ผู้จัดการรายวัน 360 – MR.D.I.Y. บริษัทแม่ที่มาเลเซียยกไทยตลาดหลักที่สำคัญ ปูพรมรุกหนัก ปีนี้ทุ่ม 2 พันล้านบาท เปิดใหม่อีก 195 สาขา ปีหน้าเพิ่มอีกให้ครบเป็น 1,130สาขาทั่วไทย ล่าสุดปีนี้พร้อมขยายเข้าช่องอีคอมเมิร์ซ ประเดิมต้นปีกับลาซาด้า และตามด้วยติ๊กต๊อกเดือนพฤษภาคมนี้
นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ประเทศไทย จำกัด ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อครบวงจรด้านสินค้าเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ตกแต่งและปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน MR.D.I.Y. เปิดเผยว่า บริษัทฯแม่ที่มาเลเซียยังมองประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่และมีความสำคัญของทางมิสเตอร์ดีไอวาย เป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมากในอนาคต ซึ่งไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดนอกมาเลเซีย ในธุรกิจของ มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (MR. D.I.Y.)ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีการขยายธุรกิจไปหลายประเทศคือไทย บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ สเปน ตุรกี กัมพููชา อินเดีย และเวียดนาม รวมที่วโลกมีมากกว่า 3,500 สาขา

ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนที่จะลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ ด้วยปัจจัยบวกหลายประการที่เอื้ออำนวย เช่น ภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีของไทย อัตราส่วนระหว่างประชากรกับจำนวนร้านที่ยังต่างกันมากเมื่อเปรียบเทียบกับที่มาเลเซียที่มีประชากรเพียง 32 กว่าล้านคนเท่านั้น แต่มีสาขาของมิสเตอร์ดีไอวายประมาณ 1,200 กว่าสาขา แต่ประเทศไทยมีเพียง 700 กว่าสาขาเท่านั้น จากจำนวนประชากรที่มีมากกว่า 70 ล้านคน รวมทั้งพฤติกรรมการจับจ่ายของคนไทยที่มีสูงโดยมีการซื้อเฉลี่ยที่ 180 บาทต่อบิลต่อครั้ง และที่ผ่านมามิสเตอร์ดีไอวายมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากว่า 70 ล้านครั้ง
โดยบริษัทวางแผนการลงทุนในปี2567นี้ ด้วยงบลงทุนมากกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขาใหม่ การรีโนเวทสาขาเดิม การตลาด ระบบไอทีและอื่นๆ โดยปีนี้วางเป้าหมายเปิดสาขาใหม่ 195 สาขา เน้นทำเลสแตนด์อโลนเป็นหลัก และจะเน้นพื้นที่กรุงเทพ ภาคอีสาน และภาคใต้ เป็นหลัก คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรวมเป็น 934 สาขา ขณะที่ปีหน้า(2568) วางเป้าหมายจะเปิดใหม่ให้ครบรวมเป็น 1,130 สาขา ส่วนปีที่แล้วใช้งบ 2,000 ล้านบาท ขยายสาขาใหม่ได้ 188 สาขา ซึ่งสิ้นปีที่แล้วมีสาขารวมทั้งสิ้น 741 สาขา ใน 73 จังหวัดของไทย มีเพียง 4 จังหวัดที่ยังไม่มีคือที่ แม่ฮ่องสอน ระนอง พังงา ยะลา

นอกจากนั้นปีนี้บริษัทได้ขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่สู่อีคอมเมิร์ซ โดยเปิดช้อป มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ในลาซมอลล์ของลาซาด้า เริ่มวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถเจาะลูกค้าได้ในวงกว้าง และเตรียมเปิดช้อป มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ใน TikTok เริ่มวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ จากเดิมที่ปีที่แล้วขยายเข้าช่องทางของช้อปปี้ไปแล้ว ซึ่งสัดส่วนรายได้จากกออนไลน์ยังมีน้อย 1% เท่านั้น แต่่เป็นการสร้างความสะดวกให้กับผู้บริโภคมากกว่า
“ความเคลื่อนไหวทางธุรกิจในครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่ไม่หยุดนิ่งของผู้บริโภคคนไทย ที่มองหาอุปกรณ์ตกแต่งและปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่มีคุณภาพหลากหลายประเภท ในราคาประหยัด และด้วยการมุ่งขยายสาขาใหม่เพิ่ม 195 แห่งทั่วประเทศไทยในปี 2567 พร้อมงบลงทุน 2,000 ล้านบาท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ไม่เพียงแต่เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสทางการจ้างงานที่สำคัญให้แก่ผู้คนในชุมชน ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างพลังให้ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศไทยอีกด้วย”

ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่จำหน่าย 10 กลุ่มและสินค้าที่มีมากกว่า 15,000 เอสเคยู นั้น พบว่า สัดส่วนยอดขายเป็นดังนี้คือ 1. สินค้าที่ใช้ภายในบ้านทั่วไป 36%, 2. ฮาร์ดแวร์ 16%, 3. เครื่องใช้ไฟฟ้า 8%, 4. เครื่องเขียนและกีฬา 9%, 5. ของเล่น 7%, 6.อุปกรณ์ประดับยนต์ 5%, 7. ที่่เหลืออื่นๆเช่น เพชรเครืื่องประดับ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อาหาร เครื่องดื่ม รวมกัน 19%

ปัจจุบัน มิสเตอร์. ดีไอ.วาย. ในไทยมีสาขารวม นับตั้งแต่เข้ามาในไทยปี 2561 แบ่งเป็น ภาคเหนือ 42 สาขา, ภาคอีสานเหนือ 142 สาขา, ภาคอีสาน 87 สาขา, ภาคใต้ 75 สาขา, ภาคตะวันตก 45 สาขา และกรุงเทพกับภาคกลาง 350 สาขา เป็นแบบสแตนด์อโลน80% และเป็นแบบอยู่ในศูนย์การค้า 20% พื้นที่เฉลี่ย 700-1,000 ตารางเมตร
เปีนี้ยังเสริมความแข็งแกร่งด้านสินค้า การคัดสรรสินค้าของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. จะเน้นไปที่หมวดหมู่สินค้าหลัก ควบคู่ไปกับสินค้าที่ตอบโจทย์ตามเทศกาลสำคัญต่างๆ รวมถึงสินค้าลิขสิทธิ์ เพื่อให้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. สามารถนำเสนอหลากหลายสินค้าคุณภาพในราคาที่ย่อมเยาและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

ส่วนกลยุทธ์แคมเปญและโปรโมชัน: มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เตรียมเปิดตัวแคมเปญสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ในชื่อ “ช้อปเกินครบ คุ้มเกินคาด” ในเดือนเมษายน 2567 เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และคงให้แบรนด์มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เป็นที่จดจำของลูกค้าต่อเนื่อง นอกจากนี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ยังมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์กับลูกค้าผ่านหลากหลายกิจกรรมของแบรนด์ตลอดทั้งปี โดยจะมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชันตามเทศกาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง