กระแส Digital Disruption ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกยุคดิจิทัลนี้ ภาคการเงินเองก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณธุรกรรมการเงินที่เกิดขึ้น ที่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non Bank) เติบโตกว่า 500% ไม่นับรวมฟินเทคต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายทั้วโลกที่เติบโตสูงเป็นระดับ 1,000%
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย(แบงก์ชาติ) ได้ออกประกาศร่างหลักเกณฑ์ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยของใครหลายๆ คนว่า มันต่างกับธนาคารพาณิชย์ปกติอย่างทุกวันนี้อย่างไร? ใครกันที่ได้ประโยชน์?
ทีม Spotlight สรุปมาให้ว่า ปัจจุบันระบบการเงินไทย มีสถาบันการเงินรูปแบบไหนบ้าง และมีบริการทางการเงินอะไรบ้างแล้ว เพื่อที่จะให้เราเห็นภาพได้มากขึ้น
สถาบันการเงินไทยรูปแบบเดิม
ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย ทั้งหมด 17 แห่ง
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัทเงินทุน (1 แห่ง)
- บริษัทเงินทุน แอ็ดวานซ์ จำกัด (มหาชน)
บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (3 แห่ง)
- บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เอสเบ จำกัด
- บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เวิลด์ จำกัด
- บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ แคปปิตอล ลิ้งค์ จำกัด
โดยที่ผ่านบริการฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงิน ขอสินเชื่อ หรือบริการอื่นๆ สามารถทำได้หลายช่องทาง ทั้งจากสาขาของธนาคารพาณิชย์ ไปรษณีย์ ร้านสะดวกซื้อที่เป็นตัวแทน ตู้เอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินเหล่านี้ได้อย่างสะดวกสบายตลอด 24 ชม.
ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเข้าถึงสินเชื่อ ซึ่งตอบสนองความต้องการของประชาชนกลุ่มนี้ทั้งในยามปกติและภาวะฉุกเฉิน ด้วยกระบวนการอนุมัติที่รวดเร็ว และลดความยุ่งยากทางด้านเอกสารต่างๆ ได้
โดยมีผู้ให้บริการสินเชื่อ Non-Bank ที่ได้รับอนุญาตและเปิดทำการแล้ว 122 ราย เป็นสินเชื่อบัตรเครดิต 7 ราย สินเชื่อ P-loan 75 ราย Nano Finance 40 ราย ซึ่งมีสาขาจำนวน 9,248 สาขา ครอบคลุมอยู่ทุกจังหวัด
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการสินเชื่อ Non-Bank ประเภท P-Loan และ Nano Finance จะเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่กระจายอยู่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดในระดับตำบล-หมู่บ้าน ซึ่งอาจเข้าไม่ถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ และจะใช้พนักงานของบริษัทประจำสาขาลงพื้นที่เพื่อทำความรู้จักและให้บริการแก่ลูกค้า สำหรับสินเชื่อ Pico Finance อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับอนุญาตและเปิดดำเนินการแล้ว 469 ราย
โดย Nano Finance คือ สินเชื่อรายย่อยให้กับผู้บริโภค ที่มีผู้เล่นทั้งธนาคารพาณิชย์ และ Non-Bank เข้ามาเล่นกัน เช่น แรทบิท แคช SEasyCash for Sellers สินเชื่อนาโนพร้อมใช้ ของธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย เป็นต้น P-Loan คือ สินเชื่อส่วนบุคคล
ขณะที่การทำธุรกรรมโอนเงิน ชำระเงิน ก็มีระบบ e-Payment คือ ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างร้านค้าและผู้บริโภค สามารถทำได้แล้วใน Internet Banking คือ การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ Mobile Banking คือ ตัวช่วยรูปแบบหนึ่งในการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งสามารถทำได้แบบออนไลน์ ทำที่ไหนเวลาใดก็ได้ เป็นรูปแบบบริการหนึ่งของยุคดิจิทัลและสังคมไร้เงินสด (Cashless Society)
หรือแม้แต่ระบบ Open Banking คือ การสร้างกลไกให้ผู้ใช้บริการทางการเงินในฐานะเจ้าของข้อมูลสามารถบริหารจัดการข้อมูลของตนที่มีอยู่ที่ธนาคารต่าง ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น โดยเจ้าของข้อมูลเป็นผู้ให้สิทธิอนุญาตให้ธนาคารส่งข้อมูลของตนเองให้แก่บุคคลอื่น เช่น ผู้ให้บริการทางการเงินรายอื่น บริษัท FinTech หรือหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อให้นำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ทั้งในแง่การให้บริการหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตนเองในฐานะเจ้าของข้อมูลได้ดีขึ้น และปลอดภัย โดยช่องทางเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในปัจจุบันคือ API
API หรือ Application Programming Interface เป็นวิธีการที่ซอฟท์แวร์สื่อสารถึงกันซึ่งทำให้การทำงานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ เชื่อมต่อกับระบบได้อัตโนมัติ และเมื่อนำมาผนวกกับคำว่า “Open” เราจะได้คำว่า Open API คือ ให้แอปพลิเคชันต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อระบบกันได้ โดยที่แอปพลิเคชัน หรือบริษัทผู้ให้บริการแก่ประชาชนไม่ต้องติดต่อทำข้อตกลงกับบริษัทที่ถือข้อมูลมาก่อน เช่น การเชื่อมต่อของ Google เช่น อุปกรณ์ดิจิทัลที่ใช้ติดตามกิจกรรมการออกกำลัง เช่น Apple watch และ Fitbit แพลตฟอร์มให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าอย่างเช่น Grab และ LINE Man ซึ่งใช้ข้อมูลที่ตั้งและแผนที่ผ่าน API ในการประเมินค่าโดยสาร การแสดงตำแหน่งผู้ใช้บริการ และการติดตามตำแหน่งของผู้ให้บริการแบบ Real-time และแพลตฟอร์มธุรกิจอื่น ๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งใช้ข้อมูลพิกัดตำแหน่งสถานที่ของ Google เป็นหนึ่งในลักษณะสำคัญของการบริการ เช่น Grab LINE MAN เป็นต้น
e-Wallet ที่มีผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ในไทยเป็นจำนวนมาก เช่น mPay ShopeePay True Money Rabbit LINE Pay AirPay เป๋าตัง เป็นต้น ที่ตอนนี้ก็ให้บริการทั้งเป็นกระเป๋าตัง เก็บเงินไว้สำหรับใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสแกน QR Code มีบริการปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยวงเงินไม่มากเป็นหลักพันบาท หมื่นบาท
ภาพส่วนใหญ่ตอนนี้สถาบันการเงินในไทย และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ภายหลังจากทั่วโลกประสบปัญหาโรคโควิด-19 ต้องลดการสัมผัส ซึ่งสถาบันการเงินในไทยต่างได้มีการปรับตัวและให้บริการในรูปแบบดิจิทัล
ธนาคารไร้สาขา Virtual Bank
ในปีนี้เองธนาคารแห่งประเทศไทย(แบงก์ชาติ) มีการออกร่างหลักเกณฑ์การจัดตั้ง ธนาคารไร้สาขา Virtual Bank โดยหลักเกณฑ์เบื้องต้นต้องมีโมเดลธุรกิจ ที่ตอบโจทย์ Green Line อย่างยั่งยืน ขยายฐานลูกค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และบริหารรายได้และต้นทุนได้อย่างยั่งยืน และให้บริการทางการเงินได้เต็มรูปแบบ เน้นรายย่อยและ SMEs เปิดโอกาสให้ เป็นสถาบันการเงิน non-bank หรือกิจการร่วมค้า โดยธปท.อาจผ่อนผันสัดส่วนการถือหุ้นเป็นรายกรณี หากผู้ถือหุ้นมีคุณสมบัติเหมาะสมและสามารถสนับสนุนธุรกิจได้อย่างยั่งยืน โดยต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 25% และสามารถผ่อนผันได้ไม่เกิน 49% กำกับดูแลโดยแบงก์ชาติ
แหล่งข่าวในแวดวงธนาคารพาณิชย์ กล่าวกับ “Spotlight” ว่า “ ระบบการเงินไทยในปัจจุบันก็ได้มีการปรับตัวลงตามกระแส ยุค Digital Disruption มีการลดขนาดและจำนวนสาขาลง หันมาใช้เทคโนโลยีในการให้บริการทางการเงินมากขึ้น ทั้งเงินฝาก สินเชื่อ หรือแม้แต่การลงทุน ทั้งซื้อหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล ก็อยู่ใน Mobile Banking หรือ e-Wallet คงต้องดูรูปแบบ Virtual Bank ที่จะออกมาจะแตกต่างจากที่มีให้บริการอยู่อย่างไร คงต้องรอดูความชัดเจนเรื่องของรูปแบบและนโยบายที่จะออกมา”
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมมีใครบ้าง?
เริ่มจาก 3 Big ที่ร่วมกันเป็นพันธมิตรขอจัดตั้งเป็น Virtual Bank คือ ธนาคารกรุงไทย (KTB), บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)
ตามด้วย ยานแม่อย่าง SCBx แสดงความสนใจจัดตั้ง Virtual Bank โดยนโยบายของทาง SCBx ชัดเจนว่า ต้องการให้ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมให้บริการที่เชื้อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทางให้กับลูกค้า ภายใน 3 ปี
โดยจะปรับกระบวนการให้เป็นดิจิทัลอย่างครบวงจร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการดำเนินการ ด้วยกลยุทธ์สร้างผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัล ขยายการทำงานเชื่อมโยงกันระหว่างลูกค้าโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริง
JAMART โดยกลุ่มเจมาร์ทสนใจและจะพัฒนาพร้อมกับทําแผนธุรกิจเพื่อก้าวสู่การเป็น Virtual Bank เพื่อก้าวสู่ผู้นำด้านค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี สู่ผู้นำโลกการเงินดิจิทัล นำเทคโนโลยีสนับสนุนโลกการเงินด้านฟินเทค โดยมี บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (J Ventures) เป็นพลังขับเคลื่อน เชื่อมโลกเทคโนโลยีสู่ผู้บริโภค เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เสมือนธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา ให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างครบวงจร โดยมีพันธมิตรที่สำคัญอย่าง KB Financial Group กลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำในประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้มีการหารือเรื่อง Virtual Bank
นายแบงก์กังวลปชช.ถูกมิจฉาชีพหลอก
ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง กล่าวกับ “Spotlight” ว่า Virtual Bank เชื่อว่านโยบายของแบงก์ชาติเป็นแนวทางที่ดี เพื่อที่ต้องการขยายบริการทางการเงินให้เข้ากับยุคดิจิทัล และเพื่อให้ประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงได้เข้าถึงบริการทางการเงิน ทั้งลูกค้า SMEs และลูกค้ารายย่อย
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเรื่องที่น่ากังวล คือ เรื่องการจะโดนมิจฉาชีพเข้ามาหลอกลวง โดยเฉพาะยิ่งเป็น Virtual Bank และยิ่งเป็นประชาชนที่ยังใช้เทคโนโลยีไม่ค่อยคล่อง อาจจะโดนหลอกลวงให้โอนเงิน หรือให้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อทำธุรกรรมได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิจฉาชีพในปัจจุบันมีการปรับตัวปรับเปลี่ยนรูปแบบกลโกงไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งเรื่องนี้ทุกฝ่ายคงต้องช่วยกันให้ความรู้
สุดท้ายแล้ว Virtual Bank ใครกันที่จะได้ประโยชน์ ผู้ประกอบการที่สนใจจัดตั้ง Virtual Bank ที่มีแต่ละรายต่างมีฐานลูกค้าของตัวเองจำนวนมาก สามารถต่อยอดในการให้บริการทางการเงินได้เพิ่มขึ้น เป็นศักยภาพและโอกาสให้กับตัวเอง หรือประชาชนคนไทยที่จะได้ใช้บริการทางการเงิน คนที่เข้าไม่ถึงสามารถเข้าถึงได้จริงหรือ? หรือจะเป็นกลุ่มคนเดิมๆ ที่เข้าถึงอยู่แล้ว และมีความชำนาญการใช้เทคโนโลยีเป็นทุนอยู่แล้ว ไม่นับรวมปัญหากลโกงมิจฉาชีพที่มีข่าวไม่เว้นแต่ละวันที่ดูดเงินในบัญชีของประชาชนที่เก็บหอมรอมริบกันมาทั้งชีวิต!!!