตลาดราคาสูงแข่งกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น และเรายังเห็นความสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องระหว่าง 3 ประเทศนี้ เช่น กลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับเกาหลีใต้ในเวทีต่างประเทศผ่านข้อตกลงการแลกเปลี่ยนทางทหารเพื่อความปลอดภัย (General Security of Military Information Agreement: GSOMIA) ถือเป็นการเสริมสร้างพันธมิตรไตรภาคี สหรัฐฯ–เกาหลีใต้–ญี่ปุ่น โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกถึง 5 ระดับ คือ ทางทะเล ทางพื้นดิน ทางอากาศ ทางดาวเทียม และอวกาศ ทำให้ประเทศเกาหลีมีความมั่นคง และดูแลประเทศของตนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยตรง ทันเวลาและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และรัฐบาลปัจจุบันมี “นโยบายมุ่งใต้ 2.0 (New Southern Policy: NSP)” ที่มุ่งทำการค้ากับประเทศอาเซียน และกระชับความสัมพันธ์อันดีกับประเทศมหาอำนาจอย่างจีน เรียกได้ว่าเกาหลีใต้นั้นคือ Middle Power (ประเทศอำนาจปานกลาง) ที่เอกชนทุกประเทศอยากเข้าหาในยุคที่ต่างเกรงกลัวไม่กล้าเลือกฝั่งมหาอำนาจ จึงมั่นใจได้ว่าเกาหลีใต้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง (International Relations)
การศึกษาของเกาหลีนั้นมีความสำคัญสูงสุดในทุกปัจจัยที่กล่าวมา นอกจากจะมีการพัฒนาการแข่งขันการศึกษาตั้งแต่ปี ค.ศ. 958 โดยนำระบบสอบคัดเลือกขุนนางจากจีนมาปรับใช้ การศึกษาของเกาหลีหลังยุติสงคราม โดยเฉพาะปี ค.ศ. 1965 ที่เริ่มลงนามความร่วมมือกับญี่ปุ่น และมุ่งผลิตนักศึกษาช่างฝีมือเพื่อป้อนสู่ภาคเอกชน จึงไม่แปลกใจที่นักเรียนช่างจะแข่งกันเรียนเพื่อหางานทำเงินเดือนสูง ๆ เพราะภาคเอกชนสนับสนุน ในปี ค.ศ. 1997 มุ่งเน้นยกระดับการเรียนสาขาเทคโนโลยีในมหาวิทยาลัยเพื่อสนับสนุนภาคเอกชน โดยเฉพาะด้านซอฟต์แวร์ เพราะช่วงนั้นทั่วโลกกลัวเรื่อง Y2K เกาหลีจึงเห็นคุณค่าของการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น (Education & Science)
ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมวัฒนธรรมของเกาหลีนั้นถือว่าประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับในเรื่อง K-Content แม้เกาหลีเริ่มพัฒนาด้านนี้อย่างจริงจังในปี ค.ศ. 2000 ผสมกับในอดีตเกาหลีมีขุนนางเพียงพอ ทำให้ระบบบันทึกของเกาหลีมีความแม่นยำและเก็บรักษาบันทึกได้ดี ส่งผลให้เกาหลีมีมรดกโลกจำนวนมาก (Culture & Heritage)
นิสัยเร่งรีบอย่างมากของชาวเกาหลี (ปัลลี ปัลลี) เน้นย้ำถึงความรับผิดชอบในการเรียกร้องการปกป้องประชาชน “รัฐบาลต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จและต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน” ขณะเดียวกัน โครงสร้าง “สามเหลี่ยมเหล็ก” ที่ทำให้ภาคเอกชนและภาคสถาบันการเงินขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ไม่ว่าขั้วการเมืองใดขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลหรือข้าราชการระดับสูง ก็ต้องดำเนินการบริหารของภาครัฐให้สนับสนุนภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ประกาศกฎอัยการศึกก็ประกาศได้แค่ชั่วครู่ การเมืองก็กลับมาสู่เสถียรภาพปกติ สิ่งนี้ส่งผลให้การทุจริตเรียกรับสินบนจากภาครัฐลดน้อยลงโดยอัตโนมัติ รัฐจึงสนับสนุนภาคเอกชนอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง (Governance)
การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ตามบทความของอาจารย์ชิดชนก ยมจินดา เกาหลีใต้มีความแข็งแกร่งในการจัดการสื่อสาธารณะ อีกทั้งภาษาเกาหลีสามารถเรียนรู้ง่าย (ในขั้นแรกเริ่ม) จึงไม่แปลกที่จะได้ยินคำว่า “ต่างชาติสามารถอ่านภาษาเกาหลีได้และออกเสียงได้ถูกต้องเกินร้อยละ 90 ภายในการเรียนแค่ 1 วัน” ส่วนความหมายนั้นต้องเปิดพจนานุกรมช่วยแปล ส่งผลให้การสื่อสารของคนเกาหลีมีประสิทธิภาพ ชาวเกาหลีใต้อ่านออกเขียนได้เกือบร้อยละ 100 (ยกเว้นผู้พิการซ้ำซ้อน) ยิ่งตัวเลขนี้สูง จะเป็นหนึ่งในการวัดว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือไม่ การอ่านออกเขียนได้ หรือภาษาที่ง่าย จะส่งผลต่อการพัฒนาเกาหลีในด้านต่าง ๆ รวมถึงอินเทอร์เน็ตคุณภาพดี ความเร็วสูง แต่ราคาถูกและฟรีในพื้นที่สาธารณะ (Media & Communication)
เกาหลีมีความยั่งยืนในหลายมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน และสิทธิมนุษยชน เห็นได้จากการประท้วงที่เปิดกว้าง ภาพที่คนเข้าใจว่าเป็นประเทศปิตาธิปไตยนั้น หากศึกษาจริงจังจะเห็นว่าเปลี่ยนไปแล้ว เกาหลีพัฒนาด้านความยั่งยืนได้ดีอย่างต่อเนื่องในหลายมิติ (Sustainable Future)
และข้อสุดท้ายที่มีความสำคัญที่สุด คือ ทรัพยากรมนุษย์ คนในชาติต้องมีความรักชาติมากกว่าผลประโยชน์พวกพ้อง มีจิตสาธารณะ มีวินัย มีการใฝ่รู้ มีความขยันหมั่นเพียร พัฒนาตนเองอยู่เสมอ (People Value)
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ยิ่งพัฒนาได้ดี ดัชนี Global Soft Power Index ก็จะสูงขึ้น ส่งผลให้ยิ่งดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ทำให้เกิดความมั่นคงในทุกมิติ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ด้านวัฒนธรรม ด้านการทหาร ด้านการต่างประเทศ ฯลฯ
หากไทยจะพัฒนาประเทศ Soft Power อย่างจริงจัง การพัฒนาตามปัจจัยของ Global Soft Power Index ของ Brand Finance เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่เริ่มพัฒนาจากจุดไหนเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำให้ประหยัดเวลาและทรัพยากร เพราะ Soft Power คือเสน่ห์ที่ดึงดูดและสามารถรับรู้ได้ แต่ไม่ใช่สินค้าหรือวัตถุที่จับต้องได้ เพราะหากเป็นสินค้านั้น ในระบบอุตสาหกรรมจะเกิดการลอกเลียนแบบและแข่งขันราคาจนพ่ายแพ้ได้
การสร้าง Soft Power ของเกาหลีที่ตั้งใจสื่อสารกับสากล ทำให้มั่นใจว่าสินค้าเกาหลีสามารถพยุงราคากลางและพัฒนาไปสู่ราคาสูงได้ หากมีแฟนคลับที่รักและเชื่อมั่นเกาหลีอย่างมั่นคง หลังจากนั้นจึงนำเสนออัตลักษณ์ความเก่าแก่ของเกาหลีสู่สากลได้อย่างประสบความสำเร็จ ดังการประสบความสำเร็จของ K-Pop Demon Hunters (เกิร์ลกรุ๊ปนักล่าปีศาจ) ซึ่งเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันแนวแฟนตาซีผสมดนตรีจากอเมริกาที่โด่งดังมากบน Netflix บอกเล่าเรื่องราวของเกิร์ลกรุ๊ป K-Pop
กรณีของประเทศไทยนั้น ต้องยอมรับว่าภาคการเมืองยังไม่มั่นคง ส่งผลให้ภาคธุรกิจไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก แล้วจะนำเงินที่ไหนมาพัฒนาประเทศ การมียุทธศาสตร์ Soft Power อย่างมั่นคงจึงสำคัญมาก แต่ต้องเริ่มจากความร่วมมือของทุกคนตั้งแต่ระดับท้องถิ่น
City branding (การพัฒนาจังหวัด) จึงมีความสำคัญมาก ต้องปรับให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมท้องถิ่น วิเคราะห์ประเด็นความมั่นคงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของไทยในอนาคตว่ามีอะไรบ้าง และสาเหตุเกิดจากอะไร อุตสาหกรรมใดที่ควรเป็นอุตสาหกรรมหลักของชาติ เพื่อรวบรวมกลยุทธ์นำพาประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาไปสู่วิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
อาจต้องมีนโยบาย “ธนาคารเพื่อความมั่นคงชาติ (Security Bank)” เพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่น ให้มีอำนาจที่มั่นคงและมีความรวดเร็วในการบริหารงาน ไม่อิงภาคการเมืองมากเกินไป เพื่อยกระดับความพึงพอใจของคำว่า “MADE IN THAILAND” ให้มีคุณภาพสูงขึ้น พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เพราะความเป็นไทยมีคุณค่าสูง และไม่สามารถแข่งขันในตลาดสินค้าราคาถูกได้
ให้แต่ละจังหวัดสามารถดึงดูดการลงทุนจากภาคอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าสู่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน ประเทศไทยมีศักยภาพสูง ด้วยความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากร ทางการบริหารจัดการ ทางวัฒนธรรม คติชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนการเปิดรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนานวัตกรรมผ่านการบริหารจัดการในทุกบริบทได้
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด จำเป็นต้องอาศัยทรัพยากรบุคคลที่มีความรอบรู้ในหลักแนวคิด ตลอดจนกระบวนการและเครื่องมือทางการบริหารจัดการ Soft Power เชิงนวัตกรรมอย่างแท้จริง
Pain Point removed: เรียนรู้การค้นหาและแก้ไขปัญหาของสินค้า บริการ ผลิตภัณฑ์ หรือกิจกรรมในชุมชน ผ่านการระดมสมอง แลกเปลี่ยนแนวคิดในแต่ละท้องถิ่น และประยุกต์ใช้แนวทางการพัฒนาจากประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเหมาะสม
Product: พัฒนาสินค้าท้องถิ่นและหาช่องทางการสื่อสารเพื่อเข้าสู่ตลาดสากล ทั้งช่องทางแบบดั้งเดิมและช่องทางออนไลน์ที่หลากหลาย
Profits: เพิ่มมูลค่าและบริหารจัดการสินค้า สาธารณูปโภค และวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและบูรณาการ
People Value: พัฒนาการศึกษาพื้นฐานของท้องถิ่น โดยออกแบบหลักสูตรให้สอดคล้องกับการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และป้องกันการย้ายออกจากชุมชน การศึกษาพื้นฐานไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัยต้องออกแบบมาเพื่อพัฒนาจังหวัดนั้น
Policy: สร้างนโยบายใหม่เพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดยประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้าน Soft Power นวัตกรรม (Innovation) และการบริหารจัดการ (Management)
Prize: สร้างโอกาสให้องค์กรเอกชนเข้ามาร่วมยกระดับสินค้าในจังหวัด อาจถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องปรับ VAT จาก 7% ไปสู่ 10% ในจังหวัดเมืองหลัก เพื่อนำเงินไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกจังหวัดให้พร้อมต่อการดึงดูดภาคเอกชน ให้เข้ามาร่วมกับท้องถิ่น พร้อมกับการสนับสนุนการลดภาษีให้ภาคเอกชนที่ลงทุนตรงกับความต้องการของประชากรในจังหวัดนั้น ๆ
เมื่อระดับจังหวัดพัฒนา (City branding) จะนำไปสู่ระดับชื่อเสียงประเทศ (Nation branding) และขยายไปสู่การพัฒนา Soft Power อย่างจริงจัง ตามปัจจัยของ Global Soft Power Index ของ Brand Finance ข้างต้น

ผอ.หลักสูตร Korean Studies for International Management คณะบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย