การเงิน

หุ้น Tesla ตกมากสุดตั้งแต่เข้าตลาด จบปีนี้ดิ่งเกือบ 70% จากจุดสูงสุด

26 ธ.ค. 65
หุ้น Tesla ตกมากสุดตั้งแต่เข้าตลาด จบปีนี้ดิ่งเกือบ 70% จากจุดสูงสุด

เรียกว่าน่าจะผ่านปีนี้ไปได้อย่างสะบักสะบอมพอตัวสำหรับหุ้น Tesla ที่ทรุดๆ ทรงๆ ตั้งแต่ต้นปี ก่อนดิ่งลงต่อเนื่องหลัง 'อีลอน มัสก์' ซีอีโอของ Tesla เทขายหุ้นบริษัทรถถึง 2 ครั้งเพื่อนำไปใช้หนี้จากการเข้าซื้อ Twitter ที่ทำให้เขาเป็นหนี้ถึง 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

istock-1343072603

จากการรายงานของ The Wall Street Journal มูลค่าบริษัทของ Tesla ดิ่งลงประมาณ 70% แล้วจากจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่อยู่ที่ 1.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 3.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากราคาหุ้นที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง โดยตกลงมากกว่าตลาดทั้ง S&P 500 และ Nasdaq จนเรียกได้ว่าปี 2022 เป็นปีที่หุ้นเทสลาตกลงมากที่สุดตั้งแต่เข้าตลาด

โดยจากวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกลงอย่างมากก็คือ 1. การที่อีลอน มัสก์เทขายหุ้น Tesla ถึงสองครั้งหลังซื้อ Twitter ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่นในฝีมือการบริหารงานของมัสก์ 2. ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลงจากภาวะเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจซบเซา

 

อีลอน มัสก์ ขายหุ้น Tesla 5 ครั้งแล้วตั้งแต่พฤศจิกายน 2021 โกยเงินไปกว่า 1 ล้านล้านบาท

จากการรายงานของ The Wall Street Journal อีลอน มัสก์ ขายหุ้น Tesla ไปแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 จนถึงปัจจุบัน ได้เงินรวมกว่า 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 ล้านล้านบาท 

โดย 2 ครั้งล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเป็นการขายหุ้นหลังจากที่เขาเข้าซื้อ Twitter ในดีลยักษ์มูลค่าถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเรียบร้อยแล้ว

โดยถึงแม้มัสก์จะไม่ได้ออกมาอธิบายเหตุผลเบื้องหลังการขายหุ้นที่มีมูลค่ารวมกันถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนี้ การที่เขาแอบย่องขายหุ้นเงียบๆ ไม่บอกใครหลังไปสร้างหนี้ให้ตัวเองนี้ ก็ทำให้นักลงทุนมองว่าเขากำลังจะหาเงินไปโปะหนี้จากการซื้อโซเชียลมีเดีย และทำให้หลายๆ คนสงสัยในสถานะการเงินของมัสก์ รวมไปถึงไม่มั่นใจในความสามารถของเขาในการบริหารบริษัทขนาดใหญ่ถึง 2 บริษัท

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากหุ้น Tesla ตกลงต่อเนื่องเพราะปัญหาความเชื่อมั่นดังกล่าว เขาก็ได้ออกมาให้สัญญากับนักลงทุนแล้วว่าเขาจะไม่ขายหุ้น Tesla อีกในช่วงระยะเวลาอย่างน้อย 18 เดือนหลังจากนี้ ถึงแม้ราคาหุ้นของ Tesla จะไม่ได้กระเตื้องขึ้นเท่าไหร่นักหลังจากเขาออกมาประกาศงดขายหุ้นดังกล่าว บ่งบอกว่าจนกว่าเขาจะให้ความชัดเจนได้ว่าใครจะมาบริหาร Twitter แทนเขา ราคาของหุ้น Tesla ก็น่าจะถูกปัจจัยนี้กดดันอยู่

 

อุปสงค์ที่ลดลงจากเงินเฟ้อ และการเติบโตของคู่แข่ง

นอกจากปัญหาความไม่มั่นใจในตัวซีอีโอแล้ว ในด้านการทำธุรกิจ Tesla ก็กำลังเจอปัญหายอดขายลดจากภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง ปัญหาในโรงงานประกอบสินค้าในจีนที่ต้องปิดตัวลงจากนโยบาย Zero-Covid รวมไปถึงการเติบโตของคู่แข่งมากรายที่กำลังเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

โดยถึงแม้ในปัจจุบัน Tesla จะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา คู่แข่งอื่นๆ ที่มีนรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ถูกกว่า Tesla เช่น Ford, Chevrolet, Volkswagen และ Rivian Automotive ก็มีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ จนนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าส่วนแบ่งตลาดของ Tesla จะลดลงเรื่อยๆ ในอนาคตหากไม่ลดราคาสินค้า หรือหานวัตกรรมอื่นๆ มาจูงใจผู้บริโภค

จากข้อมูลของ S&P Global Mobility ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla อยู่ที่ 65% ในไตรมาสที่ 3 ลดลง 71% จาก 2021 และ 79% จาก 2020 และจะลดลงไปต่ำกว่า 20% ภายในปี 2025 โดยจำนวนรุ่นรถไฟฟ้าที่มีในตลาดทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 48 รุ่นในปัจจุบันไปเป็น 159 รุ่นในอีก 2 ปีข้างหน้า สะท้อนแนวโน้มการเกิดของคู่แข่งใหม่อีกในอนาคต

 

ที่มา: The Wall Street Journal, CNBC

advertisement

SPOTLIGHT