ข่าวเศรษฐกิจ

มาแล้ว! น้ำมัน 130 เหรียญ แพงสุดในรอบ 13 ปี

7 มี.ค. 65
มาแล้ว! น้ำมัน 130 เหรียญ แพงสุดในรอบ 13 ปี

 

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐแตะ 130 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 แนวโน้มราคายังพุ่งขึ้นได้อีก หลังจากสหรัฐ-ยุโรป จ่อแบนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย หวังตอบโต้กรณีบุกยูเครน

 


ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) สหรัฐ พุ่งขึ้นไปทะลุ 130.50 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันโลกปี 2008 เนื่องจากความล่าช้าในกระบวนการเจรจดึง "อิหร่าน" เข้ามาช่วยเสริมซัพพลายน้ำมันแทนที่รัสเซีย อีกทั้งสหรัฐและยุโรปยังมีแผน "ห้ามนำเข้าน้ำมัน" จากรัสเซีย ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้อีกด้วย

 

ความกังวลดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ พุ่งไปทะลุ 130 ดอลลาร์ระหว่างการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนที่จะกลับมาปิดที่ 126.51 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยบวกไปถึง 10.83 ดอลลาร์ หรือ 9.4%

 

ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีเช่นกัน ถึง 139.13 ดอลลาร์ระหว่างการซื้อขาย ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ 129.78 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยบวกไป 11.67 ดอลลาร์ หรือ 9.9%

 

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลกเคยทำสถิติ "แพงที่สุดเป็นประวัติการณ์" เอาไว้เมื่อเดือน ก.ค. ปี 2008 ที่ราคา 147.50 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ทำให้ซัพพลายน้ำมันตึงตัวอย่างหนัก เช่น การผลิตน้ำมันที่ลดลงของกลุ่มประเทศโอเปก และพายุเฮอร์ริเคนคาทรินา ที่ถล่มอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป้นพื้นที่ผลิตน้ำมันหลักในสหรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันอาจจะยัง "แพงขึ้นไปอีก" เนื่องจากสหรัฐส่งสัญญาณว่า อาจจะประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีบุกยูเครน

 

นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "State of the Union" ของซีเอ็นเอ็น เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะตอบโต้รัสเซียกรณีใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน

 

"ผมได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐในเรื่องน้ำมันของรัสเซีย และขณะนี้เรากำลังพูดคุยกับประเทศพันธมิตรของเราในยุโรป เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องสร้างความมั่นใจว่า อุปทานน้ำมันยังคงมีเพียงพอรองรับความต้องการในตลาดโลก" นายบลิงเกนกล่าวกับนายเจค แทปเปอร์ ผู้ดำเนินรายการของซีเอ็นเอ็น

 

ทั้งนี้ นานาประเทศได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียฐานใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อรัสเซียเป็นวงกว้าง ตั้งแต่การที่รัสเซียไม่สามารถเข้าถึงทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ไปจนถึงการตัดธนาคารรัสเซียหลายแห่งออกจากระบบ SWIFT

 

นอกจากนี้ บริษัท MSCI ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีตลาดหุ้นระดับโลก ประกาศถอดตลาดหุ้นรัสเซียออกจากการคำนวณในดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ (MSCI Emerging Markets Indexes) และปรับให้อยู่กลุ่ม "Standalone Markets" โดยระบุว่า ตลาดหุ้นรัสเซียอยู่ในภาวะไม่น่าลงทุน หลังจากที่รัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตรอันเนื่องมาจากการใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT