Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ปารีสอินเดอะเรน ฝรั่งเศสเจอฝนหนักอาจเพราะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ปารีสอินเดอะเรน ฝรั่งเศสเจอฝนหนักอาจเพราะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

27 มิ.ย. 68
15:09 น.
แชร์

พายุใหญ่ถล่มฝรั่งเศส

เมื่อคืนวันพุธที่ 25 มิถุนายน 2568 กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส เผชิญพายุฝนฟ้าคะนองลูกใหญ่ นอกจากที่ทั้งโลกจะได้เห็นภาพหอไอเฟลถูกสายฝนกลืนหายไปจากสายตาในช่วงไม่กี่วินาที พายุลูกใหญ่นี้ยังเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 17 ราย

หลังกล่าวสุนทรพจน์เรื่องตะวันออกกลาง นายกรัฐมนตรีฟร็องซัวส์ บาอีรู กล่าวพลางเงยหน้ามองเพดานโดมของสภาแห่งชาติที่มีน้ำรั่ว และกล่าวว่า

“พวกคุณสังเกตไหมว่าฝนกำลังตกอยู่?”

ขณะนั้นห่าฝนที่กระหน่ำลงมาสู่กรุงปารีสและพื้นที่อื่น ๆ ของฝรั่งเศสอย่างไม่ปรานี ทำให้ถนนในมหานครแห่งนี้ท่วมหนัก และทำให้ไฟดับกระทบบ้านเรือนกว่า 110,000 หลังคาเรือน ผู้เสียชีวิตสองคน คนหนึ่งเป็นเด็กวัย 12 ปีที่ถูกต้นไม้ล้มทับในบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส และอีกคนคือชายชราที่ขับรถเอทีวีชนต้นไม้ล้มในตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ


คลื่นความร้อนจบ พายุต่อ

พายุฝนฟ้าคะนองลูกใหญ่นี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากฝรั่งเศสเผชิญคลื่นความร้อนครั้งแรกของฤดูร้อนปีนี้ โดยสื่อฝรั่งเศส Le Monde รายงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (21 มิถุนายน 2568) ว่า บางพื้นที่ของฝรั่งเศสมีอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปในช่วงเวลานี้ถึง 10–15 องศาเซลเซียส ขณะเดียวกัน The Guardian รายงานว่าเมืองตูลง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส มีอุณหภูมิสูงสุดถึง 39 องศาเซลเซียส

มีการใช้สายดับเพลิง เครื่องพ่นหมอก และน้ำตกเทียมในงานเทศกาลดนตรี Hellfest เพื่อคลายความร้อนในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้อีกหลายพื้นที่ในยุโรปก็เผชิญคลื่นความร้อนจัดที่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุด


พายุฝนฟ้าคะนองกับความร้อนสัมพันธ์กันอย่างไร

ข้อมูลจาก NOAA National Severe Storms Laboratory ชี้ว่า ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองคือ ความชื้น, อากาศไม่เสถียรที่ลอยตัวขึ้นได้ (อากาศที่เมื่อถูกกระตุ้นเล็กน้อยก็จะลอยสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ), และกลไกยกตัวซึ่งทำหน้าที่เป็น “แรงกระตุ้น” โดยหนึ่งในแรงกระตุ้นสำคัญคือ ความร้อน

เมื่อดวงอาทิตย์ให้ความร้อนแก่พื้นผิวโลก อากาศอุ่นใกล้พื้นผิวในบริเวณที่มวลอากาศร้อน/เย็น หรือแห้ง/ชื้นมาปะทะกัน อาจถูกบังคับให้ลอยตัวขึ้น เมื่ออากาศลอยตัวสูงขึ้น มันจะถ่ายเทความร้อนจากพื้นผิวโลกขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศที่สูงกว่า ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า “การพาความร้อน” (convection)

ไอน้ำที่อยู่ในอากาศจะเริ่มเย็นลง ปล่อยพลังงานความร้อนออกมา ก่อนจะควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำและรวมตัวกันเป็นเมฆ เมฆเหล่านี้จะขยายตัวและลอยสูงขึ้นไปยังบริเวณที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และเกิดเป็นอนุภาคน้ำแข็งหลากหลายประเภท ซึ่งสามารถเติบโตได้จากการควบแน่นของไอน้ำ (คล้ายเกล็ดน้ำแข็ง) และจากการรวมตัวกับหยดน้ำเล็ก ๆ ที่ยังไม่แข็งตัว (เรียกว่าสถานะ “เย็นยวดยิ่ง” หรือ supercooled)

เมื่ออนุภาคน้ำแข็งสองชิ้นชนกัน การชนกันซ้ำ ๆ จำนวนมากจะก่อให้เกิดการสะสมของประจุไฟฟ้าเป็นบริเวณกว้าง จนทำให้เกิด ฟ้าแลบ ซึ่งก่อให้เกิด เสียงฟ้าร้อง

และเนื่องจากพายุฝนฟ้าคะนองเกิดจากความชื้นและความร้อน จึงไม่น่าแปลกใจที่พายุลักษณะนี้มักจะตามหลังช่วงที่คลื่นความร้อนปกคลุมพื้นที่เป็นเวลานาน


คลื่นความร้อน: ผลพวงจากภาวะโลกร้อน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยุโรปเผชิญกับคลื่นความร้อนและภัยแล้งต่อเนื่อง รวมถึงสภาพอากาศสุดขั้วในหลายพื้นที่ เช่น ฝนฟ้าคะนองที่ยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือเกิดขึ้นพร้อมกับไฟป่าทางใต้ของยุโรป ปรากฏการณ์สุดขั้วเช่นนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า NAO หรือ North Atlantic Oscillation (การแกว่งตัวของความกดอากาศบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ) ซึ่งเป็นความผันแปรของความกดอากาศระหว่างบริเวณหมู่เกาะอะซอเรส (ศูนย์กลางความกดอากาศสูง) และไอซ์แลนด์ (ศูนย์กลางความกดอากาศต่ำ) ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภูมิภาคในซีกโลกเหนือ

งานวิจัยใหม่โดยสถาบันมักซ์พลังค์เพื่ออุตุนิยมวิทยา (Max Planck Institute for Meteorology) และ มหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก (University of Hamburg) ชี้ว่า ปรากฏการณ์ NAO ในฤดูร้อนที่ส่งผลต่อสภาพอากาศสุดขั้วในยุโรปนั้นเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อน

การวิจัยดังกล่าวได้จำลองสภาพอากาศตั้งแต่ปี 1850 ถึงปี 2000 และวิเคราะห์แนวโน้มในกรณีที่อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียสในช่วงเวลานั้น โดยเฉวียน หลิว นักวิทยาศาสตร์ผู้นำงานวิจัยระบุว่า มีแนวโน้มที่ความแตกต่างของความกดอากาศระหว่างหมู่เกาะอะซอเรสกับไอซ์แลนด์จะแรงขึ้น

“แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ความแปรปรวนของดัชนีก็กำลังเพิ่มขึ้นด้วย นั่นหมายความว่าเราจะพบกับเหตุการณ์สุดโต่งของ NAO ในฤดูร้อนที่รุนแรงและถี่ขึ้น ทั้งในเฟสบวกและเฟสลบ” หลิวอธิบาย

หลิวยังระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อสุขภาพและทรัพย์สิน แม้จะยังไม่มีการเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองที่เพิ่งถล่มฝรั่งเศสกับภาวะโลกร้อน แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดขั้ว และผลกระทบอื่น ๆ ซึ่งประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไว้ที่กว่า 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 หรือราว 10,091 ล้านบาท

อ้างอิง: Le Monde, EuroNews, France24, MPG


แชร์
ปารีสอินเดอะเรน ฝรั่งเศสเจอฝนหนักอาจเพราะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง