
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสบนโซเชียลมีเดียได้ตั้งข้อสงสัยว่าไทยอาจมีการส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชา ซึ่งอาจเอื้อประโยชน์ต่อการสู้รบตามแนวชายแดน ประเด็นดังกล่าวทำให้หน่วยงานด้านความมั่นคงและภาคพลังงานของไทยต้องออกมาชี้แจง
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังและตรวจสอบการขนส่งทางเรือ โดยเฉพาะเรือสัญชาติไทยที่อาจขนส่งสินค้าที่เข้าข่ายเป็นยุทธปัจจัย พร้อมทั้งให้กระทรวงกลาโหมกำหนดรายการสินค้าที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออกไปยังกัมพูชา ตามกฎหมายควบคุมสินค้าชายแดน
ขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานยืนยันว่าไทยไม่มีการส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางทะเล โดยกรณีการขนส่งน้ำมันผ่านด่านช่องเม็กเป็นการส่งออกไปยัง สปป.ลาว ในปริมาณปกติ สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันตามฤดูกาล และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณากลไกในการยืนยันการใช้น้ำมัน ณ ปลายทาง
ในฝั่งภาคเอกชน บริษัทพลังงานรายใหญ่ ได้แก่ ปตท. บางจาก และ SPRC ต่างออกแถลงยืนยันในทิศทางเดียวกันว่าไม่มีการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา โดยกลุ่ม ปตท. ระบุว่างดการส่งออกมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 ขณะที่บางจากและ SPRC ย้ำว่าไม่มีธุรกิจหรือการขนส่งน้ำมันไปยังกัมพูชา ทั้งทางบกและทางทะเล และการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย พิธีการศุลกากร และมาตรการของรัฐอย่างเคร่งครัด โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติและความมั่นคงด้านพลังงานเป็นหลัก
ในบทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากพาผู้อ่านไปพิจารณาสถิติการส่งออกน้ำมันของไทย เพื่อทำความเข้าใจภาพรวมของข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว
ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกรมศุลกากร ระบุว่า ไทยมีการส่งออกน้ำมันทั้งในรูปน้ำมันดิบ น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน โดยตลาดหลักส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว และกัมพูชา ยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญสำหรับน้ำมันสำเร็จรูป โดยเฉพาะดีเซลและเบนซิน
ในส่วนของน้ำมันดิบ ในปี 2568 เดือนมกราคมถึงตุลาคม ไทยส่งออกคิดเป็นมูลค่ารวม 9,008 ล้านบาท โดยตลาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก คือ
ในส่วนของน้ำมันดีเซล ในปี 2568 เดือนมกราคมถึงตุลาคม ไทยส่งออกคิดเป็นมูลค่ารวม 68,691.99 ล้านบาท โดยตลาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก คือ
สำหรับน้ำมันเบนซิน ในปี 2568 เดือนมกราคมถึงตุลาคม ไทยส่งออกคิดเป็นมูลค่ารวม 12.04 ล้านบาท โดยตลาดใหญ่ที่สุดเพียง 2 ประเทศ คือ
ข้อมูลสถิติสะท้อนให้เห็นว่า การส่งออกน้ำมันจากไทยไปยังกัมพูชามีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในหมวดน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของการค้าชายแดนด้านพลังงานระหว่างสองประเทศ
ในส่วนของน้ำมันดีเซล ในอดีต กัมพูชาเคยเป็นตลาดส่งออกน้ำมันดีเซลอันดับหนึ่งของไทย อย่างไรก็ตาม บทบาทดังกล่าวเริ่มลดลงอย่างชัดเจน ก่อนที่ สปป.ลาวจะขึ้นมาเป็นตลาดหลักแทนในปี 2567 โดยมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง ดังนี้
ปี 2564: 42,908.61 ล้านบาท
ปี 2565: 38,423.43 ล้านบาท
ปี 2566: 35,009.86 ล้านบาท
ปี 2567: 25,625.84 ล้านบาท
ในส่วนของน้ำมันดิบ การส่งออกน้ำมันดิบจากไทยไปยังกัมพูชามีมูลค่าต่ำมาก และไม่มีความต่อเนื่องในเชิงสถิติ สะท้อนว่ากัมพูชาไม่ได้เป็นตลาดหลักในหมวดนี้
ปี 2564: 0.01 ล้านบาท
ปี 2565: ไม่พบข้อมูลการส่งออก
ปี 2566: ไม่พบข้อมูลการส่งออก
ปี 2567: 0.10 ล้านบาท
โดยภาพรวม ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการหดตัวของบทบาทกัมพูชาในฐานะตลาดส่งออกน้ำมันของไทย ทั้งจากปัจจัยด้านโครงสร้างตลาดพลังงาน การเปลี่ยนแหล่งนำเข้า และบริบทด้านนโยบายและสถานการณ์ชายแดนที่ส่งผลต่อการค้าพลังงานระหว่างประเทศในช่วงหลัง