ข่าวเศรษฐกิจ

แบงก์ชาติ "เมียนมา" ประกาศใช้ยาแรงอุ้ม "ค่าเงินจ๊าต"

18 ก.ค. 65
แบงก์ชาติ "เมียนมา" ประกาศใช้ยาแรงอุ้ม "ค่าเงินจ๊าต"

 

วิกฤติค่าเงินไม่ได้มีแค่ "ลาว" หรือ "ศรีลังกา" ล่าสุด "เมียนมา" ประกาศใช้ยาแรง หลังค่าเงินดิ่งเหว รัฐบาลขาดเงินสกุลต่างประเทศ

วันนี้ (18 ก.ค. 65) ธนาคารกลางเมียนมา ได้ออกประกาศคำสั่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุนต่างชาติอีกครั้ง โดยให้ประชาชนและภาคธุรกิจ "ระงับการชำระหนี้ที่กู้ยืมมาในสกุลเงินต่างประเทศ" ทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น หลังจากที่ประเทศประสบภาวะขาดแคลนเงินสกุลต่างประเทศ

Win Thaw รองผู้ว่าการแบงก์ชาติเมียนมา ได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงธนาคารต่างๆ ในประเทศ ขอให้ธนาคารแจ้งไปยังบรรดาลูกค้าที่มีหนี้สกุลต่างประเทศ ให้ปรับกำหนดการชำระหนี้กับบรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศเสียใหม่ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ขณะที่ข้อมูลของสำนักข่าว Bloomberg พบว่า มีบริษัทในเมียนมาเป็นหนี้หุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐอย่างน้อย 1,200 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.4 หมื่นล้านบาท)

นอกจากนี้ แบงก์ชาติเมียนมายังมีคำสั่งใหม่อีกข้อคือ บังคับให้บริษัทที่มีต่างชาติถือหุ้นอยู่มากกว่า 35% ขึ้นไป ต้องแลกเงินสกุลต่างประเทศที่มีอยู่เป็นเงินจ๊าต โดยเป็นการเพิ่มกฎข้อบังคับให้รุนแรงขึ้น หลังจากที่ประกาศใช้กับธุรกิจสัญชาติเมียนมาไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ครั้งนั้นยังยกเว้นให้บริษัทต่างชาติอยู่ โดยบังคับ

000_1ho5g0

ทั้งนี้ ค่าเงินจ๊าตของเมียนมาร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางการทยอยถอนการลงทุนของต่างชาติ ทั้งบริษัทน้ำมันจากตะวันตกอย่าง Chevron และ Total ไปจนถึงบริษัทเบียร์ญี่ปุ่นอย่าง Kirin หลังจากที่เกิด "รัฐประหาร" ขึ้นในเมียนมาเมื่อปีที่แล้ว

จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1,330 จ๊าต/ดอลลาร์ ค่าเงินร่วงลงหนักไปถึง 2,200 จ๊าต/ดอลลาร์ หรือร่วงลงถึง 60% เมื่อช่วงเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว แต่ในปัจจุบันนี้ เมียนมาบังคับการแลกเงินที่อัตราแลกเปลี่ยน 1,850 จ๊าต/ดอลลาร์ และมีการใช้มาตรการหลายอย่างมาอย่างต่อเนื่องเพื่อพยุงค่าเงิน เช่น ห้ามนำเข้ารถยนต์ต่างประเทศและสินค้าฟุ่มเฟือย จำกัดการนำเข้าน้ำมันและน้ำมันปรุงอาหาร และยังเปิดทางให้มีการใช้ "เงินหยวน" และ "เงินบาท" ในการค้าชายแดน

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT