สมเด็จฮุน เซนกล่าวปราศัยในการเปิดประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (16 มิถุนายน 2568) วิจารณ์ข้อบังคับการเปิด-ปิดด่านบริเวณชายแดนของไทย กล่าวว่าเป็นการกระทำฝ่ายเดียว พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนลดการพึ่งพาผักและผลไม้นำเข้าจากไทย ทั้งยังกระตุ้นให้แรงงานกัมพูชาในไทยเดินทางกลับบ้านเกิด
ในคำกล่าวปราศัย สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากล่าวว่า จะเลื่อนการตัดสินใจแบนสินค้าผักผลไม้จากไทยไปก่อน
“วันนี้ เราคงจะหยุดนำเข้าผักและผลไม้นำเข้าจากไทยเข้ากัมพูชาแล้ว แต่จากการพูดคุยกันระหว่างผมและนายกรัฐมนตรีประเทศไทย รวมถึงระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตและนายกรัฐมนตรีของไทย เราจะเลื่อนการตัดสินใจครั้งนี้ไปอีก 24 ชั่วโมง”
“แต่หากว่าวันนี้ ฝ่ายไทยยังปฏิเสธเปิดด่าน พรุ่งนี้เราจะแบนผักและผลไม้นำเข้าจากไทยเข้ากัมพูชา”
สมเด็จฮุน เซนยังกล่าวอีกว่า กำลังพิจารณาแบนสินค้านำเข้าจากไทย หากไทยยังยืนยันจะปิดด่านต่อไป
“เราไม่ได้เป็นพวกปลุกปั่นแนวคิดชาตินิยม แต่กัมพูชาก็ต้องดำเนินกลยุทธ์ที่มั่นคงของตนด้วย [...] เราต้องหันมาใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศแทนสินค้านำเข้า และใช้สินค้าประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศไทย รัฐบาลกัมพูชาเตรียมพร้อมเต็มที่ที่จะดำเนินมาตราการที่จำเป็น และลดการพึ่งพาประเทศไทย”
นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า กัมพูชาจะยกเลิกการปิดด่านทางฝั่งตนทั้งหมด หากประเทศไทยกลับมาใช้แนวทางเปิดด่านระหว่างเวลา 6.00 น. ถึง 22.00 น. อย่างที่เคยดำเนินการก่อนหน้านี้
ฮุน เซนผู้เป็นประธานวุฒิสภา ยังกล่าวอีกว่า ประเทศไทยเข้าใจเรื่องข้อพิพาทด้านพรมแดนที่เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมผิด ทำให้ข้อขัดแย้งลุกลามไปยังภาคส่วนอื่น ๆ
“ผมพูดแล้วตั้งแต่ต้นว่าอย่าให้ความขัดแย้งลุกลามจากที่หนึ่งไปอีกที่ จากภาคส่วนหนึ่่งไปอีกภาค แต่ฝ่ายนั้น (ไทย) คิดว่าเป็นเพราะกัมพูชาอ่อนแอ [...] แบบนี้มันผิด ที่คุณเข้าใจผิด แล้วปล่อยให้ปัญหามันลากไปภาคส่วนอื่น โดยเฉพาะภาคการค้าขาย และการเดินทางข้ามแดนของประชาชน คุณช่างมองสถานการณ์ผิดไปจริง ๆ ”
ฮุน เซนเปรียบเทียบข้อพิพาทครั้งนี้ กับข้อพิพาทเขาพระวิหารในสมัยที่อดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะดำรงตำแหน่ง กล่าวว่า แม้ในครั้งนั้น ปัญหาก็ไม่ลุกลามไปกว้างอย่างครั้งนี้
ฮุน เซนกล่าวว่า ขณะไทยและกัมพูชามีข้อขัดแย้งเรื่องเขาพระวิหาร อดีตนายกอภิสิทธิ์ได้ประกาศความตั้งใจจะปิดด่านระหว่างไทย-กัมพูชาเช่นกัน ฮุน เซนซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงประกาศตอบโต้จะหยุดนำเข้าสินค้าจากไทย เป็นเหตุให้นายอภิสิทธื์เปลี่ยนใจไม่ปิดด่าน
เขาตั้งคำถามว่า แล้วเหตุใดผู้นำคนปัจจุบันจึงปล่อยให้มัการปิดด่านเกิดขึ้นได้ แล้วกล่าวว่าจะไม่ขอเจรจาเรื่องข้อบังคับในการข้ามพรหมแดน เนื่องจากฝ่ายไทยเป็นผู้เริ่มก่อนเอง
“ผมขอพูดให้ชัดเลยว่า เป็นฝ่ายทหารไทยที่ปิดด่าน จึงต้องเป็นทหารไทยที่เปิดด่าน กัมพูชาไม่จำเป็นจะต้องมาต่อรองเรื่องนี้”
ประธานวุฒิสภาเรียกร้องให้แรงงานกัมพูชาที่อยู่ในไทยกลับบ้าน และกล่าวอย่างหนักแน่นว่าจะสนับสนุนหน่วยงานและฝ่ายบริหารระดับจังหวัด และหน่วยงานตามแนวชายแดนให้อำนวยความสะดวกการเดินทางกลับบ้านของแรงงานกัมพูชาในไทย
“ตราบใดที่เป็นคนกัมพูชา เราต้อนรับทุกคน ไม่ว่าจะมีเอกสารทางการหรือไม่ก็ตาม [...] เราจะเอาชีวิตเราไปฝากไว้กับคนอื่นไม่ได้ เราอยู่ไทยตลอดไปไม่ได้หรอก ตอนนี้คือเวลากลับบ้านแล้ว ตราบใดที่ปัญหาชายแดนยังแก้ไม่ตก การแบ่งแยกและเหยียดหยามก็จะเกิดขึ้นต่อไป เราต้องรีบกลับบ้านเกิดก่อนจะถูกไล่ต้อนออกมา”
ฮุน เซนสร้างความเชื่อมั่นว่า แม้ก่อนหน้านี้กัมพูชาจะมีปัญหาขาดการจ้างงาน แต่ขณะนี้ปัญหานั้นเปลี่ยนไปแล้ว
“มีตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งว่างอยู่ในภาคอุตสาหกรรม การเกษตร และการก่อสร้าง” เขากล่าว และยังกล่าวว่าจะช่วยหาทุนการศึกษาให้นักศึกษาชาวกัมพูชาที่เรียนอยู่ในไทย
“พวกคุณได้ทุนการศึกษาให้เรียนต่อในกัมพูชา หากกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชนและกีฬา และรัฐบาลไม่สามารถรับผิดชอบทุนให้ได้ ผมจะจ่ายค่าเล่าเรียนให้พวกคุณเอง”
เมื่อวานนี้ฮุน มาเนตได้โพสคลิปเสียงบนโซเชียลมีเดีย กำชับให้กระทรวง สถาบัน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ใน 7 เมืองที่ติดกับประเทศไทยอำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชาเดินทางกลับประเทศได้
ปรัก โสขนน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศ กำลังจะเดินทางมาสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทยเพื่อเตรียมการเอกสารข้ามแดนที่แรงงานกัมพูชาอาจไม่มี
ที่มา: Khmer Times